พุ่งเป้าปมสังหารโหด 8 ศพ ขัดแย้งโรงโม่หินในพื้นที่ พร้อมนำตัว “เพื่อนสนิทผญบ.” ที่เป็นหุ้นส่วนโรงโม่สอบเพิ่ม ก่อนยืนยันไม่เคยคิดฆ่าเพื่อน “ชุดสืบสวน” พบเบาะแสกลุ่มคนร้ายเป็น “ซุ้มมือปืนอดีตนักการเมืองใหญ่ชุมพร” เผยทีมฆ่าวางแผนจัดฉากใช้ปืน .38 ของผู้ตายจ่อยิงทีละคน หวังให้เข้าใจผิดว่ายิงลูกเมียตัวเอง “บิ๊กแป๊ะ” บินด่วนกระบี่คำรบ 2 ตามคดี เจอแล้วสัญญาณมือถือผู้ตายรอยต่อ จ.สุราษฎร์ฯ ปูพรมปิดล้อมล่าแก๊งฆ่า
วานนี้ ( 13 ก.ค. ) ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธร (ผบก.ภ.) จังหวัดกระบี่ พล.ต.ต.วรวิทย์ ปานปรุง ผบก.ภ.จว.กระบี่ เป็นประธานในการประชุม เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนติดตามความคืบหน้า คดีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 6-7 คน อาวุธปืนครบมือ แต่งชุดลายพราง เข้าไปที่บ้านพักของนายวรยุทธ สังหลัง อายุ 46 ปี ผู้ใหญ่บ้าน บ้านเขางาม หมู่ที่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ และลงมือสังหารโหดคนในบ้านและญาติๆ ของภรรยา นายวรยุทธ และครอบครัว รวม 8 คน บาดเจ็บ 3 คน เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 14/3 ม.1 ต.บ้านกลาง โดยในการประชุม มีการสรุปความคืบหน้าของคดี ในประเด็นต่างๆเพื่อสรุปมูลเหตุการณ์สังหารโหดในครั้งนี้ เนื่องจากมีหลายประเด็นที่น่าสงสัย ทั้งประเด็น เรื่องที่ดินสาธารณะ ที่ผู้ตายฟ้องขับไล่ชาวบ้าน 8 รายออกจากพื้นที่ ประเด็นบริษัทเอกชนอนุญาตเปิดโรงโม่หิน ที่ขออนุญาตเมื่อ 5 ปีก่อน แต่ถูกชาวบ้านคัดค้านไม่สามารถเปิดโรงโม่ได้ และประเด็นธุรกิจกิจผิดกฎหมาย รวมทั้งประเด็นเรื่องชู้สาวที่มีกระแสข่าวว่า มีเศรษฐินี ชาวจังหวัดสิงห์บุรี มาติดพัน แต่จากการตรวจสอบไม่พบว่า หญิงคนดังกล่าวมีฐานะร่ำรวยแต่อย่างใด และยังพบ ว่า นายวรยุทธ ได้อยู่กินกับหญิงคนดังกล่าวมา ประมาณ 3 ปี และได้ซื้อบ้านพัก 1 หลัง อยู่ในตัวเมือง และรถยนต์อีก 1 คัน ซึ่งทางครอบครัวภรรยาหลวงก็รับทราบเรื่องนี้ดี
จากการสืบสวนในเชิงลึก เจ้าหน้าที่ได้ให้น้ำหนักไปที่เรื่องของกรณีที่มีบริษัทเอกชนมาขออนุญาตเปิดโรงโม่หิน ซึ่งมีการอนุญาตประทานบัตร เปิดเหมืองหินไปตั้งแต่ปี 55 โดยมีนายวรยุทธ เป็นผู้ที่ทำหน้าที่ประสานงาน แต่ในขั้นตอนของการขออนุญาตเปิดโรงโม่หินนั้น ยังไม่สามารถเปิดได้ เนื่องจากถูกชาวบ้านคัดค้านมาอย่างต่อเนื่อง ต่อมามีการเปลี่ยนชื่อบริษัทที่ขออนุญาตเปิดเหมือง โดยมีเพื่อนสนิทของนายวรยุทธ มาเป็นหุ้นส่วน และมอบหมายให้นายวรยุทธ ทำหน้าที่คอยประสานงาน เจรจากับหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งกลุ่มที่คัดค้าน แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ และยังไม่สามารถเปิดโรงโม่ได้ ทั้งๆที่ทางบริษัทได้มีการลงทุนไปแล้วไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งประเด็นนี้อาจเป็นชนวนเหตุของความขัดแย้งในครั้งนี้
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวนายเชษฐ์ดนัย ถิ่นพังงา ผู้บริหาร ของบริษัทโรงโม่อ่าวลึกศิลาทอง ที่เป็นผู้ที่ขอสัมปทานทำเหมืองหินในพื้นที่ ม. 2 ต.บ้านกลาง และเป็นหนึ่งคนที่ตำรวจพุ่งเป้า ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของนายวรยุทธ มาสอบปากคำ ซึ่งก่อนหน้านี้ นายเชษฐ์ดนัย ได้เดินทางเข้าขอพบนายตำรวจระดับสูงเพื่อต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจ ว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้จากการสอบถามนายเชษฐ์ดนัย เปิดเผยว่า เป็นเพื่อนสนิทกับผู้ตายตั้งแต่สมัยเด็ก และเรียนหนังสือมาด้วยกัน ไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งกันแต่อย่างใด ทั้งยังสนิทสนมกับเพื่อนสาวคนสนิทนายวรยุทธด้วย อย่างไรก็ตาม กรณีเงินที่มีการรับมาจากหุ้นส่วนอีกคนนั้น ทางนายเชษฐ์ดนัย ไม่ได้เปิดเผยแต่อย่างใด แต่ยืนยันว่าตนไม่ทำร้ายเพื่อนเด็ดขาด เพราะช่วยเหลือผู้ใหญ่บ้านมาโดยตลอด ลงทุน ลงเงินให้เลี้ยงกุ้ง ทำธุรกิจขาดทุน ก็ไม่เคยมีปัญหากัน
มีรายงานจากชุดสืบสวนว่า ก่อนหน้านี้ทีมสังหารได้ร่วมกันวางแผนให้ชุดสืบสวนไขว้เขวว่าคดีนี้เป็นฝีมือของนายวรยุทธ ที่ยิงเมียและลูกก่อนฆ่าตัวตายตาม โดยคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนขนาด .38 มม.ของนายวรยุทธจ่อยิงศีรษะสมาชิกในบ้านทีละคนเพื่อจัดฉากว่าเป็นฝีมือของนายวรยุทธ ให้เจ้าหน้าที่หลงประเด็นการสังหาร แต่แผนนี้ไม่สำเร็จเนื่องจากวันเกิดเหตุได้มีสมาชิกครอบครัวพริกดำอยู่ในบ้านที่เกิดเหตุด้วย
ล่าสุดทางชุดสืบสวนได้ข้อมูลมาว่ากลุ่มมือสังหารดังกล่าวน่าจะมาจากซุ้มมือปืนอดีตนักการเมืองคนหนึ่งใน จ.ชุมพร ขณะนี้ชุดสืบสวนกำลังเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของมือปืนกลุ่มดังกล่าวอยู่
ที่กระทรวงยุติธรรม นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กเปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ให้ยุติธรรม จังหวัดกระบี่ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ และประเมินการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้เสียชีวิตทั้งหมดแล้ว รวมทั้งได้มอบหมายให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพลงพื้นที่ไปแจ้งสิทธิ์ และรับคำขอเรื่องของการตกเป็นเหยื่อ ของผู้ที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดต่อญาติและผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเตรียมช่วยเหลือเหยื่อทั้ง 7 ศพยกเว้นนายวรยุทธ อย่างน้อยคนละ 1 แสนบาท ซึ่งเป็นค่าเสียหายจากผู้ที่ได้รับความเสียหายจากคดีอาญา เนื่องจากมั่นใจว่าผู้เสียชีวิตทั้งหมดยกเว้นนายวรยุทธไม่น่าจะเกี่ยวกับเรื่องนี้
มีรายงานข่าวด้วยว่า ในช่วงเย็น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และคณะทีมสอบสวน เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ ไปยัง จ.กระบี่อีกครั้ง เป็นรอบที่ 2 เพื่อประชุมติดตามคดี
ทั้งนี้ยังมี รายงานข่าวจากชุดคลี่คลายคดีว่า สามารถจับสัญญาณโทรศัพท์มือถือของนายวรยุทธได้ หลังจากกลุ่มคนร้ายหยิบติดมือไปด้วยตอนก่อเหตุก่อนจะหลบหนี โดยพบว่าสัญญาณยังนิ่งอยู่ตรงบริเวณเขตรอยต่อ จ.สุราษฎร์ธานี กับ จ.กระบี่พอดี จึงโทรฯรายงานผู้บังคับบัญชา กระทั่งได้รับคำสั่งด่วนให้บุกปูพรมไปยังพิกัดดังกล่าวทันที พร้อมสั่งการให้ตำรวจท้องที่ในรอยต่อตั้งด่านสกัดกั้นเอาไว้ก่อนด้วย อย่างไรก็ตามยังไม่แน่ชัดว่าการปูพรมไปยังจุดที่พบสัญญาณมือถือครั้งนี้ จะทำให้ได้ตัวกลุ่มคนร้ายหรือไม่ เนื่องจากกลุ่มคนร้ายอาจจะรู้ตัว และโยนทิ้งมือถือไปในบริเวณนั้นก็ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ยังสามารถนำมาตรวจสอบหาหลักฐานเพิ่มและขยับตามกลุ่มคนร้ายไปได้อีกก้าวหนึ่ง.