ศาลอาญาคดีทุจริตฯ กลาง อนุญาตฝากขัง “พระธงชัย” อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ร่วมกับอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ ทุจริตเงินทอนวัด 63 ล้าน ขณะ ตร. ค้านประกันตัว เกรงจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน มีการกระทำเป็นขบวนการ ล่าสุด ศาลไม่ให้ประกัน ถูกจับสึกและควบคุมตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
วันนี้ (30 พ.ค.) เวลา 15.15 น. ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซ.สีคาม ถ.นครไชยศรี พ.ต.ท.สัณห์เพ็ชร หนูทอง พนักงานสอบสวนกองปราบปราม กก.1 บก.ป. ได้นำตัว “พระธงชัย สุขโข” อายุ 60 ปี เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร หรือ อดีตพระพรหมสิทธิ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทจริตฯ คดีร่วมกันฟอกเงินอุดหนุนโครงการศูนย์กลางเผยแพร่พระพุทธศาสนา และโครงการของสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงฯ ของวัดสระเกศ รวม 63,700,000 บาท มายื่นคำร้องขอฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค.- 10 มิ.ย. นี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากต้องรอสอบปากคำพยานอีก 20 ปาก และรอผลการตรวจพิมพ์ลายนิ้วมือจากกองทะเบียน ประวัติของ สตช.
ซึ่งคำร้องฝากขัง ระบุพฤติการณ์สรุปว่า ผู้ต้องหา ร่วมกับ นายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.พศ. กับพวกซึ่งเป็นฆราวาส และพระ ในการโอนเงินและซุกซ่อนเงินที่ได้จากการกระทำ ด้วยการโอนเงิน ที่ได้เบิกถอนเงินจากบัญชีเงินฝากทั้ง 2 โครงการจากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด สาขาวงเวียนโอเดียน ใน 2 บัญชี รวม 32 ครั้ง ให้แก่กลุ่มฆราวาสที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องไปโดยทุจริต โดยมีการขอหมายจับจากศาลอาญาคดีทุจริตฯ เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 61 ขณะที่ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวน ได้คัดค้านการให้ประกันตัวผู้ต้องหาด้วย เนื่องจากมีเอกสารจำนวนมากอยู่ในความครอบครองของผู้ต้องหา เกรงว่า จะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน นอกจากนี้ พฤติการณ์ของผู้ต้องหามีการกระทำเป็นขบวนการ มีการแบ่งหน้าที่กันทำ อีกทั้งคดีมีอัตราโทษจึงเกรงว่า หากปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาจะหลบหนีด้วย
โดยเมื่อเวลา 16.30 น. ศาลได้ออกนั่งบัลลังก์ พิจารณาคำร้องฝากขัง ซึ่งได้อ่านรายละเอียดให้ผู้ต้องหาและทนายความฟังแล้ว แจ้งให้พนักงานสอบสวน ผู้ร้อง และผู้ต้องหากับทนายความ ทราบว่า ต้องพิจารณาว่าพฤติการณ์มีความจำเป็นตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 87 และ พ.ร.บ. วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 มาตรา 6 หรือไม่ ซึ่งปรากฏว่า ทนายความได้แถลงคัดค้านการฝากขังโดยอ้างว่า จากการนำเสนอข่าวของสื่อต่างๆ ทราบว่า พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นแล้วจึงไม่จำเป็นต้องยื่นคำร้องฝากขังผู้ต้องหาอีก
ขณะที่ พ.ต.ท.สัณห์เพ็ชร พนักงานสอบสวน ได้แถลงยืนยันการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ยังมีเหตุจำเป็นต้องสอบปากคำพยานอีก 20 ปาก ซึ่งเกี่ยวข้องการเส้นทางการเงินและการกระทำผิดของกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งเป็นพระวัดพระธาตุดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่, ราชบุรี, ขอนแก่น และนครศรีธรรมราช โดยจะเร่งดำเนินให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า พนักงานสอบสวนยังมีความจำเป็นต้องสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องอีก จึงอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาเป็นเวลา 12 วันตามคำร้อง
ภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการฝากขังแล้ว ในเวลา 17.00 น.เศษ ขณะที่ “พระธงชัย” ก็ถูกควบคุมตัวจากห้องพิจารณาที่ 3 (ห้องเวรชี้) ไปยังห้องควบคุมชั้นล่างของศาล เพื่อรอฟังสั่งขอประกันตัว ซึ่งผู้ต้องหาได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด จำนวน 1 ล้านบาท เสนอต่อเป็นศาลเพื่อพิจารณาขอปล่อยชั่วคราวระหว่างฝากขัง ซึ่งจะมี “รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตฯ” เป็นผู้พิจารณา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการพิจารณาฝากขัง ก็มีเจ้าหน้าที่จากสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) มาร่วมฟังการพิจารณาด้วย โดยไม่มีการนำพระภิกษุชั้นผู้ใหญ่มาเพื่อทำสึกพระ โดยเจ้าหน้าที่ พศ. แจ้งว่า เมื่อศาลอนุญาตฝากขังแล้ว หากไม่อนุญาตให้ “พระธงชัย” ผู้ต้องหา ประกันตัวระหว่างฝากขังแล้ว กระบวนการก็จะต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ. สงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 30 “เมื่อจะต้องจำคุก กักขัง หรือขังพระภิกษุรูปใดตามคำพิพากษา หรือคำสั่งของศาล ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจหน้าที่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามคำพิพากษา หรือคำสั่งของศาลมีอำนาจดำเนินการให้พระภิกษุรูปนั้นสละสมณเพศเสียได้ และให้รายงานให้ศาลทราบถึงการสละสมณเพศนั้น”
ล่าสุด เวลา 18.00 น. ศาลพิจารณาแล้วไม่อนุญาตให้ประกันตัว ซึ่งทนายความจะอุทธรณ์คำสั่งศาลต่อไป แต่ในช่วงค่ำวันนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะได้นำตัวไปควบคุมระหว่างฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
เมื่อเวลา 18.00 น. ศาลอาญาคดีทุจริตฯ มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว พระพรหมสิทธิ หรือ “พระธงชัย” ผู้ต้องหาคดีฟอกเงินทอนวัด
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์การกระทำความผิดส่งผลกระทบต่อศรัทธาของพุทธศาสนิกชน มีลักษณะการกระทำเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่ยักย้ายเงินที่ได้มาให้แก่พวกของผู้ต้องหาและบุคคลภายนอกหลายรายการ จึงอาจมีพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดอยู่ในความครอบครองของผู้ต้องหากับพวก และหลังจากศาลออกหมายจับผู้ต้องหาแล้วหลบหนี ดังนั้น หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวแล้วเชื่อว่าผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ที่จะเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของเจ้าพนักงาน เพราะอาจจะหลบหนีได้ อีกทั้งพนักงานสอบสวนก็คัดค้านการปล่อยชั่วคราว ส่วนอาการเจ็บป่วยของผู้ต้องหานั้น ตาม พ.ร.บ. ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 ให้มีการอนุญาตส่งตัวไปรักษาตัวนอกเรือนจำได้อยู่แล้ว ดังนั้นในชั้นนี้จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ให้ยกคำร้องของผู้ต้องหา
ต่อมา เจ้าหน้าที่ พศ. และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จึงได้ถอดจีวร เพื่อเปลี่ยนเป็นชุดขาวแล้วคุมตัวจากศาลเมื่อเวลา 18.30 น.ไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ระหว่างการฝากขัง
โดยระหว่างนั่งในรถคุมขังของเรือนจำผู้ต้องหาได้นั่งลักษณะก้มศีรษะลงต่ำ ระหว่างที่ผู้สื่อข่าวและช่างภาพติดตามรอถ่ายภาพ
ขณะที่ ทนายความของพระธงชัย เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (31 พ.ค.) จะเดินทางมายังศาลอาญาคดีทุจริตฯ เพื่อยื่นอุทธรณ์ขอประกันตัวต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับกลุ่มฆราวาส 4 ราย คือ “น.ส.ฑัมม์พร นิพนธ์พิทยา” มารดาของ ร.ท.ฐิติทัศน์, น.ส.นุชรา สิทธินอก แม่บ้านร่วมรับโอนเงิน 25 ล้านบาท, นายธีระพงษ์ พันธุ์ศรี และ นายทวิช สังข์อยู่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับ บริษัท ดีดีทวีคูณ ที่รับผลิตสื่อให้กับวัดสระเกศ ที่ถูกฝากขังพร้อมอดีตพระเถระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูป วัดสระเกศและวัดสามพระยา เมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา
วันนี้ ศาลอุทธรณ์ ก็มีคำสั่งเรื่องขอประกันตัวระหว่างการฝากขังออกมาว่า “ศาลอุทธรณ์” ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวด้วย กลุ่มฆราวาสจึงต้องถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงต่อไป