พรุ่งนี้แล้วสินะ...จะเข้าสู่วันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม “วันนี้ที่รอคอย” หรือ “วันนี้ที่ลอยคอ” ขึ้นอยู่กับรสนิยมของใครจะว่ากันไปตามสภาพ ส่วนจะออกไปทาง “สุขกันเถอะเรา” หรือ “สุกกันเถอะเรา” หรือไม่ อย่างไร อันนั้น...คงต้องปล่อยให้ศาลท่านว่าไปตามทางของท่าน แต่ไม่ว่าศาลท่านจะวินิจฉัยออกมาในรูปไหน สุดท้าย...ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมต้องเป็นไปตามกฎแห่งกรรม หรือกฎอิทัปปัจจยตา อันว่าด้วย... “ด้วยเหตุเพราะสิ่งนี้-สิ่งนี้...สิ่งนี้จึงเป็นไป” นั่นแล...
ดังนั้น...อย่าถึงกับต้องกระเหี้ยนกระหือรือ หมกๆ มุ่นๆ มากมายเกินไปนัก หันไปดูเรื่องอื่นๆ ที่อาจเป็นประโยชน์ สามารถหยิบเอามาใช้เป็นข้อคิด อุทาหรณ์ อาจ “เข้าท่า” ซะยิ่งกว่าเป็นไหนๆ อย่างเช่นเรื่องที่แทบเดาไม่ออก-บอกไม่ถูกว่า เพราะ “สิ่งนี้-สิ่งนี้” มันเป็นไปแบบไหน อย่างไร ถึงทำให้เรือรบอันสุดแสนจะทันสมัย ระดับเรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำร่อง อย่างเรือ “USS John S. McCain” ของกองทัพเรือที่ 7 แห่งสหรัฐฯ ดันไปชนกับเรือเอี้ยมจุ๊น หรือเรือน้ำมันสิงคโปร์ จนจอดไม่ต้องแจวอยู่แถวๆ ช่องแคบมะละกาจนตราบเท่าทุกวันนี้...
คืออย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล็กๆ เรื่องอุบัติห่ง อุบัติเหตุ ที่ไม่ต้องเสียเวลาหยิบมาคิดอะไรต่อมิอะไรเอาเลยนะทั่น เพราะขนาดที่กองทัพเรือสหรัฐฯ เอง เมื่อวัน-สองวันมานี้ ยังถึงกับต้องออกคำสั่ง โดย “พลเรือเอกJohn Richardson” ผู้บัญชาการกองทัพเรือ ไปยังเรือรบสหรัฐฯ ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ตามซีกโลกต่างๆ ให้ “ระงับปฏิบัติการไว้ชั่วคราว” จนกว่าจะมีการสืบสวนสอบสวนถึงสาเหตุความเป็นมาของเหตุการณ์เหล่านี้ ว่าด้วยเหตุเพราะสิ่งนี้-สิ่งนี้...มันคืออะไรกันแน่??? ถึงได้ทำให้เกิดสิ่งนี้ หรือได้เกิดอุบัติเหตุกับเรือรบอันสุดแสนจะทันสมัยของกองทัพเรือสหรัฐฯ ต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง ในแค่ช่วงไม่ถึงปี หรือตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา...
อุบัติเหตุรายแรก...ว่ากันว่า เกิดกับเรือ “USS Antietam” เรือลาดตระเวนติดขีปนาวุธที่จอดเอาไว้แถวๆ อ่าวโตเกียว เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา จู่ๆ ก็เดินเครื่องไม่ติดเพราะใบจักรเรือเสียหายเอาดื้อๆ!!! ส่วนรายที่สองนั้น...เกิดกับเรือ “USS Lake Champlain” ที่เผลอไปชนกับเรือประมงเกาหลีใต้ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ด้วยเหตุเพราะแย่งกันหาปลา หรือเพราะอะไรก็ยังมิอาจสรุปได้ รายที่สาม...ก็คือเรือ “USS Fitzgerald” ติดขีปนาวุธเอาไว้เพียบ แต่ดันถูกเรือเอี้ยมจุ๊น หรือเรือสินค้าติดธงฟิลิปปินส์ชนเอาดื้อๆ...เมื่อช่วงวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา เล่นเอาผู้บังคับบัญชาเรือทั้ง 3 ราย ถูกย้ายให้ไปนั่งตกกุ้ง ตกปลา อยู่แห่งหนตำบลใดก็ยังไม่รู้แน่...
จนกระทั่งมาถึงรายที่สี่...คือเรือ “USS John S. McCain” ที่ว่า จะไปโทษ ไปเดาสุ่ม ว่าช่องแคบมะละกาออกจะแคบเกินไปก็ไม่น่าจะถูกเรื่องกันซักเท่าไหร่นัก เพราะด้วยระบบเรดาร์อันสุดแสนทันสมัย ยิ่งกว่าเครื่องจีพีเอสที่ติดไว้ในรถยนต์ของใครต่อใคร การถอยหน้า ถอยหลัง เคลื่อนเข้า เคลื่อนออก มันไม่น่าเบ้อๆ บ้าๆ ไปได้ถึงปานนั้น แต่สุดท้าย...ก็นั่นแหละดันไปชนกับเรือน้ำมันสิงคโปร์เข้าจนได้ ทิ้งรูโหว่เอากลางลำแบบจอดไม่ต้องแจว ลูกเรือบาดเจ็บ ล้มตาย ศพลอยเท้งเต้งไปติดชายฝั่งสิงคโปร์ ชนิดน่าอเนจอนาถ น่าเวทนาเอามากๆ...
การที่เกิดอุบัติเหตุต่อเนื่องกันถึง 4 ครั้งซ้อนๆ แถมยังเป็นอุบัติเหตุแถวๆ น่านน้ำทะเลจีนใต้ ทะเลจีนตะวันออกอีกต่างหาก อันทำให้โอกาสที่จะอวดโชว์แสนยานุภาพ เพิ่มความมั่นอก-มั่นใจ การรับประกัน การันตีกับบรรดาประเทศต่างๆในย่านนี้ถึงพลังอำนาจแห่งกองทัพเรือสหรัฐฯ กลับต้องออกอาการ “หน้าแตก” เอาดื้อๆ ถึงขั้นกองทัพจีนหยิบเอาไปเยาะเย้ย ถากถาง กันเห็นๆ หรือเผลอๆ “คู่กัด” อย่าง “คิมน้อย” แห่งคาบสมุทรเกาหลี อาจนอนหัวร่อ เสยผม ลูบผม ไปแล้วก็ไม่แน่ การสืบสวนสอบสวนถึงสาเหตุของเหตุการณ์เหล่านี้กันแบบจริงๆ-จังๆ ทั้งด้านกว้าง ด้านลึก ด้านยาว ด้านสั้น จึงเป็นสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ และแน่นอนนั่นแหละ...ด้านที่จะต้องให้ความสำคัญอย่างเป็นพิเศษ แม้ยังไม่มีหลักฐานปรากฏ ก็คือด้านที่ถูกระบุเอาไว้ในคำแถลงของกองทัพเรือสหรัฐฯ ถึงความเป็นไปได้ในเรื่อง “การลอบวินาศกรรมทางไซเบอร์!!!”
นี่...อันนี้นี่แหละที่น่าสนใจมิใช่น้อย เพราะอย่างที่คอลัมน์นี้เคยว่าเอาไว้ถึงเรื่อง “สงครามที่ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร” ติดต่อถึง 2 ตอนซ้อนๆ เมื่อช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าไม่เพียงแต่ถือเป็นสงครามที่แทบจับไม่ได้-ไล่ไม่ถูกว่าไผเป็นไผ ใครเป็นใคร แต่ยังเป็นสงครามซึ่งตกเป็นฝ่าย “เสียเปรียบ” ทางด้านศักยภาพกำลังรบ ยังสามารถงัดมาใช้โจมตี ตอบโต้ ต่อฝ่ายซึ่งอยู่ในฐานะ “ได้เปรียบ” ได้อย่างชะงัด และยากซ์ซ์ซ์ที่จะแก้แค้นเอาคืนอีกซะล่วย ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น พรุ่งนี้ค่อยมาโม้ต่อกันอีกที...