วันนี้คงต้องขออนุญาตเลิกพูดเรื่องความรัก ความผูกพัน ระหว่างคุณน้อง “ปู ยิ่งลักษณ์” กับบรรดาแฟนเพจ ที่ออกจะเลี่ยนเต็มที เอาเป็นว่า...ใครรักใคร-ชอบใคร คงไม่ได้ถือเป็นปัญหา ขอเพียงแต่อย่าให้ความรักนั้นๆ ไปก่อให้เกิดความเปรี้ยวกับใครต่อใคร โดยเฉพาะกับศาลท่าน ก็คงไม่ได้ถึงกับก่อให้เกิดความเดือดเนื้อร้อนใจ มากมายซักเท่าไหร่นัก...
เพื่อหลบเลี่ยง “ความเลี่ยน” ดังกล่าว...เลยขออนุญาตไปไกลๆ แวบไปแถวๆตะวันออกกลางโน่นเลย ซึ่งอาจถือเป็นภาคต่อจากเรื่อง “อเมริกา...แพ้แล้ว” หรือ “อเมริกา-เมื่อช่วงเวลาเที่ยงคืน” ที่ได้ว่าเอาไว้เมื่อช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา ด้วยเหตุเพราะดันไปอ่านเจอข่าวล่ามาเรืออยู่ชิ้นหนึ่ง อันอาจสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มความเปลี่ยนแปลงในภูมิภาคตะวันออกกลางค่อนข้างชัดเจนพอสมควร นั่นคือข่าวจากสำนักข่าว “รัสเซีย ทูเดย์” ที่ได้พาดหัวเอาไว้ทำนองว่า... “จีนมีแผนระยะยาวที่มุ่งจะอาศัยซีเรียเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเส้นทางสายไหมใหม่”...
พูดง่ายๆ ว่า...บรรยากาศ “สงครามกลางเมือง” ในซีเรีย ที่เริ่มขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ.2011 สังหารพร่าผลาญชีวิตผู้คนไปกว่าครึ่งล้าน มันจะจบ-ไม่จบ ในแบบไหน อย่างไร ก็ตามที แต่มาถึง ณ ขณะนี้...คุณพี่จีนท่านก็ได้เริ่มตระเตรียมที่จะเข้าไปเป็นผู้ฟื้นฟูบูรณะประเทศซีเรีย ให้กลับคืนมาสู่ความเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ-การค้า อย่างเท่าที่เคยมีมาในอดีตตลอดช่วงยุคเส้นทางสายไหม ชนิดเป็นเรื่องเป็นราว เป็นเนื้อ เป็นหนัง โดยไม่ต้องพะว้าพะวัง ละล้าละลัง ใดๆ อีกต่อไปแล้ว...
คือนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา...สมาคม “China-Arab Exchange Association” ร่วมกับสถานทูตซีเรียในกรุงปักกิ่ง ได้ริเริ่มจัดงาน “Syria day Expo” ขึ้นมาในกรุงปักกิ่ง โดยมีบรรดานักลงทุนชาวจีนที่เชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างสิ่งสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานนับร้อยๆ เข้าร่วมงาน และมีธนาคาร “AIIB” (Asia Infrastructure Investment Bank) คอยเป็นผู้อำนวยความสะดวก เพื่อที่จะเจรจาหาลู่ทางที่จะเข้าไปลงทุนฟื้นฟูสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานในซีเรีย ทันทีที่สงครามอันยืดเยื้อ ได้ยุติลงอย่างเป็นทางการ...
ว่ากันว่า...งานนี้ไม่ใช่แค่งานเดียวเท่านั้น ในเดือนสิงหาคมยังมีการจัดงาน “Syria Reconstruction Expo” ตามมาติดๆ โดยมี 30 ชาติอาหรับได้รับเชิญให้เข้าร่วม และในช่วงเดือนกันยายน จะจัดงาน “China-Arab States Expo” ที่จังหวัด Ningxia Hui ในเขตพื้นที่ Yinchuan ต่อเนื่องไปอีก เพื่อมุ่งหวังจะเนรมิตประเทศซีเรียจากซากปรักหักพัง ให้ฟื้นกลับคืนมาสู่ความเป็นศูนย์กลางแห่งเศรษฐกิจ-การค้า อย่างเท่าที่เคยเป็นมาในยุคเส้นทางสายไหมเมื่ออดีตให้จงได้!!!
ในงานนี้...รองประธานสมาคม “China-Arab Exchange Association” ชื่อว่า “นายQin Yong” ได้ประกาศนำร่องเอาไว้ก่อนล่วงหน้าว่า ปักกิ่งได้เริ่มวางแผนการลงทุนประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เอาไว้เรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว สำหรับการเข้าไปสร้างพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในซีเรีย เพื่อรองรับบริษัทธุรกิจชาวจีนจำนวนไม่น้อยกว่า 150 บริษัท ที่คงได้โอกาสกรูเข้าไปมะรุมมะตุ้ม สร้างโน่น สร้างนี่ ทำโน่น ทำนี่ ในประเทศซีเรีย กันชนิดไม่หวาด-ไม่ไหว หรืออย่างที่ “นายChen Feng ying” นักวิจัยแห่งสถาบัน “China Institute of Contemporary International Relations” ได้อธิบายไว้กับสำนักข่าว “Sputnik” ของรัสเซียนั่นแหละว่า... “ด้วยเหตุเพราะแทบทุกสิ่งทุกอย่างในซีเรีย ล้วนแล้วแต่ต้องการการบูรณะปฏิสังขรณ์ไปด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าถนนหนทาง บ้าน อาคารต่างๆ ที่ถูกทำลายลงไปแทบหมด และไม่เพียงหลังการพื้นฟูสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ แล้ว ยังต้องเตรียมจัดหาอาหารให้กับผู้คนเพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติอีกต่างหาก การฟื้นฟูในลักษณะเช่นนี้...จึงอาจเรียกได้ว่า เป็นการฟื้นฟูการผลิต (Reconstruction of Production) เอาเลยก็ว่าได้...”
ส่วนเหตุที่คุณพี่จีนกำลังกลายเป็นผู้โดดเข้าไปรับงานช้าง หรืองานใหญ่ ระดับนี้...ก็คงไม่ถึงกับเป็นเรื่องแปลก หรือเรื่องเซอร์ไพรส์แต่อย่างใด เนื่องจากแนวโน้มฉากสถานการณ์ในซีเรียในอนาคตเบื้องหน้า ได้ทำให้ทูตซีเรียประจำกรุงปักกิ่ง “นายImad Moustapha” ถึงกับประกาศเอาไว้ชัดว่า ในบรรดาผู้ที่มีสิทธิเข้าไปฟื้นฟูบูรณะซีเรียหลังสงครามกลางเมืองได้ยุติลงไปแล้ว ยังไงๆ...ย่อมหนีไม่พ้นไปจาก 3 ประเทศหลักๆ คือ “จีน-รัสเซีย-และอิหร่าน” ซึ่งต่างมีส่วนช่วยกอบกู้ซีเรียให้พ้นไปจากเศษซากปรักหักพังของ “สงครามกลางเมือง” มาโดยตลอด ย่อมต้องได้รับการพิจารณาเป็นรายแรกๆ...
โดยที่ต่างฝ่ายต่างคงไม่ต้องเสียเวลาแย่งเค้ก แบ่งเค้กอะไรกันมากมาย เพราะอย่างที่ประธานศูนย์ยุทธศาสตร์การติดต่อสื่อสารของรัสเซีย “นายDmitry Abzalov” ได้ให้ความเห็นกับสำนักข่าว “Novosti” ของรัสเซียเอาไว้นั่นแหละว่า... “เท่าที่ผ่านมา...จีนนั้นไม่เคยคิดจะแสดงบทบาททางทหารต่อซีเรียมาโดยตลอด แต่หันไปเน้นบทบาททางเศรษฐกิจเป็นหลัก โดยปล่อยให้เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของรัสเซีย ด้วยเหตุนี้...ทั้งจีนและรัสเซียน่าจะแบ่งบทบาทกันได้ลงตัว คือรัสเซียมีบทบาทในด้านความช่วยเหลือทหาร ส่วนจีนมีบทบาทในด้านความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจต่อซีเรีย...” สำหรับอิหร่านที่ออกเรี่ยวออกแรงช่วยเหลือซีเรียมาตั้งแต่ต้น ก็คงไม่ถึงกับหงุดหงิดอะไรมากมาย เพราะเมื่อไม่นานมานี้...จีนและอิหร่านเพิ่งจะลงนามความร่วมมือทางเศรษฐกิจระดับอภิมหาศาลกันไปหมาดๆ สิ่งต่างๆ เหล่านี้...จะช่วยดลบันดาลให้ซีเรียกลับมายืนหยัดอยู่ในแผนที่โลก และในเวทีประชาคมโลก ได้อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ได้มาก-น้อยขนาดไหน อันนี้...คงต้องขออนุญาตไปว่าต่อวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน...