รอยเตอร์ – ประดาน้ำจากกองทัพเรือและนาวิกโยธินสหรัฐฯ เริ่มการค้นหาลูกเรือ 10 นายที่สูญหาย จากเหตุเรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถีชนกับเรือบรรทุกน้ำมันใกล้สิงคโปร์เมื่อเช้าวันจันทร์ (21 ส.ค.) ซึ่งทางสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวในกองทัพเรือว่า สาเหตุมาจากระบบหางเสือบกพร่อง
เรือพิฆาต “ยูเอสเอส จอห์น เอส. แมคเคน” ชนกับเรือบรรทุกน้ำมัน “อัลนิก เอ็มซี” ขณะที่เรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถีของอเมริกาลำนี้มุ่งหน้าสู่ฐานทัพเรือชางอีของสิงคโปร์ตามกำหนดการปกติ การชนทำให้เกิดรูโหว่ขนาดใหญ่ที่เส้นบอกระดับน้ำข้างเรือบริเวณกาบซ้ายด้านท้าย ส่งผลให้น้ำทะลักเข้าท่วมส่วนต่างๆ ในเรือ ซึ่งรวมถึงบริเวณห้องพักของลูกเรือ
ในวันอังคาร (22 ส.ค.) เรือ เครื่องบิน และนักประดาน้ำจากปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยของหลายชาติ ยังคงค้นหาลูกเรืออเมริกัน 10 นายที่สูญหาย ทางตะวันออกของสิงคโปร์และคาบสมุทรมาเลเซีย ใกล้จุดที่เรือสองลำชนกัน อุบัติเหตุครั้งนี้นับเป็นอุบัติเหตุการชนอย่างรุนแรงครั้งที่ 4 ที่เกิดขึ้นกับกองเรือแปซิฟิกของสหรัฐฯ ในรอบปีนี้ ซึ่งนำไปสู่การสอบสวนในวงกว้างและแผนการระงับปฏิบัติการชั่วคราวเพื่อตรวจสอบด้านความปลอดภัย
กองเรือที่ 7 ของสหรัฐฯ แถลงบนเว็บไซต์ในวันอังคารว่า ประดาน้ำที่ใช้อุปกรณ์รับอากาศจากผิวน้ำ จะเข้าสู่พื้นที่ปิดกั้นในส่วนที่ได้รับความเสียหายในตัวเรือแมคเคน ซึ่งขณะนี้จอดเทียบท่าอยู่ในสิงคโปร์แล้ว โดยนอกเหนือจากการค้นหาลูกเรือที่สูญหาย ประดาน้ำเหล่านี้จะประเมินความเสียหายของเรือด้วย นักประดาน้ำเหล่านี้มาจากหน่วยซ่อมแซมเรือของกองทัพเรือสหรัฐฯ ในโยโกสึกะ ญี่ปุ่น และหน่วยส่งกำลังบำรุงภาคพื้นแปซิฟิก รวมทั้งหน่วยกำลังรบนาวิกโยธินนอกประเทศที่ 15
ด้านสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานในวันอังคาร โดยอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่กองทัพเรือสหรัฐฯ ที่ไม่เปิดเผยชื่อ ระบุเบื้องต้นมีข้อบ่งชี้ว่า การชนเกิดจากความบกพร่องของระบบหางเสือ ขณะที่เรือแมคเคนเคลื่อนเข้าใกล้ช่องแคบมะละกา แต่โฆษกของกองทัพเรือสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้
แถลงการณ์ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่ออกมาเมื่อคืนวันจันทร์ระบุว่า เครื่องบินจากเรือโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบก ยูเอสเอส อเมริกา ที่จอดอยู่ในฐานทัพเรือชางอีในสิงคโปร์ จะยังคงค้นหาลูกเรือที่สูญหายต่อไป โดยดำเนินการร่วมกับเครื่องบินและเรือของสิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ในส่วนความพยายามเพื่อควบคุมความเสียหายบนเรือแมคเคนนั้นพุ่งเป้าที่การระบายน้ำออกจากเรือและฟื้นฟูระบบเสริม โดยประดาน้ำเริ่มประเมินความเสียหายแล้ว และจะเริ่มทำการซ่อมแซมหลังเสร็จสิ้นการประเมินความเสียหาย
ทั้งนี้ พลเรือเอก สก็อต สวิฟต์ ผู้บัญชาการกองเรือแปซิฟิกของสหรัฐฯ มีกำหนดเดินทางจากกัวลาลัมเปอร์สู่สิงคโปร์ในวันอังคาร
ขณะเดียวกัน การท่าเรือสิงคโปร์แถลงว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่ 250 คนเข้าร่วมการค้นหาและกู้ภัยที่ดำเนินต่อเนื่องตลอดคืนวันจันทร์
พลเรือเอก จอห์น ริชาร์ดสัน เสนาธิการทหารเรือสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ ระบุขณะนี้ไม่มีสิ่งบ่งชี้ว่า การชนครั้งนี้เกิดจากการจงใจหรือการเจาะระบบข้อมูล หรือการก่อวินาศกรรม อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ จะพิจารณาความเป็นไปได้ทั้งหมด พร้อมสำทับว่า ได้ขอให้ผู้บัญชาการกองเรือต่างๆ ทั่วโลกระงับปฏิบัติการที่มีปัญหาชั่วคราว 1-2 วัน เพื่อร่วมกันหาวิธีทำให้ปฏิบัติการต่างๆ ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ และว่า การหารือจะเริ่มต้นภายในหนึ่งสัปดาห์
เสนาธิการทหารเรือสหรัฐฯ ยังบอกอีกว่า จะมีการตรวจสอบอย่างครอบคลุมสำหรับการฝึกฝนของกองกำลังอเมริกันที่ประจำการในญี่ปุ่น เพื่อให้แน่ใจว่า ได้ดำเนินการทุกอย่างเพื่อเตรียมพร้อมกำลังพลเหล่านี้สำหรับปฏิบัติการและการสู้รบ ทั้งนี้ กองบัญชาการของกองเรือที่ 7 ของสหรัฐฯ ตั้งอยู่ในญี่ปุ่น