ตำรวจเช็กกล้องวงจรปิด-สเกตช์ภาพคนร้ายได้ 1 คน ตั้งเป้าปมสังหาร 4 ประเด็นหลัก ให้น้ำหนักความขัดแย้งเรื่องสัมปทานโรงโม่หิน พยานที่รอดชีวิตระบุวันเกิดเหตุคนร้ายขู่ทวงเงินที่เคยมอบให้คืน พร้อมเรียกผู้ต้องสงสัยที่เคยทำธุรกิจร่วมกับผู้ตาย 1 รายมาให้ปากคำ "บิ๊กตู่" ฉุดคนมีสีถูกลากไปเอี่ยว มทภ. 4 ปัดไม่ใช่ทหาร แต่เป็นพลเรือนแต่ชุดพรางเลียนแบบ ด้านคู่กรณี "นายก อบต." รับมีความขัดแย้งกันจิง แต่ไม่รุนแรงถึงต้องฆ่ากัน
จากเหตการณ์คนร้ายแต่งชุดลายพรางบุกบ้านนายวรยุทธ สังหลัง อายุ 46 ปี ผู้ใหญ่บ้าน บ้านเขางาม หมู่ที่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ คุมตัวญาติไว้ภายในบ้าน ก่อนจะลงมือสังหากอย่างโหดเหี้ยมด้วยการใช้ปืนยิงศีรษะจนเสียชีวิต 8 คน และบาดเจ็บ 3 คน นั้น
วานนี้ (12 ก.ค.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธร จังหวัดกระบี่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้ประชุมร่วมกับทีมชุดสืบสวนสอบสวนเพื่อคลี่คลายคดีดังกล่าว โดยวางแนวทางการสอบสวนรวบรวมหาพยานหลักฐาน ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามสถานที่ต่างๆ โดยได้เก็บภาพจาก อบต.บ้านกลาง ซึ่งอยู่ห่างจากทางเข้าบ้านของผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ประมาณ 1 กม. ริมถนนสายเซาท์เทิร์น กระบี่-ขนอม ซึ่งพบรถต้องสงสัยเป็นรถฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ไม่ทราบป้ายทะเบียน วิ่งไปมาทั้ง 2 ฝั่งในช่วงเย็น แต่พบถึง 2 คัน จึงยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นรถคันใด พร้อมทั้ง ยังได้ออกภาพสเกตช์คนร้ายเป็นชายสวมหมวก 1 คน
ส่วนปมสังหารได้ตั้งไว้ 4 ประเด็น 1.ขัดแย้งกับนักการเมืองท้องถิ่น ระดับนายก อบต.แห่งหนึ่งใน อ.อ่าวลึก 2.การร้องเรียนการสร้างโรงโม่หิน ที่มีกรณีพิพาทกันและทวีความรุนแรงมากว่า 1 เดือน 3.ขัดแย้งเรื่องการบุกรุกที่ดินที่ผู้ใหญ่บ้านเป็นโจทก์ยื่นฟ้องไล่ที่ชาวบ้านจำนวน 8 ราย ขณะนี้เรื่องยังอยู่ในชั้นศาล และ 4.ขัดแย้งเรื่องยาเสพติด คิดว่าไม่น่าจะหนีเรื่องพวกนี้ไปได้
ตำรวจตั้งปมสั่งตายรับเงินโรงโม่หิน
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ นายวรยุทธ ผู้เสียชีวิต ได้ไปรับเงินจำนวนนับสิบล้านบาท มาจากกลุ่มนายทุนโรงโม่หินกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีนักการเมืองท้องถิ่น และผู้มีอิทธิพลหนุนหลัง เพื่อเข้าไปพูดคุยและทำความเข้าใจกับชาวบ้านให้หยุดคัดค้านการสัมปทานโรงโม่หิน แต่ชาวบ้านไม่เห็นด้วย เนื่องจากเกรงว่าจะก่อให้เกิดมลพิษขึ้นในหมู่บ้าน จึงรวมกลุ่มยืนยันคัดค้านจนโรงโม่หินดังกล่าวไม่สามารถเปิดดำเนินการได้ เมื่อคนร้ายมาทวงถามเงินที่มอบให้คืน กลับถูกผู้ใหญ่บ้านปฏิเสธ จึงน่าจะเป็นที่มาของการสังหารดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบข้อมูล และความเคลื่อนไหวของกลุ่มนายทุนดังกล่าวอยู่
ผู้รอดชีวิตมั่นใจจำใบหน้า 4 คนร้ายได้
จากการสอบปากคำหนึ่งในผู้ที่รอดชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้ ให้การว่าตนสามารถจดจำใบหน้าและลักษณะของคนร้ายได้ 4 คน อีกทั้งยังได้ยินคนร้ายพูดถึงเรื่องเงินที่เคยมอบให้กับผู้ใหญ่บ้าน โดยเสียงนั้นเป็นเสียงของคนภาคกลาง ทั้งนี้ยังจำได้อีกว่ามีคนร้ายหนึ่งคนมีการสวมไอ้โม่งปกปิดบังใบหน้า ส่วนคนที่เหลือไม่ได้ใส่ไอ้โม่ง ซึ่งตนเชื่อว่าคนร้ายที่ใส่ไอ้โม่งน่าจะเป็นคนที่ผู้ใหญ่บ้านหรือคนในบ้านรู้จักหรือคุ้นหน้ามาก่อน ล่าสุดมีข้อมูลว่าเจ้าหน้าที่ได้รายละเอียดของผู้ต้องสงสัย 1 ราย ซึ่งเป็นผู้ร่วมลงทุนทำธุรกิจกับผู้ตายมาสอบปากคำโดยเชื่อว่าจะมีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ในครั้งนี้
"บิ๊กตู่"ฉุนถูกถามมือสังหารเป็นคนมีสี
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ เพราะพล.ต.อ.จักรทิพย์ ผบ.ตร. ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยตัวเองแล้ว ตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค. ที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้รับรายงานในประเด็นที่เกี่ยวข้อง ต้องให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบก่อน โดยเรื่องนี้ตั้งไว้หลายสาเหตุ ทั้งเรื่องของความขัดแย้ง ชู้สาว ขัดแย้งผลประโยชน์ในพื้นที่ เรื่องแบบนี้สอบได้ไม่ง่าย
เมื่อถามว่า แต่มีการเชื่อมโยง ผู้ลงมือกระทำเกี่ยวข้องคนมีสี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวว่า "ใครล่ะ ไปหากันมา ผมบอกแล้วไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย พวกสื่อก็ชอบย้ำอยู่นั่นแหละว่า คนร้ายเป็นเจ้าหน้าที่ สวมเครื่องแบบ สื่อก็ยุ่งกับไอ้เรื่องพวกนี้"
"เสียใจกับครอบครับที่ถูกฆาตกรรมด้วย นี่หรือแผ่นดินธรรม พวกคนก็จะเอาแต่เรื่องการเมืองมากอดไว้ มันไม่ได้ เราต้องช่วยกันแก้ปัญหาเหล่านี้ให้ได้ และต้องไม่เกิดขึ้นอีก วันนี้เราก็ต้องใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานกันอยู่ดี จะไปบอกว่าตำรวจไว้ใจไม่ได้มันไม่ใช่ เพราะตำรวจที่ดีก็ตั้งใจทำงาน ส่วนคนไม่ดีก็เอาออกไปลงโทษด้วยกลไกทางกฎหมาย กระบวนการตรวจสอบที่ชัดเจนเท่านั้นเอง"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
"มทภ. 4"เชื่อเป็นฝีมือพลเรือน100%
พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวถึง กรณีคนร้ายใส่ชุดพรางฆ่ายกครัวผู้ใหญ่บ้าน อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ว่า คงไม่ต้องตรวจสอบอะไร เชื่อว่าคนร้ายไม่ใช่ทหารแน่นอน หากเป็นทหารจะใส่ชุดพรางไปก่อเหตุให้เป็นที่สังเกตุทำไม แต่งเป็นพลเรือนจะดีกว่าหรือไม่ ซึ่งคนที่แต่งชุดทหาร ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน 100% ต้องการเลียนแบบทหาร แล้วไปก่อเหตุ ปกติคนร้ายย่อมต้องปกปิดตัวเองอยู่แล้ว พยายามเบี่ยงเบนด้วยการใช้เสื้อผ้า ซึ่งชุดทหารหาซื้อได้ง่าย มีพลเรือนใส่กันมาก
เมื่อถามถึงกรณี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร ระบุ การก่อเหตุมีลักษณ์คล้ายคลึงกับเหตุการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.ท.ปิยวัฒน์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกันโดยสิ้นเชิง ถ้าเป็นผู้ก่อเหตุใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ใช้เวลาก่อเหตุไม่นานก็แยกย้าย แต่ทราบว่าคนร้ายใช้เวลาถึง 8 ชั่วโมง ในการก่อเหตุ รวมถึงรูปแบบ วิธีการก่อเหตุ คนละอย่าง
พล.ท.ปิยวัฒน์ ยังเชื่อว่า ปมสังหารโหดครั้งนี้ น่าจะอยู่ใน 4 ประเด็นที่ตำรวจได้ตั้งข้อสงสัยไว้
นายกอบต.รับขัดแย้ง-แต่ไม่คิดฆ่า
นายมนัส ชูบุตร นายก อบต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก ซึ่งถูกระบุว่า ทางผู้ใหญ่บ้านที่เสียชีวิต ได้ฟ้องร้องกล่าวหาในมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ยอมให้ความร่วมมือในการนำที่ดิน นสล. หรือที่ดินหลวง เนื้อที่ประมาณเกือบ 100 ไร่ ที่ชาวบ้านบุกรุกปลูกสร้างบ้านประมาณ 10 ครอบครัว แต่ อบต.ไม่ให้ความร่วมมือ ซึ่งอาจเป็นหนึ่งในความขัดแย้งนั้น นายก อบต.บ้านกลาง กล่าวว่า ตนทำไปตามหน้าที่ ไม่ได้ละเลย แต่ได้ทำการสอบสวนสิทธิ์ ปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมายทุกประการ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการสอบสวนสิทธิ์
‘ส่วนความขัดแย้งนั้นเป็นเรื่องปกติในการทำงานย่อม ต้องมีบ้าง แต่ไม่ถึงขั้นต้องทำร้าย และการก่อเหตุของคนร้ายในครั้งนี้โหดเหี้ยมอย่างมาก’ นายมนัส กล่าว
หุ้นส่วนธุรกิจรุดแจงปมสังหารโหด
รายงานแจ้งเพิ่มเติมว่า นายเชษฐ์ดนัย ถิ่นพังงา กรรมการบริษัทกระบี่ ภูทรัพย์อนันต์ จำกัด ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับนายวรยุทธ ผู้ใหญ่บ้าน และอยู่ระหว่างเตรียมการร่วมทำธุรกิจด้วยกัน ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีดังกล่าว โดยกล่าวว่า ตนเป็นเพื่อนสนิทกับนายวรยุทธ บริษัทนี้จดขึ้นมาช่วงต้นปี เพื่อเตรียมรองรับการทำธุรกิจเกี่ยวกับแร่ แต่ยังอยู่ในขั้นตอนเริ่มต้นเท่านั้น ยังไม่ได้เริ่มสำรวจสายแร่แต่อย่างใด ในช่วงเริ่มต้นตนกับแฟนสาวคือ นางสาววิจิราภรณ์ อินทร์จันทร์ เตรียมเปิดบริษัทจึงชักชวนนายวรยุทธ มาเป็นกรรมการบริษัทด้วย โดยตนเป็นผู้มีอำนาจในการลงนาม แต่นายวรยุทธไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจแต่อย่างใด
"ก่อนเกิดเหตุตนได้ไหว้วานให้นายวรยุทธ มาทำธุระที่กรุงเทพฯ ก่อนนั่งเครื่องบินกลับมากระบี่ โดยยังโทรศัพท์สอบถามสารทุกข์สุกดิบกันอยู่ กระทั่งผู้ใหญ่กลับบ้าน ถูกคนร้ายที่นั่งรอนานกว่า 4 ชั่วโมงลงมือสังหารอย่างโหดเหี้ยม"
จากเหตการณ์คนร้ายแต่งชุดลายพรางบุกบ้านนายวรยุทธ สังหลัง อายุ 46 ปี ผู้ใหญ่บ้าน บ้านเขางาม หมู่ที่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ คุมตัวญาติไว้ภายในบ้าน ก่อนจะลงมือสังหากอย่างโหดเหี้ยมด้วยการใช้ปืนยิงศีรษะจนเสียชีวิต 8 คน และบาดเจ็บ 3 คน นั้น
วานนี้ (12 ก.ค.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธร จังหวัดกระบี่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้ประชุมร่วมกับทีมชุดสืบสวนสอบสวนเพื่อคลี่คลายคดีดังกล่าว โดยวางแนวทางการสอบสวนรวบรวมหาพยานหลักฐาน ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามสถานที่ต่างๆ โดยได้เก็บภาพจาก อบต.บ้านกลาง ซึ่งอยู่ห่างจากทางเข้าบ้านของผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ประมาณ 1 กม. ริมถนนสายเซาท์เทิร์น กระบี่-ขนอม ซึ่งพบรถต้องสงสัยเป็นรถฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ไม่ทราบป้ายทะเบียน วิ่งไปมาทั้ง 2 ฝั่งในช่วงเย็น แต่พบถึง 2 คัน จึงยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นรถคันใด พร้อมทั้ง ยังได้ออกภาพสเกตช์คนร้ายเป็นชายสวมหมวก 1 คน
ส่วนปมสังหารได้ตั้งไว้ 4 ประเด็น 1.ขัดแย้งกับนักการเมืองท้องถิ่น ระดับนายก อบต.แห่งหนึ่งใน อ.อ่าวลึก 2.การร้องเรียนการสร้างโรงโม่หิน ที่มีกรณีพิพาทกันและทวีความรุนแรงมากว่า 1 เดือน 3.ขัดแย้งเรื่องการบุกรุกที่ดินที่ผู้ใหญ่บ้านเป็นโจทก์ยื่นฟ้องไล่ที่ชาวบ้านจำนวน 8 ราย ขณะนี้เรื่องยังอยู่ในชั้นศาล และ 4.ขัดแย้งเรื่องยาเสพติด คิดว่าไม่น่าจะหนีเรื่องพวกนี้ไปได้
ตำรวจตั้งปมสั่งตายรับเงินโรงโม่หิน
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ นายวรยุทธ ผู้เสียชีวิต ได้ไปรับเงินจำนวนนับสิบล้านบาท มาจากกลุ่มนายทุนโรงโม่หินกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีนักการเมืองท้องถิ่น และผู้มีอิทธิพลหนุนหลัง เพื่อเข้าไปพูดคุยและทำความเข้าใจกับชาวบ้านให้หยุดคัดค้านการสัมปทานโรงโม่หิน แต่ชาวบ้านไม่เห็นด้วย เนื่องจากเกรงว่าจะก่อให้เกิดมลพิษขึ้นในหมู่บ้าน จึงรวมกลุ่มยืนยันคัดค้านจนโรงโม่หินดังกล่าวไม่สามารถเปิดดำเนินการได้ เมื่อคนร้ายมาทวงถามเงินที่มอบให้คืน กลับถูกผู้ใหญ่บ้านปฏิเสธ จึงน่าจะเป็นที่มาของการสังหารดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบข้อมูล และความเคลื่อนไหวของกลุ่มนายทุนดังกล่าวอยู่
ผู้รอดชีวิตมั่นใจจำใบหน้า 4 คนร้ายได้
จากการสอบปากคำหนึ่งในผู้ที่รอดชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้ ให้การว่าตนสามารถจดจำใบหน้าและลักษณะของคนร้ายได้ 4 คน อีกทั้งยังได้ยินคนร้ายพูดถึงเรื่องเงินที่เคยมอบให้กับผู้ใหญ่บ้าน โดยเสียงนั้นเป็นเสียงของคนภาคกลาง ทั้งนี้ยังจำได้อีกว่ามีคนร้ายหนึ่งคนมีการสวมไอ้โม่งปกปิดบังใบหน้า ส่วนคนที่เหลือไม่ได้ใส่ไอ้โม่ง ซึ่งตนเชื่อว่าคนร้ายที่ใส่ไอ้โม่งน่าจะเป็นคนที่ผู้ใหญ่บ้านหรือคนในบ้านรู้จักหรือคุ้นหน้ามาก่อน ล่าสุดมีข้อมูลว่าเจ้าหน้าที่ได้รายละเอียดของผู้ต้องสงสัย 1 ราย ซึ่งเป็นผู้ร่วมลงทุนทำธุรกิจกับผู้ตายมาสอบปากคำโดยเชื่อว่าจะมีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ในครั้งนี้
"บิ๊กตู่"ฉุนถูกถามมือสังหารเป็นคนมีสี
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ เพราะพล.ต.อ.จักรทิพย์ ผบ.ตร. ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยตัวเองแล้ว ตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค. ที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้รับรายงานในประเด็นที่เกี่ยวข้อง ต้องให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบก่อน โดยเรื่องนี้ตั้งไว้หลายสาเหตุ ทั้งเรื่องของความขัดแย้ง ชู้สาว ขัดแย้งผลประโยชน์ในพื้นที่ เรื่องแบบนี้สอบได้ไม่ง่าย
เมื่อถามว่า แต่มีการเชื่อมโยง ผู้ลงมือกระทำเกี่ยวข้องคนมีสี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวว่า "ใครล่ะ ไปหากันมา ผมบอกแล้วไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย พวกสื่อก็ชอบย้ำอยู่นั่นแหละว่า คนร้ายเป็นเจ้าหน้าที่ สวมเครื่องแบบ สื่อก็ยุ่งกับไอ้เรื่องพวกนี้"
"เสียใจกับครอบครับที่ถูกฆาตกรรมด้วย นี่หรือแผ่นดินธรรม พวกคนก็จะเอาแต่เรื่องการเมืองมากอดไว้ มันไม่ได้ เราต้องช่วยกันแก้ปัญหาเหล่านี้ให้ได้ และต้องไม่เกิดขึ้นอีก วันนี้เราก็ต้องใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานกันอยู่ดี จะไปบอกว่าตำรวจไว้ใจไม่ได้มันไม่ใช่ เพราะตำรวจที่ดีก็ตั้งใจทำงาน ส่วนคนไม่ดีก็เอาออกไปลงโทษด้วยกลไกทางกฎหมาย กระบวนการตรวจสอบที่ชัดเจนเท่านั้นเอง"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
"มทภ. 4"เชื่อเป็นฝีมือพลเรือน100%
พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวถึง กรณีคนร้ายใส่ชุดพรางฆ่ายกครัวผู้ใหญ่บ้าน อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ว่า คงไม่ต้องตรวจสอบอะไร เชื่อว่าคนร้ายไม่ใช่ทหารแน่นอน หากเป็นทหารจะใส่ชุดพรางไปก่อเหตุให้เป็นที่สังเกตุทำไม แต่งเป็นพลเรือนจะดีกว่าหรือไม่ ซึ่งคนที่แต่งชุดทหาร ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน 100% ต้องการเลียนแบบทหาร แล้วไปก่อเหตุ ปกติคนร้ายย่อมต้องปกปิดตัวเองอยู่แล้ว พยายามเบี่ยงเบนด้วยการใช้เสื้อผ้า ซึ่งชุดทหารหาซื้อได้ง่าย มีพลเรือนใส่กันมาก
เมื่อถามถึงกรณี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร ระบุ การก่อเหตุมีลักษณ์คล้ายคลึงกับเหตุการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.ท.ปิยวัฒน์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกันโดยสิ้นเชิง ถ้าเป็นผู้ก่อเหตุใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ใช้เวลาก่อเหตุไม่นานก็แยกย้าย แต่ทราบว่าคนร้ายใช้เวลาถึง 8 ชั่วโมง ในการก่อเหตุ รวมถึงรูปแบบ วิธีการก่อเหตุ คนละอย่าง
พล.ท.ปิยวัฒน์ ยังเชื่อว่า ปมสังหารโหดครั้งนี้ น่าจะอยู่ใน 4 ประเด็นที่ตำรวจได้ตั้งข้อสงสัยไว้
นายกอบต.รับขัดแย้ง-แต่ไม่คิดฆ่า
นายมนัส ชูบุตร นายก อบต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก ซึ่งถูกระบุว่า ทางผู้ใหญ่บ้านที่เสียชีวิต ได้ฟ้องร้องกล่าวหาในมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ยอมให้ความร่วมมือในการนำที่ดิน นสล. หรือที่ดินหลวง เนื้อที่ประมาณเกือบ 100 ไร่ ที่ชาวบ้านบุกรุกปลูกสร้างบ้านประมาณ 10 ครอบครัว แต่ อบต.ไม่ให้ความร่วมมือ ซึ่งอาจเป็นหนึ่งในความขัดแย้งนั้น นายก อบต.บ้านกลาง กล่าวว่า ตนทำไปตามหน้าที่ ไม่ได้ละเลย แต่ได้ทำการสอบสวนสิทธิ์ ปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมายทุกประการ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการสอบสวนสิทธิ์
‘ส่วนความขัดแย้งนั้นเป็นเรื่องปกติในการทำงานย่อม ต้องมีบ้าง แต่ไม่ถึงขั้นต้องทำร้าย และการก่อเหตุของคนร้ายในครั้งนี้โหดเหี้ยมอย่างมาก’ นายมนัส กล่าว
หุ้นส่วนธุรกิจรุดแจงปมสังหารโหด
รายงานแจ้งเพิ่มเติมว่า นายเชษฐ์ดนัย ถิ่นพังงา กรรมการบริษัทกระบี่ ภูทรัพย์อนันต์ จำกัด ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับนายวรยุทธ ผู้ใหญ่บ้าน และอยู่ระหว่างเตรียมการร่วมทำธุรกิจด้วยกัน ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีดังกล่าว โดยกล่าวว่า ตนเป็นเพื่อนสนิทกับนายวรยุทธ บริษัทนี้จดขึ้นมาช่วงต้นปี เพื่อเตรียมรองรับการทำธุรกิจเกี่ยวกับแร่ แต่ยังอยู่ในขั้นตอนเริ่มต้นเท่านั้น ยังไม่ได้เริ่มสำรวจสายแร่แต่อย่างใด ในช่วงเริ่มต้นตนกับแฟนสาวคือ นางสาววิจิราภรณ์ อินทร์จันทร์ เตรียมเปิดบริษัทจึงชักชวนนายวรยุทธ มาเป็นกรรมการบริษัทด้วย โดยตนเป็นผู้มีอำนาจในการลงนาม แต่นายวรยุทธไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจแต่อย่างใด
"ก่อนเกิดเหตุตนได้ไหว้วานให้นายวรยุทธ มาทำธุระที่กรุงเทพฯ ก่อนนั่งเครื่องบินกลับมากระบี่ โดยยังโทรศัพท์สอบถามสารทุกข์สุกดิบกันอยู่ กระทั่งผู้ใหญ่กลับบ้าน ถูกคนร้ายที่นั่งรอนานกว่า 4 ชั่วโมงลงมือสังหารอย่างโหดเหี้ยม"