ในการประชุม G20 ที่ฮัมเบิร์ก เมื่อวันที่ 7-8 กรกฎาคมนี้ ได้มีการนัดพบ อย่างเป็นทางการนอกรอบ ระหว่างปูตินและทรัมป์ ซึ่งเป็นที่จับตาของทั้งโลก โดยเฉพาะคือเหล่าบรรดาผู้สนับสนุนทรัมป์ และผู้รังเกียจเขาที่สหรัฐฯ ก็เพราะทรัมป์อยู่ในสภาวะที่ถูกเพ่งเล็งกล่าวหาว่า ชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ก็เพราะได้รับการช่วยเหลือจากปูติน โดยวิธีแทรกแซงการเลือกตั้ง ด้วยการเจาะระบบข้อมูลลับของพรรคเดโมแครต แล้วนำมาแฉผ่านวิกิลีกส์จนทำให้ฮิลลารีต้องเสียความน่าเชื่อถือและแพ้ไปในที่สุด
การพบกันครั้งนั้น มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งคู่รวมอยู่ด้วย และมีล่าม 2 คนอยู่ด้วย กำหนดการว่าจะหารือกัน 30 นาที ก็ขยายเป็น 2 ชั่วโมง 15 นาที ก็เพราะต้องมีการแปลภาษาไปมานั่นเอง
ประเด็นเรื่องการเจาะข้อมูลก็เป็นเรื่องที่ปูตินออกมาแถลงเดี่ยวหลังการพบว่าทรัมป์ ได้ถามเขาตรงๆ ว่าปูตินเป็นคนสั่งเจาะข้อมูลของฝ่ายตรงข้ามทรัมป์หรือไม่ ซึ่งปูตินก็บอกว่าเขาได้ปฏิเสธเหมือนกับหลายๆ ครั้งที่เขาถูกคนอื่นถาม (ในการให้สัมภาษณ์ของเขาในรายการอื่นๆ)
ก่อนหน้านั้น ทั้งทรัมป์และปูติน เคยตอบคำถามนักข่าวในหลายๆ แห่งบอกว่าทำไมต้องไปปักใจว่าคนที่เจาะข้อมูลจะเป็นฝ่ายรัสเซียเท่านั้น ใครๆ ก็เจาะได้ ไม่ว่าอาจเป็นจากจีน หรือเกาหลีเหนือ โดยเฉพาะปูตินถึงกับยิ้มเยาะตอนตอบคำถามที่มีชั้นเชิงเหลี่ยมคมช่ำชองมาก ได้ตอบว่ามันออกจะให้เกียรติรัสเซียมากเกินไป เพราะเทคโนโลยีระบบไอทีของสหรัฐฯ นั้นก้าวหน้ามาก อาจก้าวหน้ากว่าของรัสเซียด้วยซ้ำ ความสามารถของรัสเซียคงไม่เก่งขนาดเทียบกับระบบการป้องกันความลับของสหรัฐฯ
ก็แปลกที่ทรัมป์ไม่ได้แถลงอะไรหลังการพบกับปูตินระหว่างการประชุม G20คงกลัวจะเสียท่านักข่าวอเมริกันที่อาจซักถาม และอาจเกิดอารมณ์เสียก็เป็นได้
อาทิตย์ที่ผ่านมา มีการเปิดเผยจาก NYT ถึงการแอบพบกันเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ระหว่าง 3 ผู้ยิ่งใหญ่ใกล้ตัว Candidate Trump กับทีมของรัสเซีย เพื่อมอบ “Dirt” หรือความลับสกปรกของฮิลลารีให้กับทีมของทรัมป์ ซึ่งขณะนี้แต่ละวันก็จะมีการสืบเสาะและเปิดโปงว่า การนัดพบลับครั้งนี้มีฝ่ายรัสเซียถึง 5 คนร่วมอยู่ด้วย
สื่ออเมริกันทำงานหนัก จนวันนี้บุคคลทั้ง 5 ก็ถูกเปิดหน้าออกมาหมด คือนอกจากทนายความหญิงรัสเซีย ที่ใกล้ชิดกับทีมงานปูติน, ล่าม 1 คน, ยังมีคนรัสเซียสัญชาติอเมริกันอีก 2 คน คนหนึ่งเคยเป็นหน่วยข่าวกรองสายลับชาวรัสเซีย ที่มีประวัติเคยเจาะระบบจนมีคดีความเป็นจำเลยคดีแอบทะลุทะลวงเจาะระบบ
คนสุดท้ายที่เปิดออกมา ที่สื่ออเมริกันเรียกว่าเป็นบุคคลที่ 8 ที่ถูกปิดหน้าอยู่นาน นายคนนี้เป็นชาวรัสเซียที่เพิ่งโอนสัญชาติเป็นอเมริกัน และได้ปรากฏภาพที่ประกบกับทรัมป์มาตั้งแต่ปี 2013 ในงานประกวดนางสาวอเมริกัน ก่อนที่ทรัมป์จะไปจัดประกวดนางสาวจักรวาลที่มอสโก
ดอน จูเนียร์ ยอมจำนนกับหลักฐาน ทั้งๆ ที่ตัวเองเคยปฏิเสธก่อน NYT เปิดโปงว่าไม่เคยมีการพบกัน สำหรับคนใกล้ชิดทรัมป์ในวันนี้เป็นใหญ่เป็นโตระดับรัฐมนตรียุติธรรม, ที่ปรึกษาอาวุโส (ลูกเขยของทรัมป์) จะเป็นโรคอัลไซเมอร์กันทั้งหมด ซึ่งจำอะไรไม่ได้แล้วมาทำงานสำคัญให้ประเทศชาติได้อย่างไร รวมทั้งทรัมป์ด้วย
ทรัมป์ออกมาอธิบายผ่านทวิตเตอร์ส่งถึงฐานเสียงกว่า 30 ล้านของเขาว่า ลูกดอนน้อยของเขาจัดการพบกันเป็นเรื่องธรรมดามาก ก็เมื่ออยู่ในช่วงหาเสียง ถ้าใครจะมีข้อมูลเสียๆ หายๆ ของฝ่ายคู่แข่ง ทีมงานของเราก็ต้องไปพบ
แต่ผู้ใหญ่พรรครีพับลิกันมองว่ารัสเซียยังเป็นปรปักษ์สำคัญของสหรัฐฯ ถ้าฝ่ายรัสเซียขอนัดส่งข้อมูลเหล่านี้ ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่จะไปพบ โดยไม่บอกให้เอฟบีไอรู้เรื่องก่อน
จนล่าสุด ก็มีการเปิดโปงจากสื่อว่า ในช่วงประชุม G20 นั้น ทรัมป์แอบพบกับปูตินหลังการรับประทานอาหารค่ำในคืนวันที่ 7 กรกฎาคมด้วย เป็นการพบกันแค่ปูตินและทรัมป์ แต่มีล่ามชาวรัสเซียเป็นคนที่ 3 พบกันราว 1 ชั่วโมง และไม่มีการรายงานในสื่อใดๆ เพราะสื่อก็ไม่รู้เรื่องเลย แม้แต่เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ก็ไม่รู้เรื่อง
อันนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่โตขณะนี้ เพราะการที่ทรัมป์ไปพบปูตินแบบเดี่ยวๆ ทำให้เป็นห่วงกันมากว่า เขาจะไม่มีพยานทางฝ่ายสหรัฐฯ เลย เขาไปสัญญาตกลงอะไรกับปูติน อย่างน้อยถ้ามีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือล่ามฝ่ายอเมริกันก็ยังดี เพื่อไม่ให้มีการบิดเบือนถึงเนื้อหาของการสนทนา ซึ่งอาจทำให้อเมริกาเสียเปรียบก็เป็นได้
สำหรับในภาพใหญ่นั้น ย่อมเป็นที่คาดเดาได้ว่า ปูตินต้องการให้ทรัมป์ยกเลิกการคว่ำบาตรที่โอบามาและ G7 ได้ทำไว้กับรัสเซีย จากกรณีรัสเซียผนวกไครเมียเมื่อปี 2014–2015
ทรัมป์ออกมาแก้ต่างทันควันทันทีว่า เป็นเรื่องธรรมดามากที่ผู้นำจะพบกัน ช่วงหลังการรับประทานอาหารค่ำ ไม่ใช่เรื่องแปลก เขาตอกกลับว่าสื่อเลวร้ายมาก
เขามีเครื่องมือสำคัญในการตอบโต้ทันควัน คือทวิตเตอร์ที่สามารถส่งตรงกับฐานเสียงที่ตั้งความหวังอยากได้คนนอกวงการเมืองมาเปลี่ยนอเมริกันให้ดีขึ้น ตรงนี้คือสิ่งที่ทรัมป์สามารถงัดเล่ห์เหลี่ยมออกมาหลอกล่อแบบปกปิดผลประโยชน์ของเขาได้ชะงัดนัก.
