เอเอฟพี/เอเจนซีส์ – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังได้รับความสนับสนุนจากประชาชนลดต่ำลงไปอีก ทั้งนี้ตามผลการสำรวจความคิดเห็นล่าสุดที่นำออกเผยแพร่ในวันอาทิตย์ (16 ก.ค.) ในขณะที่เขาต้องประสบกับความล้มเหลวหลายครั้งหลายหนในการเดินหน้าผลักดันวาระต่างๆ ที่ได้ให้สัญญาไว้ และถูกรุมเร้าด้วยเรื่องอื้อฉาวรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯด้วยจุดมุ่งหมายที่จะให้เขาเป็นผู้ชนะ
หลังเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีมาเกือบๆ 6 เดือน ทรัมป์ก็กำลังเผชิญกับอัตราการยอมรับจากประชาชนที่ลดต่ำลงไปเรื่อยๆ จากที่เคยได้ในระดับ 42% เมื่อเดือนเมษายน เวลานี้เหลือเพียงแค่ 36% เท่านั้น ทั้งนี้ตามผลโพลของวอชิงตันโพสต์/เอบีซีนิวส์ ซึ่งจัดทำขึ้นจากความคิดเห็นของตัวอย่างผู้ใหญ่ชาวอเมริกันจำนวน 1,001 คน
เช่นเดียวกัน ผลโพลนี้ชี้ว่าอัตราส่วนของผู้ที่ไม่ยอมรับผลงานของเขาในช่วงระยะเวลาเดียวกันก็กระโจนพรวดจากระดับ 5% มาอยู่ที่ 58% แล้วในขณะนี้
มีผู้ตอบคำถามจำนวน 48% ทีเดียวที่กล่าวว่า พวกเขา “ไม่ยอมรับอย่างแรง” ในผลงานขณะนั่งตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ ซึ่งเป็นระดับต่ำเตี้ยอย่างชนิดที่อดีตประธานาธิบดีบิลล์ คลินตัน และบารัค โอบามา ที่สังกัดพรรคเดโมแครตทั้งคู่ ไม่เคยได้รับมาก่อนเลย และมีเพียง จอร์จ ดับเบิลยู บุช ที่เคยย่ำแย่ขนาดนี้ แต่ก็เพียงครั้งเดียวเท่านั้นในระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งสมัยที่สอง
ผู้ตอบคำถามจำนวน 48% เช่นกัน ยังมองว่าความเป็นผู้นำระดับโลกของสหรัฐฯกำลังอ่อนแอลงนับตั้งแต่ที่ทรัมป์ขึ้นครองทำเนียบขาว โดยที่มี 27% กล่าวว่าพวกเขาเห็นว่าเข้มแข็งขึ้น
มีถึงราว 2 ใน 3 (66%) ที่บอกว่า พวกเขาไม่ไว้วางใจทรัมป์ หรือไม่ไว้วางใจทรัมป์อยู่ระดับหนึ่ง ในการไปเจรจากับพวกผู้นำต่างประเทศ โดยเฉพาะเมื่อระบุเจาะจงว่าผู้นำต่างชาติดังกล่าวคือประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย (จำนวน 66% เช่นกัน) ในจำนวนนี้ มี 48% กล่าวว่าพวกเขา “ไม่ไว้วางใจเลย” ในตัวทรัมป์ ในการไปเจรจากับปูติน
สำหรับความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯปีที่แล้ว และเรื่องทีมรณรงค์หาเสียงของทรัมป์สมรู้ร่วมคิดกับมอสโกหรือไม่ อันเป็นหัวข้อที่หลายหน่วยงานทั้งของรัฐสภาและของรัฐบาลกำลังสืบสวนสอบสวนกันอยู่นั้น ปรากฏว่าผู้ตอบคำถามมีความคิดเห็นแตกแยกกันอย่างรุนแรงไปตามพรรคการเมืองที่พวกเขาชื่นชอบ
กล่าวคือมีชาวพรรครีพับลิกันเพียง 33% ที่ตอบคำถามการสำรวจคราวนี้ บอกว่ารัสเซียพยายามส่งอิทธิพลชักจูงการเลือกตั้งจริง เปรียบเทียบกับชาวพรรคเดโมแครตที่เชื่อเรื่องนี้ถึง 80% ทั้งนี้เมื่อมองโดยภาพรวมแล้ว ชาวอเมริกันที่เป็นผู้ใหญ่จำนวน 60% เชื่อว่ารัสเซียพยายามที่จะแทรกแซงการเลือกตั้งของสหรัฐฯ สูงขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 56% ในการสำรวจเมื่อเดือนเมษายน
ชาวรีพับลิกันเพียงแค่ 7% เท่านั้นที่กล่าวว่าทีมรณรงค์หาเสียงของทรัมป์ตั้งใจที่จะช่วยเหลือความพยายามเข้าแทรกแซงการเลือกตั้งของรัสเซีย เปรียบเทียบกับชาวเดโมแครตที่มีจำนวนถึง 65%
ช่วงเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมา มีการเปิดเผยว่า เมื่อเดือนมิถุนายน 2016 โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ บุตรชายคนหัวปีของประธานาธิบดี พร้อมเจ้าหน้าที่อาวุโสของทีมรณรงค์หาเสียงของทรัมป์อีก 2 คน ได้พบปะกับนักกฎหมายชาวรัสเซียคนหนึ่ง ด้วยความหวังว่าจะได้รับข้อมูลข่าวสารอันสร้างความเสียหายให้แก่ฮิลลารี คลินตัน คู่แข่งขันจากพรรคเดโมแครตของทรัมป์
ปรากฏว่าผู้ตอบคำถามจำนวน 63% กล่าวว่าการไปพบปะคราวนี้เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องไม่เหมาะสม มีเพียง 26% ตอบว่าถูกต้องเหมาะสมแล้ว อย่างไรก็ดี เกือบครึ่งหนึ่ง (48%) ของชาวรีพับลิกันที่ตอบคำถามคราวนี้ทีเดียวบอกว่า เป็นเรื่องถูกต้องเหมาะสม
ขณะเดียวกัน 52% ของผู้ตอบคำถามบอกว่าทรัมป์พยายามที่จะแทรกแซงการสอบสวนเรื่องรัสเซียเข้ามาวุ่นวายกับการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ตัวเลขนี้ต่ำลงมาจากเมื่อเดือนมิถุนายนซึ่งอยู่ในระดับ 56%
การสำรวจคราวนี้กระทำกันระหว่างวันที่ 10-13 มิถุนายน โดยมีอัตราความผิดพลาด บวกหรือลบ 3.5%