"พระสังคม" อดีต ผช.เจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ ถูกจับสึกตามเข้าคุกอีกราย หลังศาลไม่ให้ประกันคดีฟอกเงินงบอุดหนุนการศึกษา ด้าน "ทิดธงชัย" เข้าคุกคืนแรกนอนไม่หลับ เผย “อดีตพระพรหมเมธี” หนีกบดานอีสาน กองปราบส่งทีมประกบ คาดได้ตัวไม่ช้า ปปป.เร่งสอบเงินทอนวัดล็อต 4 พบ ขรก.สำนักพุทธฯ กลุ่มเดิมเอี่ยว 3 ล็อตแรก "วิษณุ" รับรู้ข่าวซื้อ-ขายตำแหน่งวงการสงฆ์ นานแล้ว
ความคืบหน้าการตรวจสอบการทุจริตงบอุดหนุนบูรณะปฏิสังขรณ์และพัฒนาวัด และเงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม หรือคดีเงินทอนวัด ที่มีการจับกุมพระผู้ใหญ่จากวัดสามพระยา วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และวัดสัมพันธวงศาราม ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน
วานนี้ (31 พ.ค.) ที่กองบังคับการกองปราบปราม เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ ได้ควบคุมตัว พระสังคม ญาณวฑฺฒโน อดีตพระเมธีสุทธิกร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับข้อหาร่วมกันฟอกเงินกรณีทุจริตเงินอุดหนุนโรงเรียนพระปริยัติธรรม ของ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ที่โอนให้กับวัดสระเกศฯจำนวน 10 ล้านบาท เมื่อปี 2557 เข้ารับทราบข้อกล่าวหากระทำความผิดดังกล่าว และหลังจากสอบปากคำราว 3 ชั่วโมง พนักงานสอบสวนได้นำตัวพระสังคม ไปขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางฝากขังผัดแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค.- 11 มิ.ย.นี้ เนื่องจากการสอบสวนไม่เสร็จสิ้น ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตฯ ได้พิจารณาคำร้องและหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวแล้วไม่อนุญาตให้พระสังคม ผู้ต้องหา ประกันตัว จากนั้นเจ้าหน้าที่สำนักพระพุทธศาสนา (พศ.) และราชทัณฑ์ จึงให้พระสังคม สละสมณเพศ ถอดจีวรสวมชุดขาวเพื่อนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่อไป เช่นเดียวกับพระจากวัดสระเกศฯที่ถูกถอดสมณศักดิ์ และให้ละสมณเพศ ไปก่อนหน้านี้
จึงเหลือเพียง พระจำนงค์ เอี่ยมอินทรา หรือ อดีตพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร ซึ่งตรวจสอบพบการทุจริตเกี่ยวกับเงินอุดหนุนงบประมาณจาก พศ.เช่นกัน ที่อยู่ระหว่างหลบหนี และมีรายงานว่า ซ่อนตัวอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในคดี กำลังเดินทางไปควบคุมตัวมาสอบปากคำที่กองปราบปรามฯ
นายกฤช กระแสร์ทิพย์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เปิดเผยกรณีอดีตพระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตฯ คดีร่วมกันฟอกเงินอุดหนุนโครงการศูนย์กลางเผยแผ่พระพุทธศาสนา และโครงการของสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงฯ ของวัดสระเกศ รวม 63.7 ล้านบาท ซึ่งถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ว่า หลังรับตัวอดีตพระพรหมสิทธิเมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา ก็มีการตรวจร่างกายทำประวัติตามขั้นตอนปกติ พบว่ามีโรคประจำตัวของผู้สูงอายุ เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง และภูมิแพ้ โดยจะให้แพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด สำหรับการนอนเรือนจำคืนแรกทราบว่ามีอาการนอนไม่ค่อยหลับเพราะอาจไม่คุ้นเคยสถานที่ คาดว่าใช้เวลาปรับตัวระยะหนึ่ง และช่วงเช้าที่ผ่านมาได้รับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว
“ทางเรือนจำยังอนุโลมให้อดีตพระพรหมสิทธิแต่งกายเป็นเสื้อยืดและกางเกงสีขาวเพื่อไม่เป็นการกดดันหรือให้วิตกกังวลเกินไป รวมทั้งไม่ได้ร้องขออะไรเป็นพิเศษ โดยทางเรือนจำได้คุมขังในแดนแรกรับไปก่อนประมาณ 1 สัปดาห์ จึงค่อยย้ายแดนตามความเหมาะสม” นายกฤช กล่าว
ขณะเดียวกันมีรายงานจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ถึงความคืบหน้าคดีทุจริตเงินทอนวัดตั้งแต่ล็อตที่ 3 กับล็อตที่ 4 ว่า คดีทุจริตเงินทอนวัดล็อต 3 ที่พนักงานสอบสวน ส่งสำนวนคดีกล่าวหานายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีต ผอ.พศ.) กับพวกทุจริตเงินงบประมาณ พศ.กว่า 100 ล้านบาทรวม 10 วัด จำนวน 11 คดี โดย ปปป.ส่งสำนวนล็อต 3 ชุดแรก เมื่อวันที่ 11 เม.ย.61 ดำเนินคดี 3 วัด 4 คดี และส่งสำนวนล็อต 3 ชุดสองให้ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 23 เม.ย.61 ดำเนินคดี 7 วัด 7 คดี กระทั่งวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (เลขาฯ ป.ป.ช.) ได้แถลงข่าวว่า ป.ป.ช.มีมติส่งสำนวนคดีเงินทอนวัดล็อต 3 ชุดแรกคืนให้ ปปป.ส่งฟ้องอัยการเพื่อความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
คดีเงินทอนวัดล็อต 3 ชุดแรกพนักงานสอบสวนมีหลักฐานเอาผิดอดีตพระพรหมสิทธิ, อดีตพระพรหมเมธี ฃ, อดีตพระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา, อดีตพระเมธีสุทธิกร และอดีตพระวิจิตรธรรมาภรณ์
ในส่วนของคดีเงินทอนวัดล็อต 4 นั้น ขณะนี้ ปปป.ได้ดำเนินการตรวจ 90 วัดทั่วประเทศ พบเกี่ยวข้องกับการทุจริตแล้ว 29 วัด และทาง ปปป.จะยังดำเนินการตรวจสอบต่อไป จนกว่าจะไม่พบวัดที่กระทำความผิด
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ปรากฎหลักฐานในกุฏิของอดีตพระที่ถูกดำเนินคดีเงินทอนวัด ที่เชื่อได้ว่าเกี่ยวข้องกับการซื้อขายตำแหน่งวงการสงฆ์ว่า ส่วนตัวไม่ตกใจ เพราะเคยได้ยินข่าวมาเยอะ แต่จริงหรือไม่จริงตนไม่รู้ จะเอาสิ่งที่ได้ยินมาแบบนี้มาเป็นสาระไม่ได้ เพราะบางครั้งสิ่งที่ได้ยินก็เว่อร์เกินไป.
ความคืบหน้าการตรวจสอบการทุจริตงบอุดหนุนบูรณะปฏิสังขรณ์และพัฒนาวัด และเงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม หรือคดีเงินทอนวัด ที่มีการจับกุมพระผู้ใหญ่จากวัดสามพระยา วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และวัดสัมพันธวงศาราม ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน
วานนี้ (31 พ.ค.) ที่กองบังคับการกองปราบปราม เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ ได้ควบคุมตัว พระสังคม ญาณวฑฺฒโน อดีตพระเมธีสุทธิกร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับข้อหาร่วมกันฟอกเงินกรณีทุจริตเงินอุดหนุนโรงเรียนพระปริยัติธรรม ของ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ที่โอนให้กับวัดสระเกศฯจำนวน 10 ล้านบาท เมื่อปี 2557 เข้ารับทราบข้อกล่าวหากระทำความผิดดังกล่าว และหลังจากสอบปากคำราว 3 ชั่วโมง พนักงานสอบสวนได้นำตัวพระสังคม ไปขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางฝากขังผัดแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค.- 11 มิ.ย.นี้ เนื่องจากการสอบสวนไม่เสร็จสิ้น ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตฯ ได้พิจารณาคำร้องและหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวแล้วไม่อนุญาตให้พระสังคม ผู้ต้องหา ประกันตัว จากนั้นเจ้าหน้าที่สำนักพระพุทธศาสนา (พศ.) และราชทัณฑ์ จึงให้พระสังคม สละสมณเพศ ถอดจีวรสวมชุดขาวเพื่อนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่อไป เช่นเดียวกับพระจากวัดสระเกศฯที่ถูกถอดสมณศักดิ์ และให้ละสมณเพศ ไปก่อนหน้านี้
จึงเหลือเพียง พระจำนงค์ เอี่ยมอินทรา หรือ อดีตพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร ซึ่งตรวจสอบพบการทุจริตเกี่ยวกับเงินอุดหนุนงบประมาณจาก พศ.เช่นกัน ที่อยู่ระหว่างหลบหนี และมีรายงานว่า ซ่อนตัวอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในคดี กำลังเดินทางไปควบคุมตัวมาสอบปากคำที่กองปราบปรามฯ
นายกฤช กระแสร์ทิพย์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เปิดเผยกรณีอดีตพระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตฯ คดีร่วมกันฟอกเงินอุดหนุนโครงการศูนย์กลางเผยแผ่พระพุทธศาสนา และโครงการของสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงฯ ของวัดสระเกศ รวม 63.7 ล้านบาท ซึ่งถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ว่า หลังรับตัวอดีตพระพรหมสิทธิเมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา ก็มีการตรวจร่างกายทำประวัติตามขั้นตอนปกติ พบว่ามีโรคประจำตัวของผู้สูงอายุ เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง และภูมิแพ้ โดยจะให้แพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด สำหรับการนอนเรือนจำคืนแรกทราบว่ามีอาการนอนไม่ค่อยหลับเพราะอาจไม่คุ้นเคยสถานที่ คาดว่าใช้เวลาปรับตัวระยะหนึ่ง และช่วงเช้าที่ผ่านมาได้รับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว
“ทางเรือนจำยังอนุโลมให้อดีตพระพรหมสิทธิแต่งกายเป็นเสื้อยืดและกางเกงสีขาวเพื่อไม่เป็นการกดดันหรือให้วิตกกังวลเกินไป รวมทั้งไม่ได้ร้องขออะไรเป็นพิเศษ โดยทางเรือนจำได้คุมขังในแดนแรกรับไปก่อนประมาณ 1 สัปดาห์ จึงค่อยย้ายแดนตามความเหมาะสม” นายกฤช กล่าว
ขณะเดียวกันมีรายงานจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ถึงความคืบหน้าคดีทุจริตเงินทอนวัดตั้งแต่ล็อตที่ 3 กับล็อตที่ 4 ว่า คดีทุจริตเงินทอนวัดล็อต 3 ที่พนักงานสอบสวน ส่งสำนวนคดีกล่าวหานายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีต ผอ.พศ.) กับพวกทุจริตเงินงบประมาณ พศ.กว่า 100 ล้านบาทรวม 10 วัด จำนวน 11 คดี โดย ปปป.ส่งสำนวนล็อต 3 ชุดแรก เมื่อวันที่ 11 เม.ย.61 ดำเนินคดี 3 วัด 4 คดี และส่งสำนวนล็อต 3 ชุดสองให้ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 23 เม.ย.61 ดำเนินคดี 7 วัด 7 คดี กระทั่งวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (เลขาฯ ป.ป.ช.) ได้แถลงข่าวว่า ป.ป.ช.มีมติส่งสำนวนคดีเงินทอนวัดล็อต 3 ชุดแรกคืนให้ ปปป.ส่งฟ้องอัยการเพื่อความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
คดีเงินทอนวัดล็อต 3 ชุดแรกพนักงานสอบสวนมีหลักฐานเอาผิดอดีตพระพรหมสิทธิ, อดีตพระพรหมเมธี ฃ, อดีตพระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา, อดีตพระเมธีสุทธิกร และอดีตพระวิจิตรธรรมาภรณ์
ในส่วนของคดีเงินทอนวัดล็อต 4 นั้น ขณะนี้ ปปป.ได้ดำเนินการตรวจ 90 วัดทั่วประเทศ พบเกี่ยวข้องกับการทุจริตแล้ว 29 วัด และทาง ปปป.จะยังดำเนินการตรวจสอบต่อไป จนกว่าจะไม่พบวัดที่กระทำความผิด
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ปรากฎหลักฐานในกุฏิของอดีตพระที่ถูกดำเนินคดีเงินทอนวัด ที่เชื่อได้ว่าเกี่ยวข้องกับการซื้อขายตำแหน่งวงการสงฆ์ว่า ส่วนตัวไม่ตกใจ เพราะเคยได้ยินข่าวมาเยอะ แต่จริงหรือไม่จริงตนไม่รู้ จะเอาสิ่งที่ได้ยินมาแบบนี้มาเป็นสาระไม่ได้ เพราะบางครั้งสิ่งที่ได้ยินก็เว่อร์เกินไป.