ผู้จัดการรายวัน360- โปรดเกล้าฯถอดสมณศักดิ์พระผู้ ใหญ่ 7 รูป ฐานกระทำทุจริต ยักยอกทรัพย์ "พระธงชัย" อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศ เข้ามอบตัวที่ กองปราบปราม เพื่อสู้คดีข้อหาฟอกเงิน ตำรวจสอบเครียด ก่อนพาตัวไปศาลฝากขังผัดแรก พร้อมค้านประกันหวั่นหลบหนี ขณะที่ศาลไม่ให้ประกันตัว ก่อนให้สึกและคุมตัวเข้าเรือนจำ "วิษณุ"ระบุหากพระถูกดำเนินคดี แต่สู้จนพ้นผิด ยังกลับมาครองผ้าเหลืองได้ ด้านป.ป.ช.ส่งกลับสำนวน 5 พระชั้นผู้ใหญ่ พัวพันทุจริตเงินทอนวัดให้ตำรวจดำเนินการเอง อ้างเพื่อให้คดีรวดเร็วต่อเนื่อง
วานนี้ ( 30 พ.ค.) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศ เรื่อง ถอดถอนสมณศักดิ์ โดยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่า ด้วยปรากฏว่ามีกรณีพระภิกษุ ถูกกล่าวหาว่ากระทําการทุจริต และถูกดําเนินคดีอาญาในความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต อาศัยอํานาจตามประมวลกฎหมายอาญา และความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน ตามพ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ตามความใน มาตรา 5 ตรี แห่งพ.ร.บ. คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.คณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ถอดถอนสมณศักดิ์ จํานวน 7 รูป ดังนี้ 1. พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขโข) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร 2. พระพรหมเมธี (จํานงค์ เอี่ยมอินทรา) วัดสัมพันธวงศาราม 3. พระพรหมดิลก (เอื้อน กลิ่นสาลี) วัดสามพระยา 4. พระราชอุปเสณาภรณ์ (สมณศักดิ์เดิม คือ พระเมธีสุทธิกร) (สังคม สังฆะพัฒน์) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร 5. พระราชกิจจาภรณ์ (สมณศักดิ์เดิมคือ พระวิจิตรธรรมาภรณ์) (เทอด วงศ์ชะอุ่ม) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร 6. พระอรรถกิจโสภณ (สมทรง อรรถกฤษณ์) วัดสามพระยา และ 7. พระศรีคุณาภรณ์ (บุญทวี คํามา) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตั้งแต่ วันที่ 24 พ.ค.61 ซึ่งเป็นวันที่ถูกจับกุม และสละสมณเพศ ประกาศ ณ วันที่ 29 พ.ค.61 เป็นปีที่ 3 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระราชโองการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
อดีตเจ้าคุณธงชัยมอบตัว
เมื่อเช้าวานนี้ (30 พ.ค.) มีรายงานข่าวว่า บุคคลใกล้ชิดของ อดีตพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ที่ถูกถอดสมณศักดิ์ไปแล้ว ได้ติดต่อขอเข้ามอบตัว เพื่อสู้คดีร่วมกันทุจริตงบประมาณอุดหนุนเผยแผ่พระพุทธศาสนา ทำให้มีสื่อมวลชนรอติดตามสถานการณ์อยู่ที่กองปราบปรามเป็นจำนวนมาก
กระทั่ง เวลา 14.30 น. พระธงชัย ได้เข้ามอบตัวที่กองปราบฯ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจพาขึ้นด้านหลังตึก เพื่อสอบปากคำเบื้องต้น หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ จะนำตัวไปที่ศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อขอฝากขังผัดแรก และท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว
สำหรับอดีตพระพรหมสิทธิ ถูกศาลอาญาออกหมายจับ ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน จากการทุจริตงบประมาณเงินอุดหนุนเผยแผ่พระพุทธศาสนากว่า 32 ล้านบาท และยังมีงบประมาณอุดหนุนโรงเรียนปริยัติธรรม และเผยแผ่พระพุทธศาสนา ตั้งแต่ปี 57 ถึงปี 59 เป็นเงินกว่า 47 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติมว่ามีการทุจริตในส่วนใดอีกหรือไม่
ต่อมาเวลา 15.15 น. พนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้นำตัว "พระธงชัย" ไป ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อยื่นคำร้องขอฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่ 30 พ.ค.-10 มิ.ย นี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น และรอผลการตรวจพิมพ์ลายนิ้วมือผู้ต้องหา ขณะที่ทนายความ ซึ่งเป็นนายประกัน ได้เตรียมหลักทรัพย์มูลค่า 1 ล้านบาท มายื่นประกอบคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว
โดยศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า พนักงานสอบสวนยังมีความจำเป็นต้องสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องอีก จึงอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาเป็นเวลา 12 วันตามคำร้อง
ภายหลังทนายความได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด จำนวน 1 ล้านบาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราวระหว่างฝากขัง ซึ่งศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์การกระทำความผิดส่งผลกระทบต่อศรัทธาของพุทธศาสนิกชน มีลักษณะการกระทำเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่ยักย้ายเงินที่ได้มาให้แก่พวกของผู้ต้องหาและบุคคลภายนอกหลายรายการ จึงอาจมีพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดอยู่ในความครอบครองของผู้ต้องหากับพวก และหลังจากศาลออกหมายจับผู้ต้องหาแล้วหลบหนี ดังนั้นในชั้นนี้จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว
ต่อมาเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ได้ดำเนินการให้พระธงชัย ดำเนินการสละสมณเพส โดยให้ใส่เสื้อขาว กางเกงสีขาว ก่อนเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวพระธงชัยขึ้นรถไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป
ส่วนพระพรหมเมธี เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร อีกหนึ่งผู้ต้องหา ที่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตเงินทอนวัด ยังไม่มีรายงานว่าจะเข้าติดต่อมอบตัวด้วยหรือไม่
ผบ.เรือนจำส่ง"เข้าแดนแรกรับ
นายกฤช กระแสร์ทิพย์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงขั้นตอนการรับตัวอดีตพระพรหมสิทธิ ว่า เรือนจำจะนำตัวอดีตพระพรหมสิทธิไปคุมขังยังแดนแรกรับทของเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ทั้งนี้เรือนจำจะแจ้งระเบียบขั้นตอนทำประวัติตรวจร่างกาย เช่นเดียวกับอดีตพระทั้ง 6รูปที่ถูกนำตัวส่งมาคุมขังยังเรือนจำ คืนนี้ (30 พ.ค.) อดีตพระพรหมสิทธิจะนอนในแดนแรกรับส่วนอดีตพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่ถูกส่งตัวมาก่อนหน้านี้ เรือนจำได้ยังไปคุมขังยังแดนต่างๆ แล้วดังนั้นคงไม่ได้พบกับอดีตพระพรหมสิทธิ
สู้คดีพ้นผิด บวชใหม่ได้
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ข้อสังเกตว่าพระสงฆ์ซึ่งถูกดำเนินคดี และถูกถอดสมณศักดิ์ สามารถกลับมาบวชเป็นพระอีก ได้หรือไม่ว่า การถอดสมณศักดิ์ กับการบวชไม่เกี่ยวกัน ต้องแยกจากกัน เพราะความผิดทางโลกเป็นเรื่องหนึ่ง ความผิดทางธรรมเป็นเรื่องหนึ่ง สมมติว่าพระอยู่กับสีกา ถือเป็นความผิดทางธรรม แต่ไม่ผิดทางโลก ส่วนการจะสึกนั้นทางกฎหมายบังคับให้สละสมณเพศ แต่จะด้วยความสมัครใจ หรือไม่สมัครใจหรือไม่ต้องไปว่ากันภายหลัง เมื่อคดีทางโลกจบแล้ว
ขณะที่เรื่องสมณศักดิ์ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่ทรงพระกรุณาโปรดฯ พระราชทานและสามารถเรียกกลับคืนได้ เรียกว่า ถอดถอนสมณศักดิ์ ซึ่งพระบางรูปอาจเจอทุกเรื่อง ยกตัวอย่าง พระพิมลธรรม อดีตเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ กรุงเทพฯ ซึ่งถูกข้อกล่าวหา เสพเมถุน ต่อมากลับมาเป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์ ก็โดนทั้งให้สละสมณเพศ ถอดจากสมณศักดิ์ และถูดดำเนินคดีอาญา แต่เมื่อศาลทหารตัดสินว่าไม่ผิด ทุกอย่างก็กลับคืนมา สามารถกลับไปนุ่งครองผ้าเหลืองตามเดิม เนื่องจากยังไม่ได้เปล่งวาจาว่าสึก เมื่อเดินเข้าไปกราบพระในแต่ละวัด แล้วสมเด็จพระวัดต่างๆ รับไหว้ แสดงว่ายังคงยอมรับว่าเป็นพระ จนต่อมาได้ขอพระราชทานสมณศักดิ์คืน เป็นต้น
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวภายหลัง พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.พศ. เดินทางเข้าพบว่า ได้หารือเรื่องคดีเงินทอนวัดที่ดำเนินการไปแล้วในล็อต ที่ 1 - 3 ส่วนล็อตที่ 4 ยังไม่ได้คุยกัน โดยหลักการที่ให้ไป คือ ให้ทางกองบังคับการปรามปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) และ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ไปดำเนินการตามหลักฐาน และอำนาจหน้าที่ ที่มีอยู่ ส่วน พศ.ให้ดำเนินการเกี่ยวกับข้าราชการที่ต้องตรวจสอบเพิ่มเติม นอกจากนี้ ยังกำชับ พศ. ในเรื่องของการใช้งบประมาณในปี 2561 ให้เป็นไปตามระเบียบ หลักเกณฑ์ ซึ่งหลักเกณฑ์เดิมถือว่าดีอยู่แล้ว แต่ถ้าจำเป็นหรือเห็นว่ามีจุดอ่อน ก็ขอให้พิจารณาดู เพื่อให้มันรัดกุมเพิ่มมากขึ้น
สำหรับ พศ.ได้เน้นให้เพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องของการทำงานของ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) โดยจะต้องทำงานร่วมกับเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ และพระสังฆาธิการระดับบนด้วย ดังนั้น สิ่งที่จำเป็น คือ การใช้งบประมาณในเรื่องของการนำไปอุดหนุนวัด ทาง พศจ. ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ต้องดำเนินร่วมกับเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องทำทุกอย่าง ให้ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าจากนี้ทุกอย่างน่าจะดีขึ้นแล้ว ส่วนเรื่องการดำเนินคดีกับพระสงฆ์ให้ว่าไปตามกฎหมาย เป็นหน้าที่ของตำรวจ ส่วน พศ.ทำหน้าที่ประสานและอำนวยความสะดวก และให้ข้อมูลที่ทางตำรวจต้องการ
ลุ้นตั้งเจ้าอาวาสวัดสระเกศ-สามพระยา 10 มิ.ย.
ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) พุทธมณฑล จ.นครปฐม นายสิปป์บวร แก้วงาม ผู้อำนวยหารสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม รองโฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้แถลงภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ว่า ที่ประชุม มส.ได้รับทราบประกาศราชกิจจานุเบกษา ในการที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯให้ถอดถอนสมณศักดิ์ จำนวน 7 รูป และ รับทราบถึงพระบัญชาสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ให้กรรมการ มส. 3 รูป
ขณะที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก กรรมการ มส.ยังได้เสนอแต่งตั้งพระเทพวิสุทธิโมลี (พรหมา สปฺปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดจักรวรรดิราชาวาส อายุ 76 พรรษา 56 รองเจ้าคณะภาค 10 เป็นรักษาการเจ้าคณะภาค 10 แทนพระพรหมสิทธิ
สำหรับตำแหน่งเจ้าคณะกรุงเทพมหานครที่ว่างลงนั้นสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม) เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการ มส.ได้แจ้งให้ มส.รับทราบถึงการแต่งตั้งให้พระธรรมสุธี (นรินทร์ นรินฺโท) เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง รองเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เป็นรักษาการเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร
นอกจากนี้ สมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตโต) เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ปฏิบัติหน้าที่เจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต ได้แจ้งให้ มส.ได้รับทราบถึงการแต่งตั้งพระพรหมมุนี (สุชิน อคฺคชิโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิตสถิตมหาสีมาราม เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เจ้าคณะภาค 14-15 (ธรรมยุต) เป็นรักษาการเจ้าคณะภาค 4-5-6-7 แทนพระพรหมเมธี ด้วย
สำหรับเรื่องการแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และวัดสามพระยานั้น ขณะนี้ยังไม่มีการแต่งตั้งโดยให้รองเจ้าวาส หรือผู้ช่วยเจ้าอาวาส ตามลำดับลง มาปฏิบัติดูแลความเรียบร้อยภายในวัดไปก่อน ซึ่งต้องรอดูการประชุมมหาเถรสมาคมรครั้งต่อไปว่าทางเจ้าคณะปกครองจะเสนอรูปใดมาทำหน้าที่รักษาการเจ้าอาวาสแทน
ส่วนเรื่องของการตั้งกรรมการ มส.ที่ว่างลงต้องเป็นพระอำนาจของสมเด็จพระสังฆราช จะพระวินิจฉัยว่า รูปใดจะมีความเหมาะสมให้ดำรงตำแหน่งกรรมการ มส.โดยปัจจุบันกรรมการ มส.มี 2 ประเภท คือ โดยตำแหน่งจะเป็นสมเด็จพระราชาคณะและมาจากการสรรหา ซึ่งก็จะเป็นพระอำนาจของสมเด็จพระสังฆราช
รายงานข่าวแจ้งการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ครั้งต่อไป กำหนดคือวันที่ 10 มิถุนายน 2561 ซึ่งต้องจับตาดูจะมีการพิจาณาแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดสามพระยา-วัดสระเกศ หรือไม่
ป.ป.ช.โยนคดีเงินทอนวัดให้ตร.จัดการเอง
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวถึง การตรวจสอบพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินทอนวัดว่า ป.ป.ช.ได้พิจารณาสำนวนคดีที่เกี่ยวกับการทุจริตงบประมาณ ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ตามที่กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ดำเนินการ 4 สำนวน เมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้แก่
1. กรณีทุจริตงบประมาณโครงการเงินอุดหนุนอบรมคุณธรรม จริยธรรม สำหรับเด็กและเยาวชน ประชาชน และข้าราชการ เพื่อความมั่นคงของสถาบันชาติ พระพุทธศาสนา พระมหากษัตริย์ ปีงบประมาณ 2559 จำนวน 37.2 ล้านบาท และกรณีทุจริตงบประมาณโครงการศูนย์กลางการเผยแผ่กิจการพระพุทธศาสนา ปีงบประมาณ 2559 จำนวน 32.5 ล้านบาท ให้แก่วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร โดยมี นายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.พศ. และพระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เป็นผู้ถูกกล่าวหา
2. กรณีทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ที่จัดสรรแก่วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ปีงบประมาณ 2557 จำนวน 10 ล้านบาท โดยมี นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีต ผอ.พศ. พระเมธีสุทธิกร และพระวิจิตรธรรมาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ เป็นผู้ถูกกล่าวหา
3. กรณีทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาที่จัดสรรแก่วัดสัมพันธวงศาราม ประจำปีงบประมาณ 2557 จำนวน 5 ล้านบาท โดยมีนายนพรัตน์ และพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม เป็นผู้ถูกกล่าวหา 4. กรณีทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ที่จัดสรรให้แก่วัดสามพระยา ปีงบประมาณ 2557 จำนวน 5 ล้านบาท โดยมีนายนพรัตน์ และพระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา เป็นผู้ถูกกล่าวหานั้น
ทั้งนี้ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่าสำนวนสอบสวนที่ ปปป.ส่งมาอยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช.แต่เนื่องจากกองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหาบางรายในความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งมีมูลฐานจากคดีความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาบางรายไว้แล้ว ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปอย่างต่อเนื่อง รวดเร็ว จึงมีมติส่งเรื่องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มอบให้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาต่อไป และส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชา ของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ถูกกล่าวหาดำเนินการทางวินัยแก่เจ้าหน้าที่รัฐต่อไป
วานนี้ ( 30 พ.ค.) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศ เรื่อง ถอดถอนสมณศักดิ์ โดยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่า ด้วยปรากฏว่ามีกรณีพระภิกษุ ถูกกล่าวหาว่ากระทําการทุจริต และถูกดําเนินคดีอาญาในความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต อาศัยอํานาจตามประมวลกฎหมายอาญา และความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน ตามพ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ตามความใน มาตรา 5 ตรี แห่งพ.ร.บ. คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.คณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ถอดถอนสมณศักดิ์ จํานวน 7 รูป ดังนี้ 1. พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขโข) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร 2. พระพรหมเมธี (จํานงค์ เอี่ยมอินทรา) วัดสัมพันธวงศาราม 3. พระพรหมดิลก (เอื้อน กลิ่นสาลี) วัดสามพระยา 4. พระราชอุปเสณาภรณ์ (สมณศักดิ์เดิม คือ พระเมธีสุทธิกร) (สังคม สังฆะพัฒน์) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร 5. พระราชกิจจาภรณ์ (สมณศักดิ์เดิมคือ พระวิจิตรธรรมาภรณ์) (เทอด วงศ์ชะอุ่ม) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร 6. พระอรรถกิจโสภณ (สมทรง อรรถกฤษณ์) วัดสามพระยา และ 7. พระศรีคุณาภรณ์ (บุญทวี คํามา) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตั้งแต่ วันที่ 24 พ.ค.61 ซึ่งเป็นวันที่ถูกจับกุม และสละสมณเพศ ประกาศ ณ วันที่ 29 พ.ค.61 เป็นปีที่ 3 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระราชโองการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
อดีตเจ้าคุณธงชัยมอบตัว
เมื่อเช้าวานนี้ (30 พ.ค.) มีรายงานข่าวว่า บุคคลใกล้ชิดของ อดีตพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ที่ถูกถอดสมณศักดิ์ไปแล้ว ได้ติดต่อขอเข้ามอบตัว เพื่อสู้คดีร่วมกันทุจริตงบประมาณอุดหนุนเผยแผ่พระพุทธศาสนา ทำให้มีสื่อมวลชนรอติดตามสถานการณ์อยู่ที่กองปราบปรามเป็นจำนวนมาก
กระทั่ง เวลา 14.30 น. พระธงชัย ได้เข้ามอบตัวที่กองปราบฯ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจพาขึ้นด้านหลังตึก เพื่อสอบปากคำเบื้องต้น หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ จะนำตัวไปที่ศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อขอฝากขังผัดแรก และท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว
สำหรับอดีตพระพรหมสิทธิ ถูกศาลอาญาออกหมายจับ ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน จากการทุจริตงบประมาณเงินอุดหนุนเผยแผ่พระพุทธศาสนากว่า 32 ล้านบาท และยังมีงบประมาณอุดหนุนโรงเรียนปริยัติธรรม และเผยแผ่พระพุทธศาสนา ตั้งแต่ปี 57 ถึงปี 59 เป็นเงินกว่า 47 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติมว่ามีการทุจริตในส่วนใดอีกหรือไม่
ต่อมาเวลา 15.15 น. พนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้นำตัว "พระธงชัย" ไป ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อยื่นคำร้องขอฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่ 30 พ.ค.-10 มิ.ย นี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น และรอผลการตรวจพิมพ์ลายนิ้วมือผู้ต้องหา ขณะที่ทนายความ ซึ่งเป็นนายประกัน ได้เตรียมหลักทรัพย์มูลค่า 1 ล้านบาท มายื่นประกอบคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว
โดยศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า พนักงานสอบสวนยังมีความจำเป็นต้องสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องอีก จึงอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาเป็นเวลา 12 วันตามคำร้อง
ภายหลังทนายความได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด จำนวน 1 ล้านบาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราวระหว่างฝากขัง ซึ่งศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์การกระทำความผิดส่งผลกระทบต่อศรัทธาของพุทธศาสนิกชน มีลักษณะการกระทำเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่ยักย้ายเงินที่ได้มาให้แก่พวกของผู้ต้องหาและบุคคลภายนอกหลายรายการ จึงอาจมีพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดอยู่ในความครอบครองของผู้ต้องหากับพวก และหลังจากศาลออกหมายจับผู้ต้องหาแล้วหลบหนี ดังนั้นในชั้นนี้จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว
ต่อมาเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ได้ดำเนินการให้พระธงชัย ดำเนินการสละสมณเพส โดยให้ใส่เสื้อขาว กางเกงสีขาว ก่อนเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวพระธงชัยขึ้นรถไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป
ส่วนพระพรหมเมธี เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร อีกหนึ่งผู้ต้องหา ที่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตเงินทอนวัด ยังไม่มีรายงานว่าจะเข้าติดต่อมอบตัวด้วยหรือไม่
ผบ.เรือนจำส่ง"เข้าแดนแรกรับ
นายกฤช กระแสร์ทิพย์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงขั้นตอนการรับตัวอดีตพระพรหมสิทธิ ว่า เรือนจำจะนำตัวอดีตพระพรหมสิทธิไปคุมขังยังแดนแรกรับทของเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ทั้งนี้เรือนจำจะแจ้งระเบียบขั้นตอนทำประวัติตรวจร่างกาย เช่นเดียวกับอดีตพระทั้ง 6รูปที่ถูกนำตัวส่งมาคุมขังยังเรือนจำ คืนนี้ (30 พ.ค.) อดีตพระพรหมสิทธิจะนอนในแดนแรกรับส่วนอดีตพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่ถูกส่งตัวมาก่อนหน้านี้ เรือนจำได้ยังไปคุมขังยังแดนต่างๆ แล้วดังนั้นคงไม่ได้พบกับอดีตพระพรหมสิทธิ
สู้คดีพ้นผิด บวชใหม่ได้
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ข้อสังเกตว่าพระสงฆ์ซึ่งถูกดำเนินคดี และถูกถอดสมณศักดิ์ สามารถกลับมาบวชเป็นพระอีก ได้หรือไม่ว่า การถอดสมณศักดิ์ กับการบวชไม่เกี่ยวกัน ต้องแยกจากกัน เพราะความผิดทางโลกเป็นเรื่องหนึ่ง ความผิดทางธรรมเป็นเรื่องหนึ่ง สมมติว่าพระอยู่กับสีกา ถือเป็นความผิดทางธรรม แต่ไม่ผิดทางโลก ส่วนการจะสึกนั้นทางกฎหมายบังคับให้สละสมณเพศ แต่จะด้วยความสมัครใจ หรือไม่สมัครใจหรือไม่ต้องไปว่ากันภายหลัง เมื่อคดีทางโลกจบแล้ว
ขณะที่เรื่องสมณศักดิ์ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่ทรงพระกรุณาโปรดฯ พระราชทานและสามารถเรียกกลับคืนได้ เรียกว่า ถอดถอนสมณศักดิ์ ซึ่งพระบางรูปอาจเจอทุกเรื่อง ยกตัวอย่าง พระพิมลธรรม อดีตเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ กรุงเทพฯ ซึ่งถูกข้อกล่าวหา เสพเมถุน ต่อมากลับมาเป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์ ก็โดนทั้งให้สละสมณเพศ ถอดจากสมณศักดิ์ และถูดดำเนินคดีอาญา แต่เมื่อศาลทหารตัดสินว่าไม่ผิด ทุกอย่างก็กลับคืนมา สามารถกลับไปนุ่งครองผ้าเหลืองตามเดิม เนื่องจากยังไม่ได้เปล่งวาจาว่าสึก เมื่อเดินเข้าไปกราบพระในแต่ละวัด แล้วสมเด็จพระวัดต่างๆ รับไหว้ แสดงว่ายังคงยอมรับว่าเป็นพระ จนต่อมาได้ขอพระราชทานสมณศักดิ์คืน เป็นต้น
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวภายหลัง พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.พศ. เดินทางเข้าพบว่า ได้หารือเรื่องคดีเงินทอนวัดที่ดำเนินการไปแล้วในล็อต ที่ 1 - 3 ส่วนล็อตที่ 4 ยังไม่ได้คุยกัน โดยหลักการที่ให้ไป คือ ให้ทางกองบังคับการปรามปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) และ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ไปดำเนินการตามหลักฐาน และอำนาจหน้าที่ ที่มีอยู่ ส่วน พศ.ให้ดำเนินการเกี่ยวกับข้าราชการที่ต้องตรวจสอบเพิ่มเติม นอกจากนี้ ยังกำชับ พศ. ในเรื่องของการใช้งบประมาณในปี 2561 ให้เป็นไปตามระเบียบ หลักเกณฑ์ ซึ่งหลักเกณฑ์เดิมถือว่าดีอยู่แล้ว แต่ถ้าจำเป็นหรือเห็นว่ามีจุดอ่อน ก็ขอให้พิจารณาดู เพื่อให้มันรัดกุมเพิ่มมากขึ้น
สำหรับ พศ.ได้เน้นให้เพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องของการทำงานของ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) โดยจะต้องทำงานร่วมกับเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ และพระสังฆาธิการระดับบนด้วย ดังนั้น สิ่งที่จำเป็น คือ การใช้งบประมาณในเรื่องของการนำไปอุดหนุนวัด ทาง พศจ. ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ต้องดำเนินร่วมกับเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องทำทุกอย่าง ให้ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าจากนี้ทุกอย่างน่าจะดีขึ้นแล้ว ส่วนเรื่องการดำเนินคดีกับพระสงฆ์ให้ว่าไปตามกฎหมาย เป็นหน้าที่ของตำรวจ ส่วน พศ.ทำหน้าที่ประสานและอำนวยความสะดวก และให้ข้อมูลที่ทางตำรวจต้องการ
ลุ้นตั้งเจ้าอาวาสวัดสระเกศ-สามพระยา 10 มิ.ย.
ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) พุทธมณฑล จ.นครปฐม นายสิปป์บวร แก้วงาม ผู้อำนวยหารสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม รองโฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้แถลงภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ว่า ที่ประชุม มส.ได้รับทราบประกาศราชกิจจานุเบกษา ในการที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯให้ถอดถอนสมณศักดิ์ จำนวน 7 รูป และ รับทราบถึงพระบัญชาสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ให้กรรมการ มส. 3 รูป
ขณะที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก กรรมการ มส.ยังได้เสนอแต่งตั้งพระเทพวิสุทธิโมลี (พรหมา สปฺปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดจักรวรรดิราชาวาส อายุ 76 พรรษา 56 รองเจ้าคณะภาค 10 เป็นรักษาการเจ้าคณะภาค 10 แทนพระพรหมสิทธิ
สำหรับตำแหน่งเจ้าคณะกรุงเทพมหานครที่ว่างลงนั้นสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม) เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการ มส.ได้แจ้งให้ มส.รับทราบถึงการแต่งตั้งให้พระธรรมสุธี (นรินทร์ นรินฺโท) เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง รองเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เป็นรักษาการเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร
นอกจากนี้ สมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตโต) เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ปฏิบัติหน้าที่เจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต ได้แจ้งให้ มส.ได้รับทราบถึงการแต่งตั้งพระพรหมมุนี (สุชิน อคฺคชิโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิตสถิตมหาสีมาราม เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เจ้าคณะภาค 14-15 (ธรรมยุต) เป็นรักษาการเจ้าคณะภาค 4-5-6-7 แทนพระพรหมเมธี ด้วย
สำหรับเรื่องการแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และวัดสามพระยานั้น ขณะนี้ยังไม่มีการแต่งตั้งโดยให้รองเจ้าวาส หรือผู้ช่วยเจ้าอาวาส ตามลำดับลง มาปฏิบัติดูแลความเรียบร้อยภายในวัดไปก่อน ซึ่งต้องรอดูการประชุมมหาเถรสมาคมรครั้งต่อไปว่าทางเจ้าคณะปกครองจะเสนอรูปใดมาทำหน้าที่รักษาการเจ้าอาวาสแทน
ส่วนเรื่องของการตั้งกรรมการ มส.ที่ว่างลงต้องเป็นพระอำนาจของสมเด็จพระสังฆราช จะพระวินิจฉัยว่า รูปใดจะมีความเหมาะสมให้ดำรงตำแหน่งกรรมการ มส.โดยปัจจุบันกรรมการ มส.มี 2 ประเภท คือ โดยตำแหน่งจะเป็นสมเด็จพระราชาคณะและมาจากการสรรหา ซึ่งก็จะเป็นพระอำนาจของสมเด็จพระสังฆราช
รายงานข่าวแจ้งการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ครั้งต่อไป กำหนดคือวันที่ 10 มิถุนายน 2561 ซึ่งต้องจับตาดูจะมีการพิจาณาแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดสามพระยา-วัดสระเกศ หรือไม่
ป.ป.ช.โยนคดีเงินทอนวัดให้ตร.จัดการเอง
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวถึง การตรวจสอบพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินทอนวัดว่า ป.ป.ช.ได้พิจารณาสำนวนคดีที่เกี่ยวกับการทุจริตงบประมาณ ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ตามที่กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ดำเนินการ 4 สำนวน เมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้แก่
1. กรณีทุจริตงบประมาณโครงการเงินอุดหนุนอบรมคุณธรรม จริยธรรม สำหรับเด็กและเยาวชน ประชาชน และข้าราชการ เพื่อความมั่นคงของสถาบันชาติ พระพุทธศาสนา พระมหากษัตริย์ ปีงบประมาณ 2559 จำนวน 37.2 ล้านบาท และกรณีทุจริตงบประมาณโครงการศูนย์กลางการเผยแผ่กิจการพระพุทธศาสนา ปีงบประมาณ 2559 จำนวน 32.5 ล้านบาท ให้แก่วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร โดยมี นายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.พศ. และพระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เป็นผู้ถูกกล่าวหา
2. กรณีทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ที่จัดสรรแก่วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ปีงบประมาณ 2557 จำนวน 10 ล้านบาท โดยมี นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีต ผอ.พศ. พระเมธีสุทธิกร และพระวิจิตรธรรมาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ เป็นผู้ถูกกล่าวหา
3. กรณีทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาที่จัดสรรแก่วัดสัมพันธวงศาราม ประจำปีงบประมาณ 2557 จำนวน 5 ล้านบาท โดยมีนายนพรัตน์ และพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม เป็นผู้ถูกกล่าวหา 4. กรณีทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ที่จัดสรรให้แก่วัดสามพระยา ปีงบประมาณ 2557 จำนวน 5 ล้านบาท โดยมีนายนพรัตน์ และพระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา เป็นผู้ถูกกล่าวหานั้น
ทั้งนี้ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่าสำนวนสอบสวนที่ ปปป.ส่งมาอยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช.แต่เนื่องจากกองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหาบางรายในความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งมีมูลฐานจากคดีความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาบางรายไว้แล้ว ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปอย่างต่อเนื่อง รวดเร็ว จึงมีมติส่งเรื่องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มอบให้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาต่อไป และส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชา ของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ถูกกล่าวหาดำเนินการทางวินัยแก่เจ้าหน้าที่รัฐต่อไป