xs
xsm
sm
md
lg

"สมชัย"ซัดสนช.ออกกม.หลายมาตรฐาน โละกกต.แต่ต่ออายุผู้ตรวจฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (31ก.ค.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. เปิดเผยว่าตนได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึง นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. แสดงความผิดหวังต่อการทำหน้าที่ของสนช. ที่ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินชุดปัจจุบัน อยู่ในตำแหน่งจนครบวาระ แต่กลับให้ เซตซีโร กกต. ซึ่งเป็นการใช้เหตุผลที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง จึงมิอาจเป็นแบบอย่างการออกกฎหมายที่ดีให้กับสังคมไทยได้ เพราะเป็นการพิจารณาหลายมาตรฐาน
นายสมชัย ระบุด้วยว่า ในการเซตซีโร กกต.มีการอ้างว่าเพื่อประโยชน์ของการปฏิรูปการเมือง ต้องการบุคคลที่มีคุณสมบัติสูงมาทำหน้าที่สำคัญ และเกรงว่าจะเกิดปัญหาปลาสองน้ำในการทำหน้าที่ ระหว่างคนที่มีคุณสมบัติต่างกันมาทำหน้าที่ในคณะกรรมการชุดเดียวกัน แต่ในวันที่ลงมติให้ผู้ตรวจการฯ ดำรงตำแหน่งจนครบวาระ อ้างว่าบุคคลเหล่านี้มาตามรธน.ปี 50 หากให้ออกหรือเซตซีโร จะเป็นการลิดรอนสิทธิคนเหล่านี้ กลายเป็นว่าองค์กรหนึ่งมีกรรมการที่มีคุณสมบัติครบ 3-4 คนใน 5 คน ถูกให้ออกจากตำแหน่ง แต่อีกองค์กรหนึ่งที่คาดว่าผู้ดำรงตำแหน่งทั้งหมด น่าจะคุณสมบัติไม่ครบ กลับได้รับการลงมติให้อยู่ต่อไปจนครบวาระ
นายสมชัย ยังระบุในจดหมายเปิดผนึก ในเชิงน้อยใจว่า เป็นคนที่ให้ความเห็นต่อสาธารณะมาก จนเป็นที่รำคาญของหลายคน แต่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ออกกฎหมาย จะหยิบมาเป็นประเด็นเขียนกฎหมายเพื่อเอาคนออกจากตำแหน่ง เพราะกฎหมายต้องไม่ออกเพื่อจัดการกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นการเฉพาะ และตามหลักการเห็นด้วยที่จะให้ผู้ตรวจการฯ ดำรงตำแหน่งจนครบวาระ และอยากให้เป็นแนวทางปฏิบัติกับทุกองค์กรอิสระ ไม่ว่าจะเป็น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ปปช. และศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้สิ่งที่ปรารถนาไม่ได้ต้องการชัยชนะ แต่ต้องการสังคมที่ยึดหลักนิติรัฐ
นายสมชัย กล่าวว่า จะใช้สิทธิส่วนบุคคลยื่นต่อศาลรธน. ให้วินิจฉัย ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยกกต. ประเด็นเซตซีโร่กกต. ซึ่งไม่จำเป็นต้องรอให้ร่างกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ โดยเอกสารที่จะยื่น มีความสมบูรณ์แล้ว 80% คาดว่าน่าจะยื่นได้ภายในสองสัปดาห์นี้ ส่วนศาลรธน.จะรับไว้พิจารณาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลรธน. ทั้งนี้การตัดสินใจของตนไม่ได้มีการหารือกับ กกต.อีก 4 คน แต่อย่างใด
**กรธ.ยังไม่สรุปปัญหาผู้ตรวจการฯ
ด้านนายอุดม รัฐอมฤต โฆษก กรธ. ยอมรับว่า การที่ สนช.คุัมครองให้ผู้ตรวจการฯ อยู่ต่อจนครบวาระ เป็นเรื่องที่ขัดกับหลักการที่ กรธ.วางไว้ แต่ยังไม่ชัดเจนว่า จะมีการเสนอความเห็นแย้งไปยัง สนช.ว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวขัดรธน.หรือไม่ เพราะหากตั้งกมธ. 3 ฝ่าย ตัวแทนของ กรธ. 5 คน จะเป็นเสียงข้างน้อย แต่ถ้าไม่เสนอความเห็นแย้ง ก็จะถูกมองว่าร่วมมือกับสนช. คุ้มครองผู้ตรวจการฯ ชุดปัจจุบัน ดังนั้นจึงต้องให้ที่ประชุมกรธ. พิจารณา หลังจากที่ได้รับร่างกฎหมายจาก สนช.แล้ว
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึง แนวทางการทบทวนร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติปรับแก้ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินชุดปัจจุบันดำรงตำแหน่งต่อไปจนครบวาระ ว่า ต้องรอดูตัวร่าง ที่มีการปรับแก้มาแล้วก่อนจึงค่อยตัดสินใจอีกครั้ง ว่าจะส่งข้อโต้แย้งให้จัดตั้ง กมธ.ร่วม 3 ฝ่าย เพื่อทบทวนหรือไม่
ส่วนกรณีที่ กมธ.ร่วม 3 ฝ่าย เพื่อทบทวนร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองนั้น นายมีชัย กล่าวว่า คาดว่าจะมีการประชุมให้แล้วเสร็จภายในวันเดียวกันนี้ โดยย้ำกับกมธ. ในสัดส่วนของกรธ. ทั้ง 5 คน ให้คุยกันด้วยเหตุและผล แต่ยืนยันว่า จะไม่มีโทษยุบพรรคการเมือง หากมีการกระทำผิดเกี่ยวกับการทำไพรมารีโหวต
**เดินหน้าแก้ปมไพรมารีโหวต
รายงานข่าวแจ้งว่าในการประชุมกมธ.ร่วม 3 ฝ่าย เพื่อพิจารณาแก้ไข ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองหลังจากที่ นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต. ซึ่งเป็น 1 ในกมธ. 3 ฝ่ายที่มีทั้งหมด 11 คน ยืนยันมาตลอดว่า ไม่สามารถปรับแก้ ร่าง พ.ร.ป. พรรคการเมือง ตามที่สนช. เสนอผ่านร่างที่ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อดีตประธานกมธ. พิจารณาปรับแก้มาเบื้องต้น
ดังนั้น ที่ประชุม กมธ.3ฝ่าย ตัดสินใจหาข้อยุติด้วยการลงมติ เพราะพูดคุยกันมา2-3นัดแล้ว แต่นายศุภชัย ยังคงยืนยันว่า กมธ. 3 ฝ่าย ไม่สามารถปรับแก้รายละเอียดของไพรมารีโหวต ในร่าง พ.ร.ป.ดังกล่าวได้ เพราะเป็นลักษณะของการปรับเพื่อให้การปฏิบัติรัดกุมขึ้น ไม่ใช่ปรับเพราะเป็นส่วนที่ขัดแย้งกับรธน. ตามที่บทเฉพาะกาลให้อำนาจไว้ โดยผลการลงมติออกมาเป็น 8 ต่อ 1 ซึ่งเสียงของนายศุภชัย เป็นเสียงข้างน้อยเพียงเสียงเดียว
ทั้งนี้ ผลของการลงมติดังกล่าวทำให้ กมธ.3 ฝ่าย สามารถเดินหน้าปรับแก้ ร่าง พ.ร.ป.พรรคการเมือง ตามข้อเสนอของพล.อ.สมเจตน์ ซึ่งได้แก้ปัญหาความไม่สมบูรณ์จุดต่างๆ ตามที่ กรธ.ได้ทักท้วงมา ในการประชุมที่เหลืออีกสองนัด อาทิ การมีบทลงโทษสำหรับผู้บริหารพรรคที่ทุจริตในการจัดการลงคะแนนไพรมารีโหวต ปัญหาเรื่องผู้แทนพรรคประจำจังหวัด ที่อาจจะขาดไป หากมีการประกาศเพิ่มเขตเลือกตั้งในการเลือกตั้งครั้งใหม่ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การแพ้โหวตดังกล่าว ก็อาจเป็นเหตุผลให้ กกต. ตัดสินใจ ยื่นศาลรธน. เพื่อยืนยันความคิดของตนเอง และไม่ให้เกิดความเสี่ยงทางกฎหมาย ในการปฏิบัติ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น ก็จะทำให้ ร่าง พ.ร.ป.พรรคการเมือง เป็นร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งอีกฉบับ ที่อาจต้องชะลอนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อรอศาลรธน.วินิจฉัย นอกเหนือจาก พ.ร.ป.ว่าด้วยกกต. ที่ศาลรธน. จะวินิจฉัยว่า จะรับคำร้องหรือไม่ ในสัปดาห์นี้
กำลังโหลดความคิดเห็น