MGR Online - “ทนายโอ๊ค” รับมอบอำนาจยื่นคำให้การแก้ข้อกล่าวหาฟอกเงินกรุงไทยเพิ่มเติมต่อดีเอสไอ ยันผู้ต้องหาประสงค์สู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมเผยลูกความเป็นห่วงเจ้าหน้าที่มุ่งใช้อำนาจสอบสวนละเลยสิทธิผู้ต้องหา
ความคืบหน้าคดีนายพานทองแท้ ชินวัตร พร้อมพวกรวม 4 คน ถูกพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตั้งข้อกล่าวหาสมคบกันโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป, ร่วมกันฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบแล้ว ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 กรณีเกี่ยวเนื่องกับผู้บริหารธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) อนุมัติสินเชื่อให้แก่กลุ่มบริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) โดยมิชอบ ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 4 ได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาเมื่อวันที่ 18 ต.ค. 60 ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด วันนี้ (14 ธ.ค.) เวลา 15.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายชุมสาย ศรียาภัย ทนายความของนายพานทองแท้ ชินวัตร เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เพื่อส่งคำชี้แจงประกอบการแก้ข้อหาและพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนายพานทองแท้ โดยมีนายบัณฑิต สังขนันท์ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ชำนาญการพิเศษ ดีเอสไอ เป็นตัวแทนรับเรื่อง
นายชุมสายกล่าวว่า วันนี้ได้รับมอบอำนาจจากนายพานทองแท้ ผู้ต้องหาคดีฟอกเงินกรุงไทย มายื่นคำให้การแก้ข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมทั้งอ้างอิงพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สอบสวนขยายผลต่อไป โดยเมื่อวันที่ 18 ต.ค.ผู้ต้องหาได้ให้การโดยปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ทำให้วันนี้ตนจึงเดินทางมายื่นเอกสารชี้แจงดังกล่าวเพิ่มเติม ส่วนกรณีแหล่งข่าวจากดีเอสไอให้สัมภาษณ์ว่าทีมทนายจะมีการขอขยายเวลาออกไปเป็น 2 สัปดาห์ ซึ่งอ้างว่าอยู่ระหว่างรวบรวมเอกสารหลักฐานยังไม่เสร็จนั้นไม่เป็นความจริงและตนได้ส่งพยานหลักฐานภายในระยะเวลา 60 วันตามกำหนด คือ วันที่ 18 ธ.ค.นี้
หากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษยังมีความสงสัยหรือว่าต้องการสอบพยานเพิ่มเติม นายพานทองแท้ก็ยินดีสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ และอยากให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีด้วยความยุติธรรม อย่างไรก็ตาม นายพานทองแท้ได้ฝากความเป็นห่วงว่าเจ้าหน้าที่ทำการสอบสวนใช้อำนาจการดำเนินคดีอย่างเดียวจนละเลยสิทธิเสรีภาพของผู้ต้องหา จึงอยากขอความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในเรื่องนี้ด้วย
ด้าน พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่เห็นเอกสารดังกล่าว หากได้รับเอกสารแล้วจะเรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ อัยการคดีพิเศษ และที่ปรึกษาคดี เพื่อหารือในประเด็นต่างๆ ว่าขาดตกบกพร่องตรงส่วนไหนก็อาจจะเรียกผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจงและสอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้ง