รมว.ยุติธรรม นำคณะประชุมร่วม ดีเอสไอ มอบนโนยายปฏิรูปการทำงานใน 3 ด้าน พร้อมติดตามเร่งรัดคคีสำคัญที่ประชาชนให้ความสนใจ ทั้งคดี ฟอกเงินกลุ่มกฤษดามหานคร- ค้ามนุษย์วิคตอเรีย ซีเครท-ทุจริตสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น
เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (25มีค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พล.อ.อ ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ยุติธรรม พร้อมคณะ ประกอบด้วย พล.อ.ท.นวรัตน์ มังคลา เลขานุการรัฐมนตรี พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก ที่ปรึกษารัฐมนตรี พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สอาดพรรค คณะทำงานรัฐมนตรี และนายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เข้าประชุมร่วมกับ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อติดตามผลการปฏิรูปการทำงาน เกี่ยวกับความคืบหน้าคดีสำคัญที่ประชาชนให้ความสนใจ โดยมีพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดี ดีเอสไอ และคณะผู้บริหารของดีเอสไอ เข้าร่วมประชุม
พล.อ.อ.ประจิน เผยว่า การประชุมดังกล่าวสืบเนื่องจากได้มอบนโยบายสำคัญให้ ดีเอสไอ นำไปปฏิรูปการทำงาน 3 ด้าน ประกอบด้วย 1. ด้านเร่งรัดคดีพิเศษ โดยดีเอสไอ ต้องมีมาตรการในการควบคุม เร่งรัด และตรวจสอบการดำเนินคดีพิเศษให้มีความรวดเร็ว โปร่งใส และอำนวยความยุติธรรมตามกฎหมาย 2. ด้านการพิจารณารับคดีพิเศษ ต้องทำให้มีความชัดเจน ไม่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่น ในการดำเนินคดีพิเศษต้องทำงานแบบสหวิชาชีพ และอำนวยความยุติธรรมคดีอาญาอื่นด้วย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำตามนโยบายรัฐบาล และ 3. ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยเน้นการใช้เครื่องมือพิเศษในการทำงาน การพัฒนาบุคลากรให้สอดคล้องกับงาน รวมทั้งเน้นการทำงานโดยบูรณาการ กับหน่วยงานอื่นๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวด้วยว่า การมาประชุมครั้งนี้ ก็เพื่อติดตามงาน โดยเฉพาะคดีสำคัญที่สาธารณชนให้ความสนใจ ซึ่ง ดีเอสไอ ได้รายงานผลการดำเนินคดีสำคัญที่สาธารณชนให้ความสนใจ อาทิ คดีการค้ามนุษย์ ของสถานบริการวิคตอเรีย ซีเครท , คดีการฟอกเงินของกลุ่มกฤษฎามหานคร, คดีการฟอกเงินเกี่ยวกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น , คดีกล่าวหาเกี่ยวกับการทุจริตภายในสหกรณ์สโมสรการรถไฟแห่งประเทศไทย, คดีกล่าวหาสหกรณ์วิเศษชัยชาญ จำกัด กระทำผิดอาญาเกี่ยวกับการเสนอราคาจัดหาอาหารดิบให้ผู้ต้องขังในเรือนจำ , คดีรถยนต์จดประกอบโดยหลีกเลี่ยงภาษีและรถยนต์ ที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยสำแดงราคาต่ำกว่าความเป็นจริง รวมถึงคดีเกี่ยวกับการทุจริตการประมูลของทางราชการ (e-bidding) เป็นต้น
ทั้งนี้ พล.อ.อ.ประจิน ได้รับทราบความคืบหน้าในการดำเนินการ และปัญหาข้อขัดข้องในการปฏิบัติงาน และได้มอบนโยบายให้ ดีเอสไอควบคุม ตรวจสอบ เร่งรัดการสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าวให้เกิดความโปร่งใส และอำนวยความยุติธรรมให้เป็นไปตามกฎหมายและดำเนินการให้เสร็จโดยเร็ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีการฟอกเงินของกลุ่มกฤษดามหานคร นั้นทางดีเอสไอ ได้แจ้งข้อกล่าว นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพวกรวม 4 คน ในความผิดฐานฟอกเงิน และสมคบฟอกเงิน ขณะที่ผู้ต้องหาทั้ง 4คน ได้ให้การปฏิเสธ และอยู่ระหว่างการชี้แจงต่อสู้คดี
ทั้งนี้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ( ปปง.) ได้มีหนังสือถึงดีเอสไอ เพื่อส่งข้อมูล และแจ้งผลการดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สิน เกี่ยวกับการกระทำความผิดกรณีผู้บริหารธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) อนุมัติสินเชื่อให้แก่กลุ่มบริษัทกฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) โดยมิชอบ และขอให้ดีเอสไอ ตรวจสอบบุคคลที่รับโอนหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินอันเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในส่วนที่เกี่ยวกับบุคคล 4 คน โดยเงินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในเรื่องนี้มีจำนวน 10 ล้านบาท และจำนวน 26 ล้านบาท ซึ่งดีเอสไอ ได้รับไว้เป็นคดีพิเศษที่ 25/2560
ต่อมาพนักงานอัยการ และพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้พิจารณาพยานหลักฐานแล้ว เห็นชอบร่วมกันว่า คดีมีพยานหลักฐานตามสมควรแจ้งข้อกล่าวหาบุคคล จำนวน 4 คน ได้แก่ 1. นางเกศินี จิปิภพ 2. นางกาญจนาภา หงษ์เหิน 3. นายวันชัย หงส์เหิน และ 4. นายพานทองแท้ ชินวัตร ในข้อหา สมคบกันโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป , ร่วมกันฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบแล้ว
เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (25มีค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พล.อ.อ ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ยุติธรรม พร้อมคณะ ประกอบด้วย พล.อ.ท.นวรัตน์ มังคลา เลขานุการรัฐมนตรี พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก ที่ปรึกษารัฐมนตรี พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สอาดพรรค คณะทำงานรัฐมนตรี และนายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เข้าประชุมร่วมกับ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อติดตามผลการปฏิรูปการทำงาน เกี่ยวกับความคืบหน้าคดีสำคัญที่ประชาชนให้ความสนใจ โดยมีพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดี ดีเอสไอ และคณะผู้บริหารของดีเอสไอ เข้าร่วมประชุม
พล.อ.อ.ประจิน เผยว่า การประชุมดังกล่าวสืบเนื่องจากได้มอบนโยบายสำคัญให้ ดีเอสไอ นำไปปฏิรูปการทำงาน 3 ด้าน ประกอบด้วย 1. ด้านเร่งรัดคดีพิเศษ โดยดีเอสไอ ต้องมีมาตรการในการควบคุม เร่งรัด และตรวจสอบการดำเนินคดีพิเศษให้มีความรวดเร็ว โปร่งใส และอำนวยความยุติธรรมตามกฎหมาย 2. ด้านการพิจารณารับคดีพิเศษ ต้องทำให้มีความชัดเจน ไม่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่น ในการดำเนินคดีพิเศษต้องทำงานแบบสหวิชาชีพ และอำนวยความยุติธรรมคดีอาญาอื่นด้วย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำตามนโยบายรัฐบาล และ 3. ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยเน้นการใช้เครื่องมือพิเศษในการทำงาน การพัฒนาบุคลากรให้สอดคล้องกับงาน รวมทั้งเน้นการทำงานโดยบูรณาการ กับหน่วยงานอื่นๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวด้วยว่า การมาประชุมครั้งนี้ ก็เพื่อติดตามงาน โดยเฉพาะคดีสำคัญที่สาธารณชนให้ความสนใจ ซึ่ง ดีเอสไอ ได้รายงานผลการดำเนินคดีสำคัญที่สาธารณชนให้ความสนใจ อาทิ คดีการค้ามนุษย์ ของสถานบริการวิคตอเรีย ซีเครท , คดีการฟอกเงินของกลุ่มกฤษฎามหานคร, คดีการฟอกเงินเกี่ยวกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น , คดีกล่าวหาเกี่ยวกับการทุจริตภายในสหกรณ์สโมสรการรถไฟแห่งประเทศไทย, คดีกล่าวหาสหกรณ์วิเศษชัยชาญ จำกัด กระทำผิดอาญาเกี่ยวกับการเสนอราคาจัดหาอาหารดิบให้ผู้ต้องขังในเรือนจำ , คดีรถยนต์จดประกอบโดยหลีกเลี่ยงภาษีและรถยนต์ ที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยสำแดงราคาต่ำกว่าความเป็นจริง รวมถึงคดีเกี่ยวกับการทุจริตการประมูลของทางราชการ (e-bidding) เป็นต้น
ทั้งนี้ พล.อ.อ.ประจิน ได้รับทราบความคืบหน้าในการดำเนินการ และปัญหาข้อขัดข้องในการปฏิบัติงาน และได้มอบนโยบายให้ ดีเอสไอควบคุม ตรวจสอบ เร่งรัดการสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าวให้เกิดความโปร่งใส และอำนวยความยุติธรรมให้เป็นไปตามกฎหมายและดำเนินการให้เสร็จโดยเร็ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีการฟอกเงินของกลุ่มกฤษดามหานคร นั้นทางดีเอสไอ ได้แจ้งข้อกล่าว นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพวกรวม 4 คน ในความผิดฐานฟอกเงิน และสมคบฟอกเงิน ขณะที่ผู้ต้องหาทั้ง 4คน ได้ให้การปฏิเสธ และอยู่ระหว่างการชี้แจงต่อสู้คดี
ทั้งนี้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ( ปปง.) ได้มีหนังสือถึงดีเอสไอ เพื่อส่งข้อมูล และแจ้งผลการดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สิน เกี่ยวกับการกระทำความผิดกรณีผู้บริหารธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) อนุมัติสินเชื่อให้แก่กลุ่มบริษัทกฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) โดยมิชอบ และขอให้ดีเอสไอ ตรวจสอบบุคคลที่รับโอนหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินอันเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในส่วนที่เกี่ยวกับบุคคล 4 คน โดยเงินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในเรื่องนี้มีจำนวน 10 ล้านบาท และจำนวน 26 ล้านบาท ซึ่งดีเอสไอ ได้รับไว้เป็นคดีพิเศษที่ 25/2560
ต่อมาพนักงานอัยการ และพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้พิจารณาพยานหลักฐานแล้ว เห็นชอบร่วมกันว่า คดีมีพยานหลักฐานตามสมควรแจ้งข้อกล่าวหาบุคคล จำนวน 4 คน ได้แก่ 1. นางเกศินี จิปิภพ 2. นางกาญจนาภา หงษ์เหิน 3. นายวันชัย หงส์เหิน และ 4. นายพานทองแท้ ชินวัตร ในข้อหา สมคบกันโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป , ร่วมกันฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบแล้ว