xs
xsm
sm
md
lg

ทุกแนวรบ...กำลังเปลี่ยนแปลง (จบ)

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท


อย่างที่ว่าไว้เมื่อไม่กี่วันผ่านมานั่นแหละว่า...นอกจากการประกาศยุติโครงการช่วยเหลือ “กบฏซีเรีย” ผู้ถือเป็นกำลังหลักในการโค่นล้มรัฐบาล “อัล-อัสซาด” จะถือเป็น “สัญญาณความพ่ายแพ้” ของสหรัฐฯ ในพื้นที่จุดยุทธศาสตร์ของภูมิภาคตะวันออกกลางอย่างเห็นได้ชัดเจน ความคึกคัก กระเหี้ยนกระหือรือของรัฐบาลและภาคเอกชนจีน ที่คิดจะเข้าไปฟื้นฟูบูรณะซีเรียในช่วงนี้ ยังถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า แนวรบในตะวันออกกลางได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วโดยสิ้นเชิง...

แต่ที่น่าสนใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือว่า...แนวรบในยุโรป อันถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญสูงสุดของสหรัฐฯ เอาเลยก็ว่าได้เพราะไม่เพียงแต่ถือเป็นพันธมิตรเคียงบ่า-เคียงไหล่กับอเมริกามาโดยตลอด ยังถือเป็นตลาดการค้าที่ใหญ่ที่สุดของโลก แต่เอาไป-เอามา...กลับกำลังถูกแปรสภาพให้กลายเป็นพื้นที่ “สงครามการค้า” ระหว่างสหรัฐฯ กับยุโรป ที่กำลังเริ่มเปิดฉากกันในอีกไม่นาน-ไม่ช้า นับจากนี้ ด้วยเหตุเพราะ “กฎหมายแซงชั่นรัสเซียรอบใหม่” ของอเมริกานั่นเอง...

อย่างน้อย...ก็มีผู้ที่ออกมาประกาศยืนยันถึงอุบัติการณ์ที่ว่านี้ เอาไว้แบบตรงไป-ตรงมา นั่นคือรัฐมนตรีเศรษฐกิจของเยอรมนี “นางBrigitte Zypries” ที่ได้ออกมากล่าวกับวิทยุ ARD และหนังสือพิมพ์รายวัน Die Welt ของเยอรมนีว่า กฎหมายแซงชั่นรัสเซียฉบับใหม่ของอเมริกาที่เพิ่งผ่านมติสภาผู้แทนสหรัฐฯ 419 ต่อ 3 เสียง ผ่านวุฒิสภา 98 ต่อ 2 เสียงเหลือแต่เพียงรอประธานาธิบดีอเมริกันลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายอย่างเป็นทางการหรือไม่ อย่างไรเท่านั้น ซึ่งล่าสุดก็ได้มีข่าวออกมาแล้วว่า “ทรัมป์บ้า” นั้นคงไม่อาจฝืนมติของสภาฯ ทั้งสองได้อยู่แล้วแน่ๆ เลยได้แสดงท่าทีว่าพร้อมจะลงนามในกฎหมายฉบับดังกล่าวโดยไม่คิดบิดพลิ้วไปเป็นอื่น และนั่นเอง...ที่ทำให้รัฐมนตรีเศรษฐกิจเยอรมนีต้องสรุปไว้ด้วยคำพูดประโยคที่ว่า...“สงครามการค้าเต็มรูปแบบระหว่างสหรัฐฯ กับยุโรป ได้อุบัติขึ้นแล้ว...”

ไม่ต่างไปจากผู้อำนวยการบริหารคณะกรรมการความสัมพันธ์เศรษฐกิจเยอรมนีและยุโรปตะวันออก (German Committee on Eastern European Economic Relations) “นายMichael Harms” ที่ให้ข้อสรุปไว้กับหนังสือพิมพ์ Die Welt ว่า... “กฎหมายแซงชั่นรัสเซียฉบับใหม่นั้น ถูกออกแบบเอาไว้บนจุดมุ่งหมายเพื่อต้องการเล่นงานบริษัทพลังงานในยุโรปที่ร่วมสนับสนุนโครงการท่อส่งแก๊สจากรัสเซียมายังยุโรป แล้วเปิดช่องทางให้กับการส่งออกพลังงานของสหรัฐฯ มายังยุโรปกันแทนที่ หรือเพื่อสนองตอบการเพิ่มอัตราจ้างงานในสหรัฐฯ ไปพร้อมๆ กับการดำเนินนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ นั่นเอง...” พูดง่ายๆ...ก็คือการเปิดฉากสงครามการค้า โดยมีบริษัทธุรกิจในยุโรปต้องตกเป็นเหยื่อไปพร้อมๆ กับรัสเซียอย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้...

ด้วยเหตุนี้...ไม่เพียงแต่รัสเซียเท่านั้น ที่เริ่มออกมาต่อต้านกฎหมายดังกล่าว ด้วยการจำกัดจำนวนทูตสหรัฐฯ ในรัสเซียเป็นประเดิมเริ่มแรก กระทั่งรัฐมนตรีเศรษฐกิจของออสเตรีย “นายChristoph Leitl” ยังออกมาส่งเสียงคำรามถึงขั้นว่า... “ยุโรปจะไม่ปล่อยให้การคว่ำบาตรในลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจังได้อีกต่อไป” ส่วนจะงัดเอามาตรการใดๆ ออกมาตอบโต้ก็แล้วแต่ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...ย่อมส่งผลให้แนวรบตะวันตก หรือแนวรบยุโรป ย่อมต้องเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอยู่แล้วแน่ๆ และเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้ทำให้อภิมหาอำนาจสูงสุดอย่างสหรัฐฯ เกิดความได้เปรียบ พอมองเห็นวี่แววแห่งชัยชนะขึ้นมาบ้างเลย ตรงกันข้าม...กลับทำให้ความพยายาม “โดดเดี่ยวอเมริกา” ด้วยการดึงยุโรปเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งและส่วนสำคัญของ “โครงการเปลี่ยนโลก” ที่ถูกเรียกขานกันในนามโครงการ “One Belt, One Road” ของคุณพี่จีน ยิ่งเป็นอะไรที่สดใส ซาบซ่านขึ้นมาเป็นกอง...

สรุปรวมความแล้ว...ไม่ว่าจะมองจากแนวรบตะวันออกกลาง เอเชีย ยุโรป อภิมหาอำนาจสูงสุดในโลกอย่างคุณพ่ออเมริกา มีแต่ “แพ้...กับ...แพ้” มาโดยตลอด และภายใต้ความแพ้แล้ว แพ้เล่า เช่นนี้นี่เอง จึงกลายเป็นตัวตอกย้ำคำพูด หรือคำกล่าวสุนทรพจน์ของผู้นำจีน อย่างประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ที่มีต่อบรรดาสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน ในระหว่างช่วงครบรอบ 95 ปี แห่งการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน เมื่อช่วงวันที่ 1 กรกฎาคม ปี ค.ศ. 2016 ให้ยิ่งดูมีน้ำหนัก น่าเชื่อ หรือน่าเป็นไปได้ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงที่ระบุไว้ว่า... “โลกกำลังอยู่บนริมขอบแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง เราทั้งหลายกำลังเป็นประจักษ์พยานต่อการล้มละลายของกลุ่มประเทศมหาอำนาจอย่าง EU และกำลังจะได้เห็นว่าระบบเศรษฐกิจของประเทศอภิมหาอำนาจสูงสุดอย่างสหรัฐฯ จะถึงกาลล่มสลายลงไปในแบบไหน และนี่เอง...ที่จะเป็นตัวบ่งชี้ถึงการสิ้นสุดแห่งสิ่งที่เคยถูกเรียกขานกันในนามระเบียบโลกใหม่ (New World Order)ดังนั้น...ในช่วงอีกประมาณ 10 ปีนับจากนี้ เราจะมีโอกาสได้เห็นระเบียบโลกอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งไม่เหมือนกับที่เคยเป็นมาก่อนหน้านี้ โดยมีกุญแจสำคัญที่จะทำให้สิ่งที่ว่านี้ปรากฏขึ้นมาอย่างเป็นจริงเป็นจัง นั่นก็คือ...ความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ระหว่างจีนกับรัสเซีย...” เอวัง...ก็มีด้วยประการละฉะนี้...แล...
กำลังโหลดความคิดเห็น