หลังการประกาศกร้าวของประธานาธิบดีทรัมป์ ว่า ฝ่ายนิยมนาซี, KKK กับฝ่ายต่อต้านนาซี ใช้ความเกลียดชัง ความรุนแรงถล่มกัน มีความผิดทั้งคู่พอๆ กัน บรรดาเหล่า CEO’S ของบริษัทชั้นนำสหรัฐฯ ซึ่งได้รับการเชิญและแต่งตั้งจากทรัมป์ตั้งแต่ธันวาคมปีที่แล้ว ต่างทยอยประกาศลาออกจากสภาธุรกิจ 2 ชุด จนแทบไม่เหลือใครอีก
ทรัมป์ได้ใช้ความว่องไว เมื่อได้ทราบข่าวการเตรียมแถลงของที่ปรึกษาที่ประชุมผ่านทางโทรศัพท์ และกำลังจะแถลงในวันรุ่งขึ้นว่า พวกเขาจำเป็นต้องลาออก เพราะไม่เห็นด้วยต่อการแถลงของทรัมป์ว่า ฝ่ายต่อต้านนาซีใช้ความรุนแรงเผชิญหน้ากับฝ่ายนิยมนาซีที่เมืองชาร์ลอตส์วิลล์
บรรดา CEO’S เหล่านี้ พยายามจองห้องเพื่อแถลงตอนกลางคืน แต่ห้องไม่ว่าง เพราะพวกเขาเพิ่งตกลงกันได้ช่วงหัวค่ำ พวกเขาก็เลยนัดแถลง 11.30 น. เช้าวันรุ่งขึ้น
ประธานาธิบดีทรัมป์ เลยช่วงชิงรีบส่งทวิตเตอร์ข้อความสั้นๆ ว่า เพื่อไม่เป็นการรบกวนบรรดา CEO’S ในสภาที่ปรึกษาทั้ง 2 ชุด ผมขอยุบสภาธุรกิจทั้งสอง พร้อมขอขอบคุณท่านเหล่า CEO’S ที่ได้มาร่วมงานกัน!
นับเป็นความว่องไวและทันการณ์ ก่อนที่จะเสียหน้าเหวอะหวะจนหมอไม่รับเย็บ เพราะถ้าบรรดา CEO’S เหล่านี้จัดตัวแทนมาเรียงหน้าแถลงแล้ว ความอหังการยิ่งใหญ่โอหังของนายทรัมป์ ที่อวดอ้างสรรพคุณว่า ตัวเองเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จดียิ่ง และได้รับการยอมรับจากบรรดาเหล่านักธุรกิจชั้นนำของสหรัฐฯ ทั้งเก่าและใหม่ถ้วนหน้า เพราะทั้งใน 2 สภานี้คือ สภาด้านอุตสาหกรรมการผลิตจะมี CEO’S จากซุป Campbell, GE, Pepsi เป็นต้น ส่วนสภาด้านยุทธศาสตร์จะมีประธาน เป็นนักการเงินการธนาคารจากธนาคาร JP Morgan Chase คือนาย Jamie Dimon และมีสมาชิกเช่น Elon Musk จาก Tesla เป็นต้น
สมาชิกของ 2 สภาเป็น Celebs ระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น CEO ของ Apple, Microsoft และอีกหลายคน
ต่อมา ทางทำเนียบขาวก็รีบแถลงว่า สำหรับสภาที่ 3 ซึ่งทรัมป์กำลังอยู่ระหว่างการแต่งตั้งกรรมการนั้น ก็ขอยุติลงด้วย ; สภาที่ 3 นี้ เป็นสภาด้าน Infrastructure เพราะทรัมป์ได้หาเสียงเอาไว้ว่า จะสร้างงานด้วยการทุ่มเงิน 1 ล้านล้านเหรียญ (35 ล้านล้านบาท) เพื่อซ่อมแซม และก่อสร้างถนนหนทางทั้งประเทศ รวมทั้งสะพานเก่าที่กำลังทรุดโทรม และการสร้างท่าเรือ, ท่าอากาศยานทั่วสหรัฐฯ เป็นการยกเครื่องและต้องการความคิดเห็นจากบรรดา CEO’S ชั้นนำเหล่านี้ ขณะที่อีก 2 สภาจะพูดเรื่องการดึงการลงทุนของบริษัทอเมริกันให้กลับมาลงทุนที่สหรัฐฯ
ไม่เพียงสภาธุรกิจที่มีปฏิกิริยาชัดมากว่า ทนอยู่ข้างทรัมป์ไม่ไหว เดี๋ยวลูกค้าจะคว่ำบาตร, ผู้ถือหุ้นจะชิงขายหุ้นทิ้ง
แต่แม่ทัพทั้ง 6 คือ ผบ.สส., ผบ.ทบ., ผบ.ทอ., ผอ.ทร. รวมทั้งผบ.นาวิกโยธิน และผบ.รักษาดินแดน (National Guard) (แต่ไม่มีผบ.ตำรวจ เพราะตำรวจเขาไม่มีผบ.แบบไทย มีแต่ตำรวจท้องถิ่น) ได้เขียนจดหมายเปิดผนึกประณามฝ่ายนีโอนาซี, KKK ว่า ต้องไม่มีที่ยืนที่สหรัฐฯ พร้อมคำอธิบายว่า สหรัฐฯ ต้องเสียชีวิตทหารจำนวนมากไปปราบนาซีฮิตเลอร์ และมุสโสลินีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงต้องไม่ให้มีขบวนการนาซีมาเกิดและเติบโตที่สหรัฐฯ อีก
ล่าสุดเหล่าศิลปินเกียรติยศที่มีชื่อเสียง และกำลังจะไปรับรางวัลเกียรติยศจากประธานาธิบดี ได้ออกมาแถลงว่า ของดไปร่วมงานรับรางวัลเกียรติยศที่ทำเนียบขาว และที่ศูนย์วัฒนธรรมที่นิวยอร์ก เพราะไม่เห็นด้วยกับประธานาธิบดีทรัมป์ที่จะเป็นผู้มอบรางวัล จนทรัมป์และภรรยาต้องออกแถลงการณ์ผ่านทำเนียบขาวว่า เพื่อไม่ให้การเมืองเข้ามายุ่งกับการมอบรางวัลเกียรติยศด้านศิลปะ ทรัมป์และภรรยาของดร่วมพิธีดังกล่าว
เขากดดันกันถึงขนาดนี้ ในจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับผู้มีอำนาจบาตรใหญ่ ก็หวังว่า คนไทยจะไม่งอมือ งอเท้า ที่จะต้องลุกขึ้นยืนหยัดสู้กับความไม่ถูกต้องกับอำนาจและเงินที่กำลังทำให้ชาติเดินไปผิดทิศผิดทาง