ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - จำได้ว่าเคยเขียนกระทุ้งถึงการปฏิบัติหน้าที่ของ ป.ป.ช.ไปหลายครั้ง เกี่ยวกับการทำงานที่ล่าช้าโดยเฉพาะขั้นตอนการแสวงหาข้อเท็จจริงซึ่งไม่มีมาตรฐาน หรือกรอบเวลาตายตัว บางเรื่องที่เคยเป็นข่าวเกรียวกราวมีประชาชนและสังคมสนใจอย่างมากมาย แต่เมื่อเข้าสู่กระบวนการขององค์กรอิสระแห่งนี้ เรื่องต่างๆ กลับถูกหมก ถูกซุกอยู่ใต้พรม จนหลายครั้งถูกมองด้วยความเคลือบแคลง ข้อกล่าวหาการเล่นพรรคเล่นพวก หรือมียุติธรรม 2 มาตรฐาน จึงกลายเป็นสนิมคอยกัดกร่อนความน่าเชื่อถือมาตลอดเวลา
กรณีการใช้ดุลพินิจสั่งไม่ฟ้องพระธรรมเจดีย์ เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ ถึง 18 คดี ของพล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน อดีตนายตำรวจคนดัง กระทั่งเครือข่ายประชาชนปกป้องโบราณสถานวัดกัลป์ยาณฯ โดยนายชัยสิทธิ์ กิตตจิวณิชพันธุ์ ประธานฯ ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตั้งแต่สมัยเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แต่จนบัดนี้เวลาผ่านไปกว่า 2 ปีแล้วยังไม่มีความคืบหน้า
ก่อนที่จะแสดงความเห็นขออนุญาตนำเอกสารเกี่ยวข้องมาให้ติดตามกันนะครับ....เลขรับที่ 12113 ถึงสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(สำนักบริหารกลาง) เรื่องขอให้แจ้งความคืบหน้าการดำเนินคดี พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน กับพวกคดีเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ ทำลายโบราณสถาน (ครั้งที่ 2) รับวันที่ 24 เม.ย.60 เวลา 13.50 น.
เรื่อง ขอให้แจ้งความคืบหน้าการดำเนินคดี พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน กับพวกพนักงานสอบสวนและอัยการผู้ปฏิบัติหน้าที่มิชอบในการสอบสวนสั่งคดีเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร ฯทำลายโบราณสถาน (ครั้งที่ 2) และตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่พนักงาน ปปช.ผู้รับผิดชอบ
เรียนพล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
อ้างถึง หนังสือกล่าวโทษของข้าฯกับพวกเครือข่ายประชาชนปกป้องโบราณสถานวัดกัลยาณมิตรฯ ฉบับลงวันที่ 2 ต.ค.57 และหนังสือสอบถามความคืบหน้าครั้งที่ 1 วันที่ 15 พ.ย.59
ตามหนังสือที่อ้างถึงข้าฯและนายชัยสิทธิ์ กิตติวณิชพันธุ์ รวมทั้งเครือข่ายประชาชนปกป้องโบราณสถานวัดกัลยาณมิตร ตามรายชื่อที่ปรากฏได้มีหนังสือถึง ปปช.กล่าวโทษให้ดำเนินคดี
1.พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ขณะดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลและ ผกก.สน.บุปผาราม และพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบทุกคดี
2.ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 8 และข้าราชการตำรวจผู้มีความเห็นทางคดีเสนออัยการสั่งไม่ฟ้องทุกคดี
3.พนักงานอัยการผู้รับผิดชอบสั่งคดีทุกคดี
กรณีได้ดำเนินการสอบสวนและสั่งคดีโดยมิชอบด้วยกฎหมายพระธรรมเจดีย์ เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร ตามที่กรมศิลปากรได้แจ้งความกล่าวโทษให้ดำเนินคดีอาญาข้อหาทำลายโบราณสถานวัดกัลยาณมิตร รวม 18 คดี
โดยข้าราชการตำรวจตามข้อ 1-2 ได้สอบสวนสรุปความเห็นว่า การกระทำของพระธรรมเจดีย์ ในการทำลายโบราณสถาน 18 คดีดังกล่าวไม่ได้เป็นการเจตนาทำลายโบราณสถานของชาติ แต่เป็นการกระทำเพื่อพัฒนาวัดมุ่งทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ส่วนพนักงานอัยการตามข้อ 3 ได้สั่งไม่ฟ้องโดยอ้างเหตุผลว่ามิใช่เป็นการทำลายโบราณสถานแต่เป็นการบำรุงให้อยู่ในสภาพดี
ซึ่งการสอบสวนและสั่งคดีของข้าราชการตำรวจและอัยการผู้รับผิดชอบตาม 1-4 ทุกคนขัดต่อกฎหมายว่าด้วยโบราณสถานของชาติ และข้อเท็จจริงของการกระทำที่ปรากฏในสำนวนการสอบสวน เป็นการปฏิบัติหน้าที่มิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ช่วยผู้กระทำผิดไม่ให้ต้องรับโทษทางอาญาอย่างชัดเจน
หลังจากที่ข้าฯกับเครือข่ายประชาชนได้มีหนังสือกล่าวโทษดังกล่าวต่อท่านไปรวมเป็นเวลา 2 ปี 3 เดือน และมีหนังสือขอทราบความคืบหน้าครั้งแรกไปเมื่อวันที่ 15 พ.ย.59 แต่จนกระทั่งบัดนี้ ก็ยังไม่เคยได้รับแจ้งให้ทราบถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีดังกล่าวแต่อย่างใด
จึงขอให้เร่งดำเนินคดีแจ้งผลให้ข้าฯกับพวกทราบโดยเร็ว รวมทั้งตรวจสอบว่าการดำเนินการที่เป็นไปอย่างล่าช้าดังกล่าว เกิดจากการกระทำมิชอบของเจ้าพนักงานผู้ใดในการประวิงเวลาการดำเนินคดีเพื่อช่วยผ฿กระทำผิดหรือไม่ประการใด เพื่อจะได้แจ้งให้สื่อมวลชนรวมทั้งเครือข่ายประชาชนปกป้องโบราณสถานของชาติและพี่น้องประชาชนทราบต่อไป
ขอแสดงความนับถือ ดร.วิเชียร กัลยาณมิตร ประธานเครือข่ายประชาชนปกป้องโบราณสถานวัดกัลยาณมิตร
นายชัยสิทธิ์ กิตติวณิชพันธุ์ ประธานชุมชนวัดกัลยาณ์
ครับ...เนื้อหาในหนังสือฉบับนี้ชัดเจนดี ตกลงว่าท่านจะเอายังไง จะชี้ผิดชี้ถูกภายในเวลาไม่ช้าไม่นานนี้หรือ “หมักดอง”ต่อไปเรื่อยๆ....มีข้อสังเกตบางประการที่อยากฝากไว้ก็คือ ปัญหาของ ป.ป.ช.ที่เกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัยก็คือ การทำงานเอื่อยเฉื่อย ล่าช้าทั้งที่มีนิยามยอมรับกันทั้งโลกว่า “ยุติธรรมที่ล่าช้า คือความอยุติธรรม” แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่รู้สึกสะดุ้งสะเทือนกัน
ยิ่งในยุคที่ประชาชนหูตาสว่าง มีการแชร์ข้อมูลให้กันทั้งเชิงลึกและกว้างอย่างทั่วถึงแต่ดูเหมือนว่า ปปช.ยังคงอนุรักษ์นิยมความทื่อเป็นเรือเกลือ อีกทั้งมีแนวเลือกข้างกล่าวคือถ้าไม่ใช่พวกเดินเรื่องเร็วอะไรประมาณนั้น
คราวนี้ลองมาดูความเป็นมาของ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน เจ้าของวลี “นวยทนได้” กันบ้าง...
นายตำรวจดังกล่าวมีพื้นเพเป็นคนจังหวัดสงขลา เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 31 ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับสายอำนาจใน คสช.เวลานี้ ตลอดการทำงานในช่วงบ้านเมืองเกิดวิกฤต “นวยทนได้” รักษารูปทรงยืนอยู่ข้างสายอำนาจตลอด เคยเป็นโฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน อันมี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ขณะนั้นเป็น ผอ. ก่อนรัฐบาล “ปู ยิ่งลักษณ์” หมดอำนาจพล.ต.ท.อำนวย ถูกย้ายไปประจำกองบัญชาการศึกษาแต่หลัง คสช.ยึดอำนาจ เมื่อ 22 พ.ค. 57 กลับมาผงาดอีกครั้ง ได้รับการปูนบำเหน็จให้เป็นผู้บัญชาการตำรวจภาค 1 และสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศไทย กระทั่งเกษียณฯ มีตำแหน่งใหญ่ “ส้มหล่น” ใส่เท้าจนบวม คือ รองผู้ว่ากรุงเทพมหานคร
หรือเป็นเพราะเส้นทางสายอำนาจอย่างนี้การดำเนินคดีจึงเกิดความล่าช้า...ด้วยความเกรงอกเกรงใจ หรือขัดข้องประการใดหาก ป.ปงช. สามารถตอบได้ก็จัดเป็นพระคุณอย่างสูง!!??
จากเส้นทางชีวิตฉบับย่อของนายตำรวจผู้นี้ คงต้องแวะไปถึงข่าวฮือฮาเมื่อครั้ง พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. เรียกประชุมคณะผู้บริหารทั้งประเทศเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาซึ่งในตอนหนึ่ง “บิ๊กกุ้ย”กล่าวถึงกรณีมี ป.ป.ช.จังหวัดปทุมธานี ลาออก 2-3 คน เพราะถูกกดดันจากผู้ใหญ่ในองค์กรว่า...อยู่ไม่ได้ก็เชิญ ไม่มีใจก็ไม่ต้องอยู่ต่อ....ประโยคนี้ถูกขยายความโดยเจ้าตัวอีกว่า คนที่เข้ามาทำงานใน ป.ป.ช.จบกฎหมายมาทั้งสิ้น และเป้าหมาขของชีวิต คือการได้เป็นตุลาการ หรืออัยการ จึงให้ความสำคัญกับงาน ป.ป.ช.เป็นอันดับหลัง และขอยืนยันว่า ไม่เกี่ยวกับมีผู้ใหญ่ใน ป.ป.ช.ท่านใดไปกดดัน
ว่ากันแบบนี้แต่มีข้อมูลมาอีกด้านว่า ป.ป.ช.จังหวัดปทุมธานี ที่ลาออกไปนั้น อาจจะมาจากคดีนายตำรวจระดับรอง ผบก.ท่านหนึ่ง ซึ่งร้องเรียนนายตำรวจ และอัยการหลายคน ลักษณะแทบไม่ต่างอะไรกับกรณีของ “นวยทนได้” เพียงแต่เป็นเรื่องประสงค์ร้ายต่อชีวิต โดยก่อนหน้านั้นมีการยืนยันว่า ป.ป.ช.ระดับจังหวัดเห็นว่า การแบกรับปัญหาที่อาจตามมาในภายหลังไม่คุ้มค่าจ้าง (เงินเดือนไม่เกิน 3 หมื่น) ค่าเสี่ยงและหลายคนมีความตั้งใจทำงาน เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีอุดมการณ์
ดังนั้นการลาออกจากตำแหน่ง จึงไม่ควรด่วนสรุปว่าไม่มีใจ ไม่รักองค์กรหรือมีเป้าหมายในชีวิตที่ดีกว่า แต่ทว่ามันมาจากปัญหาในองค์กร ปัญหาของการถ่วงคดี “หมักดอง” หรือ 2 มาตรฐานจนพวกเขาเหล่านั้นทนไม่ได้ จริงหรือไม่
และถ้าว่ากันอย่างตรงไปตรงมาแล้ว พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ คือใครมาจากไหน เป็นม้าคอกใด สังคมไทยเขารู้กันทั้งประเทศ ดังนั้นในแต่ละย่างก้าว หากมีอะไรกระตุกแม้แต่เพียงนิดเดียว เกรงว่าท่านประธานฯต้องทำใจไว้ล่วงหน้า...ทุกคนทุกฝ่าย มีสิทธิ์คิด -มีสิทธิสงสัย
คำตอบอยู่ที่การปฏิบัติ หากขัดหูขัดตา หรือมีพิรุธเมื่อไหร่ ท่านต้องยอมรับสภาพ ของแบบนี้ว่ากันแฟร์ๆ ว่ากันด้วยเหตุด้วยผล ไม่ต้องมีอารมณ์รักอารมณ์เกลียดมาเกี่ยวข้อง