MGR Online - “เฉลิมเกียรติ” ประชุมตำรวจชุดคลีคล้ายคดียิงผู้ใหญ่บ้านอ่าวลึกและครอบครัว 8 ศพ ไล่ตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์ผู้ตาย ก่อนเกิดเหตุติดต่อกับผู้ใด หาดีเอ็นเอที่ติดบนกระป๋องน้ำอัดลมในที่เกิดเหตุเชื่อเป็นของคนร้าย สั่งกองปราบฯ ตรวจสอบเส้นทางการเงินบริษัทโรงโม่หินปมรับเงินเคลียร์ชาวบ้านหยุดต้านสัมปทาน
วันนี้ (13 ก.ค.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธร จังหวัดกระบี่ เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.สุเทพ เดชรักษา รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธเนตร์ พิณเมืองงาม ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาการ ผบช.ภ.8 ประชุมเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีฆ่า 8 ศพใน จ.กระบี่ โดยมี พล.ต.ท. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบช.ส. พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ศชต. พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผบก.พฐก. พ.ต.อ.พิษณุ พ่วงพร้อม ผกก.สส.จ.กระบี่ พ.ต.อ.กฤษณัฐ วงษ์กล้าหาญ ผกก.สภ.อ่าวลึก พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5.บก.ป.เข้าร่วมด้วย
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติกล่าวก่อนเข้าประชุมว่า วันนี้เรียกประชุมเพื่อแบ่งการทำงานโดยให้ พล.ต.อ.สุเทพ ดูแลรับผิดชอบงานสืบสวน ส่วน พล.ต.ท.ธเนตร์ ให้ดูเรื่องสอบสวน และชุดอื่นๆ ก็ให้ดูงานแยกย่อยๆ ไป ตอนนี้ยังดำเนินการสืบสวนสอบสวนทุกประเด็น ยังไม่ได้ตัดประเด็นหนึ่งประเด็นใดทิ้ง ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปเรื่อยๆ ทั้งข้อมูลและพยานหลักฐานต่างๆ ส่วนเส้นทางการเงินและข้อมูลโทรศัพท์ของผู้ตายนั้นยังไม่สามารถบอกได้เพราะอยู่ในสำนวนเกรงจะเสียรูปคดี
มีรายงานว่าชุดสืบสวนกำลังรอผลการตรวจสอบอาวุธปืน ปลอกกระสุนปืน และหัวกระสุนที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุซึ่งประกอบด้วย อาวุธปืนขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก ปลอกกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 9 ปลอก หัวกระสุนปืนไม่ทราบขนาดจำนวน 2 หัว รวมทั้งกระป๋องน้ำอัดลม 1 กระป๋อง ที่เชื่อว่าเป็นของคนร้ายที่ดื่มทิ้งไว้
ทั้งนี้ ผลการตรวจทางวิทยาศาสตร์จะเป็นส่วนหนึ่งในเบาะแสที่จะเชื่อมโยงสู่คนร้ายได้ ขณะเดียวกัน ชุดสืบสวนกองปราบปรามและสืบสวนจังหวัดกระบี่ได้กระจายกำลังกันออกติดตามรถยนต์โตโยต้า ยาริส สีขาว ของผู้เสียชีวิตที่คนร้ายขโมยไปหลังก่อเหตุด้วย
ด้าน พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) ยังสั่งการให้ พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป ทำหนังสือถึงธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อขอตรวจสอบนิติกรรมและการใช้เงินรวมทั้งทรัพย์สินอื่นๆ ประกอบด้วย สัญญาเงินกู้ เอกสารการจดจำนอง รายการเดินบัญชีตั้งแต่เปิดบัญชีเงินกู้จนถึงปัจจุบันของผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีจำนวน 2 คน คือ นายเชษฐ์ดนัย ถิ่นพังงา และนายนรินทร์ เก่งธนทรัพย์ เนื่องจากทั้งคู่มีส่วนเข้ามาเกี่ยวข้องกับแนวทางการสืบสวน เพื่อให้การสืบสวนคดีมีความคืบหน้ามากขึ้น
พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง กล่าวว่าหลังจากเมื่อวานได้นำเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าไปในบ้านที่เกิดเหตุ เพื่อเก็บหลักฐานเพิ่มเติมทั้งปลอกกระสุนปืนที่จำนวนไม่เท่ากันกับหัวกระสุนที่ยิงเหยื่อ และเก็บรอยนิ้วมือภายในบ้านซึ่งต้องใช้เวลาสักระยะเพื่อมาแยกแยะได้ว่าไหนรอยนิ้วมือของคนร้ายไหนรอยนิ้วมือของเหยื่อ ส่วนคราบเขม่าดินปืนและดีเอ็นเอต่างๆ ทั้งเส้นผมต้องรอผลตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนกล้องวงจรปิดนั้นเป็นเรื่องยากที่จะกู้ข้อมูลมาได้เนื่องจากคนร้ายได้ถอดซอฟเวอร์ไปด้วย ทั้งนี้เท่าที่ดูลักษณะบ้านที่เกิดเหตุพบว่าอยู่เข้าไปในสวนยางห่างไกลจากบ้านหลังอื่น อีกทั้งได้มีการติดกระจกทึบทำให้เก็บเสียงได้อย่างดี
สำหรับนายเชษฐ์ดนัย และนายนรินทร์นั้น เป็นกรรมการบริหาร บริษัท กระบี่ ภูทรัพย์อนันต์ จำกัด หรือโรงโม่หินที่มีความขัดแย้งกับนายวรยุทธ สังหลัง ผู้ใหญ่บ้านหนึ่งในผู้เสียชีวิต โดยโรงโม่แห่งนี้เคยให้นายวรยุทธเป็นผู้ติดต่อประสานงานกับชาวบ้านเพื่อเปิดทางให้มีการดำเนินกิจการโรงโม่ในพื้นที่โดยไม่มีการต่อต้านจากชาวบ้าน แต่ผู้ตายไม่สามารถดำเนินการได้ แม้ว่าจะมีการจ่ายเงินค่าดำเนินการไปแล้วซึ่งประเด็นนี้เป็นชนวนสำคัญที่อาจจะเป็นปมหนึ่งที่นำมาสู่การฆ่ายกครัวครั้งนี้
นอกจากนี้ อีกประเด็นหนึ่งที่ชุดสืบสวนให้น้ำหนัก คือ ปมขัดแย้งเรื่องนายวรยุทธเป็นโจทก์ยื่นฟ้องขับไล่ที่ดินชาวบ้านจำนวน 8 ราย และมีความขัดแย้งรุนแรงเพราะมีการฟ้องร้องกันหลายคดี และเกี่ยวกับการทุจริตต่อหน้าที่ของ อบต.แห่งหนึ่งใน จ.กระบี่ด้วย โดยขณะนี้คดียังอยู่ในชั้นศาล
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา นายเชษฐ์ดนัยได้เข้าให้การต่อตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ เพื่อชี้แจงถึงกรณีนายวรยุทธ ระบุว่าตนเองบริสุทธิ์และเป็นเพื่อนสนิทกับนายวรยุทธตั้งแต่เด็กๆ โดยบริษัทตั้งขึ้นมาช่วงต้นปีเพื่อเตรียมรองรับการทำธุรกิจเกี่ยวกับแร่ แต่ยังอยู่ในขั้นตอนเริ่มต้นเท่านั้น ยังไม่ได้เริ่มสำรวจสายแร่ และผู้ตายก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังขอให้ตำรวจตัดประเด็นบริษัทตนเองออกไป และมุ่งไปที่ประเด็นอื่น เช่น ความขัดแย้งเรื่องการเลือกตั้งท้องถิ่น หรือประเด็นที่ผู้ใหญ่ฟ้องขับไล่ที่ดินชาวบ้านที่บุกรุกที่ดินรัฐมากกว่า