xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ศึกชิงหน้าจอสมาร์ทโฟน ย้ายธนาคารไปอยู่บนมือถือ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


"ฝั่งขวาเจ้าพระยา"
"โชกุน"

ประวัติศาสตร์ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ไทย พลิกเข้าสู่หน้าใหม่แล้ว เมื่อ ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ พร้อมใจกัน ประกาศยกเลิกค่าธรรมเนียม การโอนเงินข้ามเขต โอนต่างธนาคาร การจ่ายบิลค่าสาธารณูปโภค ชำระหนี้บัตรเครดิต เติมเงินโทรศัพท์มือถือ เฉพาะรายการที่ทำผ่าน แอพพลิเคชั่น บนโทรศัพท์มือถือ และเว็บไซต์ออนไลน์ เท่านั้น การโอนเงินต่างธนาคาร จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ผ่านสาขาธนาคาร และตู้เอทีเอ็ม ยังต้องเสียค่าธรรมเนียมเหมือนเดิม

แบงก์ไหนจะออกตัวก่อน ประกาศเลิกเก็บค่าธรรมเนียมก่อนเพื่อน หรือประกาศไปแล้วว่า จะให้โอนเงินฟรีชั่วคราวจนถึงสิ้นปีเท่านั้น แต่เพื่อนที่มาทีหลัง ยกเลิกไปตลอดกาลเลย จนต้องกลับลำ แก้ไขเป็นการยกเลิกถาวรไปเลยไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะมีเรื่องใหญ่กว่านั้นคือ นี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญของอุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์ไทย ที่ย้ายทำเลการทำธุรกิจ จากสาขาในห้าง หรืออาคาร ตึกแถว ไปอยู่บนหน้าจอสมาร์ทโฟนของลูกค้า

รายได้ค่าธรรมเนียมโดยเฉลี่ยของธนาคาร มีสัดส่วนไม่น้อย ระหว่าง 18-30% แม้ว่า ค่าธรรมเนียมจากธุรกรรมผ่านแพลตฟอร์มดิจิตัล จะมีสัดส่วนไม่มากคือ ไม่ถึง 10% ของรายได้ค่าธรรมเนียมทั้งหมด แต่ การไม่เก็บค่าธรรมเนียมการโอนเงิน จ่ายบิล ผ่านระบบออนไลน์ จะดึงลูกค้าที่ใช้บริการผ่านสาขา หรือตู้เอทีเอ็ม หันมาใช้ แอพพลิเคชั่น ผ่านจอ มากขึ้น ทำให้ธนาคารสูญเสียรายได้ค่าธรรมเนียมการถอนเงิน จ่ายบิลผ่านสาขาหรือตู้เอทีเอ็ม ในระยะเวลาไม่น่านต่อจากนี้

เป็นการยอมสูญเสียอวัยวะ เพือรักษาชีวิต ยอมสุญเสียรายได้บางส่วน เพื่ออนาคตใหม่

การให้บริการโอนเงินจ่ายบิลฟรี บนดิจิตัลแพลตฟอร์ม สิ่งที่สำคัญกว่า การแข่งขันกันเองในหมู่ธนาคาร คือ การร่วมมือกันสกัดกั้นผู้มาใหม่ นอกธุรกิจแบงก์ ที่มีนวตกรรมด้านการบริการทางการเงิน หรือแพลตฟอร์มการชำระเงิน ที่คิดค่าบริการต่ำ หรือไม่คิดเลย ซึ่งกำลังรุกเข้ามาในตลาดของธนาคาร

ธนาคารมีข้อได้เปรียบคู่แข่งผู้มาใหม่ ตรงที่มีฐานลูกค้าเดิมอยู่จำนวนมาก ที่คุ้นเคย และไว้วางใจธนาคาร แต่ยังเคยชินกับ วิธีการทำธุรกรรมแบบเดิม เดินเข้าสาขา หรือ ใช้ตู้เอทีเอ็ม หรือ ผ่านเคาน์เตอร์ เซอร์วิส การทำธุรกรรมผ่านแอพลิเคชั่น บนหน้าจอสมาร์ทโฟน มีความสะดวก สามารถทำได้ทุกที่ ทุกเวลา แต่ยังต้องเสียค่าธรรมเนียม ครั้งละ 10-25 บาท แล้วแต่ประเภทของธุรกรรม ซึ่งทำให้ลูกค้าธนาคารจำนวนหนึ่งยังคงพอใจกับการใช้บริการแบบเดิมต่อไป หรือใช้ทั้งแบบเดิม กับแบบออนไลน์

การยกเลิกค่าธรรมเนียม สำหรับการโอนเงิน ชำระบิล แบบออนไลน์ คือหมัดเด็ดที่ธนาคารมั่นใจว่า จะทำให้ลูกค้า ย้ายมาใช้บริการของธนาคารบนแพลตฟอร์มดิจิตัล เกือบทั้งหมด แม้ว่า ค่าธรรมเนียม 10-15 บาท อาจดูไม่มากนัก แต่ไม่มีเหตุผลที่จะต้องจ่ายในเมื่อมีของฟรีให้ใช้แล้ว

ความต้องการของธนาคารไม่ใช่เพียงจำนวนผู้ใช้บนแพลตฟอร์มใหม่เท่านั้น แต่ยังต้องการปริมาณ หรือความถี่ในการใช้ ให้มากขึ้น มีการทำธุรกรรมประเภทอื่นๆ เพิ่มขึ้นมา จากเดิมที่อาจใช้เฉพาะการโอนเงิน ระหว่างบัญชีธนาคารเดียวกัน เพราะ ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม เมื่อไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมแล้ว ก็หวังว่า จะมีการโอนเงินระหว่างธนาคาร การชำระค่าบัตรเครดิต ค่าน้ำค่าไฟ ฯลฯ

ธุรกรรมที่ธนาคารให้ใช้ฟรี สิ่งที่ธนาคารได้กลับไป คือ ข้อมูลจำนวนมหาศาล ที่มากพอสำหรับการสร้างถังข้อมูล หรือ บิ๊กดาต้า ซึ่งจะเป็นฐานข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์พฤติกรรมการชำระหนี้ ปริมาณการใช้ไฟ ใช้น้ำ รูปแบบการใช้ชีวิต และลักษณะอื่นๆ สุดแท้แต่ธนาคารจะสร้างเครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ขึ้นมา

ผลลัพธ์จากการวิเคราะห์ บิ๊กดาต้านี้ คือ หัวใจในการทำธุรกิจของธนาคารในอนาคต ที่จะใช้ในการต่อยอด ออกแบบผลิตภัณฑ์ ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า และสร้างธุรกิจใหม่ๆ อย่างเช่น อีคอมเมิร์ซ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย อนุญาตให้ทำได้แล้ว เมื่อต้นปีที่ผ่านมา

ธนาคารในยุคนี้ ต้องการข้อมูลของลูกค้ามาก การเลิกเก็บค่าธรรมเนียมคือ ค่าใช้จ่ายที่ธนาคารยอมจ่าย เพื่อแลกกับข้อมูลเหล่านั้น

ธนาคารไทย หลายๆ แห่ง โดยเฉพาะธนาคารขนาดใหญ่ มีแนวคิดที่ทันสมัย ทันต่อการเปลี่ยนแปลง มีการลงทุนในเรื่อง การพัฒนาเทคโนโลยีดิจิตัล โดยแยกเป็นหน่วยเฉพาะ แยกต่างหากจากธุรกิจหลัก เพื่อให้มีความคล่องตัว มีบุคลากร ที่มีความสามารถในการสร้างนวตกรรมได้ ถือว่ามีความพร้อมในการรับมือกับ disruptive technology

สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือ ย้ายลูกค้าเดิม หาลูกค้าใหม่ไปใช้บริการของธนาคาร ในทำเลใหม่ คือ หน้าจอสมาร์ทโฟน




กำลังโหลดความคิดเห็น