MGR Online - ศาลอนุญาตฝากขัง - ไม่ให้ประกัน “พระสังคม” หรือ พระเมธีสุทธิกร ผช. เจ้าอาวาสวัดสระเกศ คดีฟอกเงินงบอุดหนุนการศึกษา 10 ล้าน
วันนี้ (31 พ.ค.) ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พ.ต.ท.ธนินท์รัฐ อ่วมเจริญพร พนักงานสอบสวน บก.ป. ได้ควบคุมตัว พระเมธีสุทธิกร หรือ สังคม สังฆะพัฒน์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร หรือ อดีตพระราชอุปเสณาภรณ์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฟอกเงินทุจริตเงินงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ซึ่งอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม มายื่นฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค.- 11 มิ.ย. นี้ เนื่องจากการสอบสวนไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบพยานอีก 10 ปาก และต้องรอตรวจประวัติผู้ต้องหาจากกองทะเบียนอาชญากร
คำร้องของพนักงานสอบสวนระบุพฤติการณ์ผู้ต้องหาสรุปว่า พศ. ได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 10 ล้านบาท ให้กับวัดสระเกศ โดยวัดสระเกศได้เปิดบัญชีธนาคารกรุงไทย ในชื่อวัดสระเกศฯเพื่อการพัฒนา ในการรับเงินประมาณดังกล่าวมาและมีการระบุนำมาเป็นเงินอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนปริญัติธรรมแผนกสามัญ แต่จากการตรวจสอบไม่มีการเปิดโรงเรียนดังกล่าว โดยผู้ต้องหาและอดีตพระราชกิจจาภรณ์ หรือ อดีตเจ้าคุณเทอด ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ได้ร่วมกันเบิกถอนเฃินจากบัญชี 5 ครั้ง ในปี 2558 ซึ่งการกระทำนั้นเป็นการร่วมซุกซ่อนเงินที่ได้จากการกระทำผิดตามความผิดมูลฐานการฟอกเงินที่ นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานนท์ อดีต ผอ.พศ. กับพวก ซึ่งได้กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่โดยการทุจริต อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147, 157, 162 โดยมี นายทวิช สังข์อยู่ (ฆราวาสซึ่งถูกยื่นคำร้องฝากขังไปแล้วเมื่อวันที่ 24 พ.ค. 61 โดยตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพราะไม่ได้รับการประกันตัว) ซึ่งเกี่ยวข้องกับ บริษัท ดีดีทวีคูณ ที่รับผลิตสื่อให้กับวัดสระเกศเป็นผู้ร่วมการกระทำความผิดเกี่ยวกับบัญชีเงินฝากนั้นด้วย
โดยพนักงานสอบสวนได้ขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาลงวันที่ 30 พฤษภาคม 2561 และวันนี้ (31 พ.ค.) เวลา 12.00 น. ผู้ต้องหาได้ถูกควบคุมตัวไว้ก่อนจะส่งตัวฝากขัง
ซึ่งท้ายคำร้องพนักงานสอบสวน บก.ป. ก็ได้ขอคัดค้านการให้ประกันตัวผู้ต้องหาด้วย เนื่องจากยังสอบสวนรวบรวมพยานเอกสารไม่เสร็จสิ้นทั้งหมด จึงเกรงว่าหากปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาอาจจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนดำเนินคดี
กระทั่งเวลา 16.00 น. ศาลออกนั่งบัลลังก์พิจารณาคำร้องฝากขัง โดยสอบถามพนักงานสอบสวนถึงเหตุจำเป็นการฝากขัง ซึ่ง พ.ต.ท.ธนินท์รัฐ แถลงยืนยันเหตุผลในการฝากขังตามคำร้อง ส่วนทนายความผู้ต้องหาแถลงคัดค้าน ระบุว่า กรณีของผู้ต้องหาได้เข้ามอบตัวเอง ส่วนพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนอ้างตามคำร้อง พฤติการณ์ระบุว่า พศ. จัดสรรงบประมาณให้วัดสระเกศแล้วมีการถอนเงินจากบัญชีโดยกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งการรวบรวมเอกสารดังกล่าวก็น่าจะเสร็จสิ้นเพียงพอ ดังนั้น จึงไม่จำเป็นจะต้องฝากขังอีก
ขณะที่ศาลพิจารณาแล้ว นายความแถลงคัดค้านว่าได้มอบตัวเองนั้น เป็นกรณีเรื่องที่เกี่ยวกับการประกันตัวเพื่อให้ศาลพิจารณาต่อไป ส่วนความจำเป็นของการฝากขังต้องพิจารณาว่าการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้วหรือไม่ ซึ่งศาลเห็นว่าเมื่อพนักงานสอบสวนยืนยันต้องสอบพยานอีก 10 ปาก โดยจะเร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ดังนั้น กรณีนี้จึงมีเหตุจำเป็นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 87 และ พ.ร.บ. วิธีพิจารณาคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 มาตรา 6 จึงอนุญาตให้ฝากขังตามคำร้องเป็นเวลา 12 วัน
ต่อมาเมื่อเวลา 16.20 น. เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวพระสังคมผู้ต้องหาที่ศาลอนุญาตขังแล้วลงจากห้องพิจารณาคดี (ห้องเวรชี้) มายังห้องควบคุมชั้นใต้ดินเพื่อรอฟังผลการขอปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฝากขัง
ขณะที่ลูกศิษย์ซึ่งเป็นฆราวาสได้ยื่นหลักทรัพย์เงินสดจำนวน 500,000 บาท รอยื่นประกันตัวชั้นฝากขัง
ศาลพิจารณาแล้วไม่อนุญาตให้ประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง ต่อมา เจ้าหน้าที่ พศ. และ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เตรียมถอดจีวร เพื่อเปลี่ยนเป็นชุดขาวแล้วคุมตัวจากศาลไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ระหว่างฝากขัง 12 วัน
เมื่อเวลา 17.00 น. เศษ ศาลอาญาทุจริตฯมีคำสั่งไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ต้องหาถูกกล่าวหาเป็นเรืี่องละเอียดอ่อน ซึ่งส่งผลกระทบต่อพุทธศาสนิกชน ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่าย ลักษณะการกระทำเป็นขบวนการ เเละขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน โดยพนักงานสอบสวนก็ได้คัดค้านการปล่อยชั่วคราว ซึ่งผู้ต้องหาถูกกล่าวหาว่ากระทำการทุจริตต่องบประมาณของรัฐ หากอนุญาตปล่อยชั่วคราว อาจไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานเเละอาจหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ให้ยกคำร้อง