อดีตผู้สมัคร ส.ส.อนาคตใหม่ จัดอีกดอก! โพสต์เฟซซัดพรรคโกหกหลักการประชาธิปไตย จวก “ธนาธร” ไม่เห็นหัวคน ย้ำพรรคมีชั้นวรรณะตั้งแต่หลังเลือกตั้ง นั่งแยกโต๊ะดื่มเหมือนบ่าวไพร่ ปูด “ช่อ-บุต” และ “2 ต.” ชนชั้นสูง ทำนักสู้ผู้มวลชนต้องกุมไข่เพื่อเก้าอี้ผู้ช่วย ส.ส. ไม่ทำก็เป็นขยะ พวกไม่เลือกพรรคเป็นสนิม แฉคอร์รัปชันเงินหนุน ขายเสื้อผ้า สร้างบิลเท็จ รับผิดหวังจัดสรรตำแหน่ง ไล่ไปแก้ปัญหาไทยซัมมิทพักกิจการก่อนนั่ง กมธ.งบฯ สื่อแกะอักษรย่ออาจหมายถึง “ต๋อม-ติ่ง” เพื่อน “เอก” สมัยอยู่ สนนท.
วันนี้ (29 ต.ค.) เครือข่ายสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ก Chanwit Jaisawang ของนายชาญวิทย์ ใจสว่าง อดีตผู้สมัคร ส.ส.ชุมพร เขต 1 พรรคอนาคตใหม่ ได้เขียนข้อความกล่าวหาพรรคอนาคตใหม่ โดยระบุว่า พรรคโกหกหลักการประชาธิปไตย ไม่ขยะ ก็สนิม มีค่าแค่นี้ สำหรับคนที่เห็นต่างจากอนาคตใหม่ คนภายนอกได้ยินกันแล้ว หัวหน้าพรรคเป็นคนพูดเองว่าใครคือสนิม สำหรับภายในโดนมามากแล้ว คนแล้วคนเล่า เขาดูถูกคนหน้าใหม่ทางการเมืองมาตลอด 95% กระแสนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค อีก 5% เป็นของ ส.ส.เขต พูดกันหนาหูเหลือเกิน
“คนข้างนอกอาจรู้สึกเหมือนไม่จริง เพราะจากภาพก่อนหน้านี้เห็นกันว่อนโซเชียลฯ นั่งพื้น นอนเสื่อ กินข้าวช้อนกลางคันเดียว บางคราวลากแตะหูหนีบ สะพายผ้าขาวม้า ขึ้นเครื่องเดินทาง เหมือนไพร่หมื่นล้านเดินดินตัวจริง ตอนอยู่ข้างนอก ผมก็เห็น เหมือนที่คนนอกเห็น แต่พอเข้าข้างใน จึงรู้ว่า เป็นคนไม่เห็นหัวคนจริงๆ เขาคิดแต่กำไร ขาดทุน และผลประโยชน์ เหนือสิ่งอื่นใด” นายชาญวิทย์ระบุ
นายชาญวิทย์ระบุต่อว่า ระบบชนชั้นข้างใน เป็นระบบอุปถัมภ์ เขาวางไว้หมดแล้ว และถูกนำมาแยกชั้นวรรณะอย่างจริงจัง หลังเลือกตั้งเป็นต้นมา จากสถานะผู้สมัคร ส.ส.ที่เคยเริ่มต้นเสมอกัน พอเปลี่ยนเป็นท่าน ส.ส. หลังการเลือกตั้ง พฤติกรรมพวกนี้ออกลาย เริ่มแยกและยกสถานะที่ต่างกันทันที งานเลี้ยงฉลองหลังเลือกตั้งแยกโต๊ะนั่งกินดื่มกัน เหมือนบ่าวไพร่ที่เกาะบ่าไหล่ ไม่ได้อีกแล้ว ชนชั้นสูงถูกยกขึ้นสูงสุด ไขว่คว้าไม่ถึง โดยมีชนชั้น 2 ห้อมล้อมเป็นประภาคาร คอยสกัดกีดกันชนชั้น 3 ไม่ให้เฉียดเข้าไปใกล้โดยเด็ดขาด ชนชั้นสูงสุด นี่ละ ที่เรียกว่า มติพรรค เสมอมา กินความแค่ คน 5 คน ทอน บุต ช่อ และ 2 ต. ชนชั้น 3 ที่ไม่อยากต่ำ อยู่อย่างไร้ค่า หลังแพ้เลือกตั้ง พยายามดิ้นหนี ขึ้นชั้นลอย ใกล้ติดชนชั้น 2 เหมือนปลาว่ายทวนน้ำหนีความแห้งแล้งแบบไหนแบบนั้น
“จากนักต่อสู้เพื่อมวลชน ต้องการเป็น ผช.ส.ส. เลยต้องกุมไข่รับใช้ จนเป็นที่ประจักษ์แก่ชนชั้น 2 เพื่อนำเสนอชั้นสูงสุดให้วางตำแหน่ง ผช.ส.ส.นี้ให้ได้ ที่ใดที่หนึ่ง ตามใจที่ข้างบนชี้ลงไปข้ามภาคข้ามจังหวัด ที่เหลือ ที่ไม่กุมไข่ คือ ขยะ ที่เกิดจากการหล่อหลอมของพรรค ส่วนบุคคลภายนอกที่ไม่เลือก อนค. คือ สนิม ผมเห็น บุคคลสองบุคลิกนี้ แล้วแทบไม่เชื่อว่านี้คือพรรคที่จะสร้างประชาธิปไตย เริ่มต้นร่วมกันสร้าง ประชาธิปไตย แต่โครงสร้างถูกสร้างเป็นแท่งเผด็จการ โดยบริหารจัดการกันแบบระบบอุปถัมภ์ห่อหุ้ม ผลลัพธ์ก็ต้องออกมาเป็นเผด็จการอย่างเดียว เป็นอย่างอื่นไปไปไม่ได้ ผมเห็นเป็นแค่กระสือการเมือง ที่หาอุดมการณ์ทางการเมืองไม่เจอ เหมือนกระสือที่ล่องลอย แขนขา ตัวตนไม่มีอยู่จริง หลอกหลอนสร้างประชาธิปไตย กลับไปกลับมาได้ในคนคนเดียว ผู้ที่ไม่เคยเจอทั้งในรูป คน และกระสือ พร้อมกัน ย่อมลังเลเป็นธรรมดา แต่เชื่อเถอะมีคนเริ่มดูออกและจับพิรุธได้แล้วว่าแปลงร่างสร้างภาพได้อย่างน่ากลัว” นายชาญวิทย์ระบุ
นายชาญวิทย์ระบุว่า 640 ตำแหน่ง ผช.สส., ผู้เชี่ยวชาญ, เลขาฯ ที่บอกว่า คิดจากความสามารถ มีนักวิชาการมากมาย ถ้ามันจริงดั่งบอก คนที่ไม่ได้ คงไม่หน้าด้านกล้าออกมาเรียกร้องการจัดสรรแบบนี้หรอก เรามียางอาย เราอายคนเป็น ยิ่งความสามารถไม่ถึง เท่ากับเสียคนเล่นๆ ได้เลย คัดสรรอย่างดี แต่ทำไมหนอ ผลออกมา ได้เฉพาะเพื่อนชนชั้นสูง ทั้งข้างใน มาจากข้างนอก ทั้งคนที่ไม่เคยร่วมหล่อหลอมมาก่อน ทะลักเข้ามาเต็มไปหมด เจ้าหน้าที่พรรค ส่วนกลาง และจากสาขา ที่ทำงานอยู่ และที่ถูกส่งไปคุมสาขา กลับย้อนมาเป็นผู้มีความสามารถได้อย่างไร มากมายขนาดนั้น มีทั้งปัญหาคอรัปชั่นเงินสนับสนุนพรรค ชักเปอร์เซ็นต์ขายเสื้อผ้า สร้างบิลค่าใช้จ่ายเท็จในการทำกิจกรรมแต่ละเดือน
“ทำไมได้แต่คนสอพลอ นี่คือคำถาม ไม่ได้น้อยใจ เรื่องไม่ได้ตำแหน่งแล้วมาทำลายพรรค รู้สึกผิดหวังกับการจัดสรรหากันแบบนี้ แล้วอ้างความสามารถบังหน้าออกสื่อดูดี มันย้อนแย้งกับหลักการอย่างชัดเจน ความสามารถ 640 คน เปิดให้เห็นหน้าเห็นชื่อกันไปเลยดีไหม จะได้โชว์ภาพพรรคคุณภาพที่เต็มเปี่ยมไปเหล็กน้ำดีมากที่สุดในประเทศ” นายชาญวิทย์ระบุ
นายชาญวิทย์ระบุอีกว่า นี่หรือพรรคที่จะปราบคอร์รัปชันให้ประเทศ ในเมื่อข้างในแก้คอร์รัปชันตัวเองยังไม่ได้ นี่หรือพรรคจะเข้าไปแต่งตั้งโยกย้าย ขรก. อย่างเป็นธรรม ในเมื่อ บริหารภายในด้วยระบบอุปถัมภ์ นี่หรือพรรค มีอุดมการณ์เดียวกัน จะสร้างประชาธิปไตย แต่ปกครองแบบเผด็จการ นี่หรือไพร่หมื่นล้าน จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศ ในเมื่อ ไทยซัมมิท ปิดพักกิจการ แก้ปัญหาพนักงานไทยซัมมิท ให้เขาพ้นวิกฤตก่อนเถิด กรรมาธิการงบฯ มีคนทำกันเยอะแล้วค่อยเป็นก็ได้ ในเมื่ออุดมการณ์ของพรรค คือ ร่วมกันอุ้มชูระบบเผด็จการ กีดกันการเห็นต่าง คงไว้ซึ่งระบบอุปถัมภ์ ซึ่งเป็นระบบที่เหนี่ยวรั้งการพัฒนาประเทศตลอดมา ย้อนแย้งในหลักการประชาธิปไตยของตัวเอง เราจึงหมดศรัทธากับความใจคดของคุณ”
ล่าสุดเฟซบุ๊กของนายชาญวิทย์ ได้ถูกปิดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ตัวอักษรย่อ 2 ต. ที่นายชาญวิทย์ ระบุอาจหมายถึง นายชัยธวัช ตุลาธน หรือต๋อม รองเลขาธิการพรรค และอดีตเลขาธิการสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) ปี 2541 ส่วนอีกคนคือ นายศรายุทธ ใจหลัก หรือติ่ง ผู้อำนวยการพรรคอนาคตใหม่ และอดีตเลขาฯ สนนท.ปี 2543 ซึ่งทั้งคู่ไม่ได้เป็น ส.ส.ของพรรค นอกจากนี้ยังพบว่านายชัยธวัช กับนายศรายุทธ และนายธนาธร เคยร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคมในสมัยที่นายธนาธรเป็นอุปนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปี 2542 และรองเลขาฯ สนนท.ปี 2543