ผู้จัดการรายวัน360- "มีชัย"ชี้ คนท้วงระบบคำนวณส.ส. สายเกินไป เหตุ กำหนดในรธน.แล้ว แนะ จับตา ช่องไม่เลือกใคร มีอิทธิฤทธิ์ เปลี่ยนส.ส.ได้ เชื่อ ไร้ปัญหาพรรคการเมืองส่งผู้สมัครไม่ทัน "วัชระ"โต้ "มีชัย" พร้อมท้าสาบานไม่ได้เขียนกฎหมายตามใบสั่งทหาร
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงกรณีที่หลายพรรคการเมือง วิจารณ์ระบบการคำนวณ ส.ส.แบบใหม่ว่า จะทำให้ไม่มีพรรคการเมืองใดได้คะแนนเสียงเด็ดขาด ส่งผลให้รัฐบาลหลังเลือกตั้งไม่มีเสถียรภาพว่า ไม่จริง เพราะถ้าประชาชนลงคะแนนให้พรรคใดมาก พรรคนั้นก็ได้คะแนนมาคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อมาก เว้นแต่ได้คะแนนถล่มทลายจนเกิน ก็ไม่มีสิทธิได้ ส.ส.รายชื่อเพิ่ม และที่ว่าจะไม่มีพรรคการเมืองใด ได้คะแนนเสียงเกินครึ่งหนึ่งของส.ส.ทั้งหมดนั้น ก็เป็นเพียงเรื่องคาดเดาเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ข้อห่วงใยนี้ ช้าเกินไปแล้ว เนื่องจากระบบการคำนวณส.ส.นี้ เขียนไว้ในรธน.แล้ว ส่วนการร่างกม.เลือกตั้งส.ส.ในขณะนี้เพียงแต่เป็นการอธิบายวิธีการคำนวณ และการคำนวณก็ไม่ยากโดยเจ้าหน้าที่ กกต.เป็นผู้คิด ใช้สูตรคำนวณแบบบัญญัติไตรยางค์ชั้นเดียว ขณะที่ประชาชนแค่เข้าใจว่าคำนวณพื้นฐานอย่างไรก็พอ เพราะไม่ต้องช่วย กกต.คำนวณ
นายมีชัย กล่าวด้วยว่า รู้สึกแปลกใจที่ไม่มีใครสนใจเรื่องการลงคะแนน ไม่เลือกใครเลย เพราะการลงคะแนนไม่เลือกใครเลยในคราวนี้ มีอิทธิฤทธิ์สูง หากในเขตเลือกตั้งใด มีคะแนนไม่เลือกมากกว่า ก็จะไปหมดทั้งพวง ต้องเลือกตั้งใหม่ คนเก่าสมัครไม่ได้ ทำให้เสียงของประชาชน เป็นเสียงที่เด็ดขาดจริงๆ พรรคการเมืองจึงต้องเลือกคนที่ถูกใจประชาชน ไม่ใช่ถูกใจเจ้าของพรรค ขณะที่ประชาชนจะดูทั้งพรรค และคน ถ้าไม่ชอบใจ ก็ไม่ลงคะแนนให้ใครเลย ทางเลือกของประชาชนจะมีมากกว่าในอดีต
ส่วนปัญหาการปฏิบัติของพรรคการเมืองให้เป็นไปตามกรอบเวลาที่พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองกำหนดนั้น กรธ.ไม่มีสิทธิที่จะเสนอแก้กฎหมาย หากเห็นว่าเป็นปัญหา และจำเป็นต้องแก้ มีเพียง 2 ช่องทาง คือ กกต.เสนอไปยังครม. หรือ สนช.เข้าชื่อกัน และไม่คิดว่า กรธ.จะต้องรับผิดชอบกับปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากไม่ได้เกิดจากการเขียนกฎหมาย แต่ปัญหาอยู่ที่คำสั่งคสช. ยังไม่ได้ปลดล็อก ถ้าทำไม่ทันตามกรอบเวลา ก็ขอขยายได้ โดย กกต.พิจารณาได้ตามบททั่วไปที่ระบุว่า เพื่อประโยชน์ในความยุติธรรม แต่ถ้า กกต.ไม่ยอมใช้ ก็ไปแก้กฎหมาย ทั้งนี้ยังเชื่อว่าทุกอย่างมีทางออก โดยคสช. ก็เคยหารือกัน แต่ฝ่ายความมั่นคงต้องดูหลายด้าน และคงไม่ปล่อยให้เกิดปัญหาพรรคการเมืองส่งผู้สมัครไม่ทัน เพราะหากทำเช่นนั้น การเลือกตั้งก็เกิดไม่ได้
**ซัดมีชัยเขียนกม.ตามใบสั่งทหาร
นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.ประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายมีชัย ออกมาบอกว่าข้อห่วงใยเรื่องการคำนวณส.ส. นั้นช้าไป เพราะระบุไว้ในรธน.แล้ว เป็นเพียงวาทกรรม สร้างภาพให้กรธ. ดูดี ว่าเป็นนักประชาธิปไตย พร้อมรับฟังข้อท้วงติงแต่จริงๆแล้ว มีผู้คัดค้านระบบนี้มาตั้งแต่ต้น แต่นายมีชัย และ กรธ. ก็ปิดหูปิดตา ไม่ฟังเสียงทักท้วง มุ่งเขียนกม.ตามใบสั่งของคสช. อย่างเดียว ริบบัตรเลือกตั้งของประชาชนไป 2 ใบ ทั้งบัตรแบบบัญชีรายชื่อ และบัตรเลือกตั้งส.ว. แล้วเสก ส.ว.โดยให้คสช.แต่งตั้งมา 250 คน มาโหวตเลือกนายกฯได้ ส่วน ส.ส. ก็เขียนไม่ให้พรรคใดได้เสียงเกินครึ่ง นึกว่าประชาชนทั้งประเทศเขาไม่รู้หรืออย่างไร
"นายมีชัย กล้าสาบานต่อพระสยามเทวาธิราช หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่รัฐสภาหรือไม่ว่า ไม่ได้เขียนกฎหมายตามใบสั่งของทหาร ที่แอบสั่งมาโดยตลอด"
นายวัชระ กล่าวด้วยว่า รธน.ปี 60 จะเป็นระเบิดเวลาสร้างความขัดแย้งในสังคมเป็นวัฏจักร ดั่งคำปรารภในกฎหมายรธน. ที่คณะนายมีชัย เขียนไว้เองทุกประการ แล้วคณะนายมีชัย จะหลุดพ้นตราบาปได้อย่างไร ประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้แล้วว่า ใครสร้างเวรสร้างกรรมกับประเทศชาติ
"ท่านเขียนกฎหมายรัฐธรรมนูญได้ย้อนยุคกว่ารัฐธรรมนูญสมัยรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร เสียอีก นี่ไม่ใช่คำวิจารณ์จากผม แต่มาจากเสียงจากนักวิชาการท่านหนึ่ง ในแม่น้ำห้าสายของคสช. นั่นเอง อีกทั้งส่วนตัวนายมีชัยได้เบี้ยประชุมในฐานะประธาน กรธ. ครั้งละ 9,000 บาท กรธ. ประชุมมาครบ 400 ครั้งแล้วได้เบี้ยประชุมถึง 3,600,000 บาท ส่วนกรธ.ได้คนละ 6,000 บาท รวมได้คนละ 2,400,000 บาท บางครั้งก็เปิดประชุมเพียง 20 นาที ก็ปิดการประชุม ต่อมานายมีชัย ก็ให้บุตรสาวเป็นเลขานุการในคสช. อีก ได้เงินเดือนสบายๆ อีกเดือนละร่วม 50,000 บาท ในขณะที่คนจนได้บัตรสวัสดิการคนจนแค่เดือนละ 300 บาท เหตุใดรายได้จึงต่างราวฟ้ากับเหว เสียเหลือเกิน กรมสรรพากร เก็บภาษีอย่างไร พวกคสช.ท่านอิ่มเอมเปรมปรีย์ แต่ประชาชนหาค่ำกินเช้า อดอยากปากแห้ง ขายยาง ขายปาล์ม ก็ไม่มีราคา จะออกกฎหมายมากดหัวประชาชนอีกนานเท่าไร ให้ระวังคนยากคนจนจะหมดความอดทน เดี๋ยวจะหาว่าพวกเราไม่เตือน" นายวัชระ กล่าว
**สนช.จ่อถกกม.สส.-สว.30 พ.ย.นี้
นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภาบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 2 เปิดเผยว่า ขณะนี้ สนช.ได้ศึกษา ร่าง พ.ร.ป. ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งทั้ง 2 ฉบับ ไว้ล่วงหน้าแล้ว เพียงแต่รอให้กรธ. ส่งร่าง พ.ร.ป.ทั้ง 2 ฉบับมาให้ โดยได้รับการประสานว่า จะส่งมาให้ในวันที่ 28 พ.ย.นี้ และสนช. จะนำเข้าสู่การพิจาณา ในวันที่ 30 พ.ย. ซึ่งหากพิจารณาเสร็จแล้ว ก็จะรู้ว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อใด ในส่วนของการตั้งคณะกรรมการธิการเพื่อพิจาณา ร่าง พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. จากการหารือเบื้องต้น จะมีการตั้งกมธ. 2 ชุด แม้ว่า กรธ. จะต้องการให้มีการตั้ง กมธ. เพียง 1 ชุดก็ตาม
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงกรณีที่หลายพรรคการเมือง วิจารณ์ระบบการคำนวณ ส.ส.แบบใหม่ว่า จะทำให้ไม่มีพรรคการเมืองใดได้คะแนนเสียงเด็ดขาด ส่งผลให้รัฐบาลหลังเลือกตั้งไม่มีเสถียรภาพว่า ไม่จริง เพราะถ้าประชาชนลงคะแนนให้พรรคใดมาก พรรคนั้นก็ได้คะแนนมาคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อมาก เว้นแต่ได้คะแนนถล่มทลายจนเกิน ก็ไม่มีสิทธิได้ ส.ส.รายชื่อเพิ่ม และที่ว่าจะไม่มีพรรคการเมืองใด ได้คะแนนเสียงเกินครึ่งหนึ่งของส.ส.ทั้งหมดนั้น ก็เป็นเพียงเรื่องคาดเดาเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ข้อห่วงใยนี้ ช้าเกินไปแล้ว เนื่องจากระบบการคำนวณส.ส.นี้ เขียนไว้ในรธน.แล้ว ส่วนการร่างกม.เลือกตั้งส.ส.ในขณะนี้เพียงแต่เป็นการอธิบายวิธีการคำนวณ และการคำนวณก็ไม่ยากโดยเจ้าหน้าที่ กกต.เป็นผู้คิด ใช้สูตรคำนวณแบบบัญญัติไตรยางค์ชั้นเดียว ขณะที่ประชาชนแค่เข้าใจว่าคำนวณพื้นฐานอย่างไรก็พอ เพราะไม่ต้องช่วย กกต.คำนวณ
นายมีชัย กล่าวด้วยว่า รู้สึกแปลกใจที่ไม่มีใครสนใจเรื่องการลงคะแนน ไม่เลือกใครเลย เพราะการลงคะแนนไม่เลือกใครเลยในคราวนี้ มีอิทธิฤทธิ์สูง หากในเขตเลือกตั้งใด มีคะแนนไม่เลือกมากกว่า ก็จะไปหมดทั้งพวง ต้องเลือกตั้งใหม่ คนเก่าสมัครไม่ได้ ทำให้เสียงของประชาชน เป็นเสียงที่เด็ดขาดจริงๆ พรรคการเมืองจึงต้องเลือกคนที่ถูกใจประชาชน ไม่ใช่ถูกใจเจ้าของพรรค ขณะที่ประชาชนจะดูทั้งพรรค และคน ถ้าไม่ชอบใจ ก็ไม่ลงคะแนนให้ใครเลย ทางเลือกของประชาชนจะมีมากกว่าในอดีต
ส่วนปัญหาการปฏิบัติของพรรคการเมืองให้เป็นไปตามกรอบเวลาที่พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองกำหนดนั้น กรธ.ไม่มีสิทธิที่จะเสนอแก้กฎหมาย หากเห็นว่าเป็นปัญหา และจำเป็นต้องแก้ มีเพียง 2 ช่องทาง คือ กกต.เสนอไปยังครม. หรือ สนช.เข้าชื่อกัน และไม่คิดว่า กรธ.จะต้องรับผิดชอบกับปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากไม่ได้เกิดจากการเขียนกฎหมาย แต่ปัญหาอยู่ที่คำสั่งคสช. ยังไม่ได้ปลดล็อก ถ้าทำไม่ทันตามกรอบเวลา ก็ขอขยายได้ โดย กกต.พิจารณาได้ตามบททั่วไปที่ระบุว่า เพื่อประโยชน์ในความยุติธรรม แต่ถ้า กกต.ไม่ยอมใช้ ก็ไปแก้กฎหมาย ทั้งนี้ยังเชื่อว่าทุกอย่างมีทางออก โดยคสช. ก็เคยหารือกัน แต่ฝ่ายความมั่นคงต้องดูหลายด้าน และคงไม่ปล่อยให้เกิดปัญหาพรรคการเมืองส่งผู้สมัครไม่ทัน เพราะหากทำเช่นนั้น การเลือกตั้งก็เกิดไม่ได้
**ซัดมีชัยเขียนกม.ตามใบสั่งทหาร
นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.ประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายมีชัย ออกมาบอกว่าข้อห่วงใยเรื่องการคำนวณส.ส. นั้นช้าไป เพราะระบุไว้ในรธน.แล้ว เป็นเพียงวาทกรรม สร้างภาพให้กรธ. ดูดี ว่าเป็นนักประชาธิปไตย พร้อมรับฟังข้อท้วงติงแต่จริงๆแล้ว มีผู้คัดค้านระบบนี้มาตั้งแต่ต้น แต่นายมีชัย และ กรธ. ก็ปิดหูปิดตา ไม่ฟังเสียงทักท้วง มุ่งเขียนกม.ตามใบสั่งของคสช. อย่างเดียว ริบบัตรเลือกตั้งของประชาชนไป 2 ใบ ทั้งบัตรแบบบัญชีรายชื่อ และบัตรเลือกตั้งส.ว. แล้วเสก ส.ว.โดยให้คสช.แต่งตั้งมา 250 คน มาโหวตเลือกนายกฯได้ ส่วน ส.ส. ก็เขียนไม่ให้พรรคใดได้เสียงเกินครึ่ง นึกว่าประชาชนทั้งประเทศเขาไม่รู้หรืออย่างไร
"นายมีชัย กล้าสาบานต่อพระสยามเทวาธิราช หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่รัฐสภาหรือไม่ว่า ไม่ได้เขียนกฎหมายตามใบสั่งของทหาร ที่แอบสั่งมาโดยตลอด"
นายวัชระ กล่าวด้วยว่า รธน.ปี 60 จะเป็นระเบิดเวลาสร้างความขัดแย้งในสังคมเป็นวัฏจักร ดั่งคำปรารภในกฎหมายรธน. ที่คณะนายมีชัย เขียนไว้เองทุกประการ แล้วคณะนายมีชัย จะหลุดพ้นตราบาปได้อย่างไร ประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้แล้วว่า ใครสร้างเวรสร้างกรรมกับประเทศชาติ
"ท่านเขียนกฎหมายรัฐธรรมนูญได้ย้อนยุคกว่ารัฐธรรมนูญสมัยรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร เสียอีก นี่ไม่ใช่คำวิจารณ์จากผม แต่มาจากเสียงจากนักวิชาการท่านหนึ่ง ในแม่น้ำห้าสายของคสช. นั่นเอง อีกทั้งส่วนตัวนายมีชัยได้เบี้ยประชุมในฐานะประธาน กรธ. ครั้งละ 9,000 บาท กรธ. ประชุมมาครบ 400 ครั้งแล้วได้เบี้ยประชุมถึง 3,600,000 บาท ส่วนกรธ.ได้คนละ 6,000 บาท รวมได้คนละ 2,400,000 บาท บางครั้งก็เปิดประชุมเพียง 20 นาที ก็ปิดการประชุม ต่อมานายมีชัย ก็ให้บุตรสาวเป็นเลขานุการในคสช. อีก ได้เงินเดือนสบายๆ อีกเดือนละร่วม 50,000 บาท ในขณะที่คนจนได้บัตรสวัสดิการคนจนแค่เดือนละ 300 บาท เหตุใดรายได้จึงต่างราวฟ้ากับเหว เสียเหลือเกิน กรมสรรพากร เก็บภาษีอย่างไร พวกคสช.ท่านอิ่มเอมเปรมปรีย์ แต่ประชาชนหาค่ำกินเช้า อดอยากปากแห้ง ขายยาง ขายปาล์ม ก็ไม่มีราคา จะออกกฎหมายมากดหัวประชาชนอีกนานเท่าไร ให้ระวังคนยากคนจนจะหมดความอดทน เดี๋ยวจะหาว่าพวกเราไม่เตือน" นายวัชระ กล่าว
**สนช.จ่อถกกม.สส.-สว.30 พ.ย.นี้
นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภาบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 2 เปิดเผยว่า ขณะนี้ สนช.ได้ศึกษา ร่าง พ.ร.ป. ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งทั้ง 2 ฉบับ ไว้ล่วงหน้าแล้ว เพียงแต่รอให้กรธ. ส่งร่าง พ.ร.ป.ทั้ง 2 ฉบับมาให้ โดยได้รับการประสานว่า จะส่งมาให้ในวันที่ 28 พ.ย.นี้ และสนช. จะนำเข้าสู่การพิจาณา ในวันที่ 30 พ.ย. ซึ่งหากพิจารณาเสร็จแล้ว ก็จะรู้ว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อใด ในส่วนของการตั้งคณะกรรมการธิการเพื่อพิจาณา ร่าง พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. จากการหารือเบื้องต้น จะมีการตั้งกมธ. 2 ชุด แม้ว่า กรธ. จะต้องการให้มีการตั้ง กมธ. เพียง 1 ชุดก็ตาม
