เกิดไฟไหม้ใหญ่เผาผลาญอาคารที่พักอาศัยสูง 24 ชั้นทางด้านตะวันตกของกรุงลอนดอนตั้งแต่ช่วงก่อนเช้ามืดวันพุธ (14 มิ.ย.) ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 6 คนและบาดเจ็บอีก 70 ราย โดยพระเพลิงลุกลามอย่างรวดเร็วตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุดขณะผู้คนกำลังนอนหลับ จึงมีผู้สูญหายยังไม่ทราบชะตากรรมเป็นจำนวนมาก ทางด้านผู้บัญชาการกองดับเพลิงเมืองหลวงอังกฤษแถลงช่วงเย็นวันเดียวกัน ต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 24 ชั่วโมงจึงจะสามารถสยบอัคคีภัยคราวนี้ได้
แดนี คอตตอน ผู้บัญชาการกองดับเพลิงลอนดอนแถลงตอนค่ำวันพุธ (14) ย้ำว่า เหตุไฟไหม้ครั้งนี้ใหญ่โตมโหฬารมาก เธอคาดหมายว่ากองดับเพลิงกรุงลอนดอนจะต้องออกไปอยู่ในที่เกิดเหตุคอยรับมือกับพระเพลิงเป็นเวลาอย่างน้อยที่สุด 24 ชั่วโมงข้างหน้า
เธอบอกด้วยว่ามีพนักงานดับเพลิงจำนวนหนึ่งได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ขณะที่อัคคีภัยคราวนี้ได้คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อยที่สุด 6 รายแล้ว และอีกกว่า70 คนได้รับบาดเจ็บ
ก่อนหน้านี้ เธอแถลงในช่วงกลางวันว่า อัคคีภัยครั้งนี้ “รุนแรงอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน” ในช่วง 29 ปีของอาชีพพนักงานดับเพลิงของเธอ และว่าการปฏิบัติงานเป็นไปได้วยความลำบาก เนื่องจากขนาดและความซับซ้อนของอาคารเกรนเฟลล์ ทาวเวอร์ ที่เกิดเพลิงไหม้
ตามการแถลงของกองดับเพลิงระบุว่า ใช้หัวดับเพลิง 40 ชุด และเจ้าหน้าที่ 200 คนต่อสู้กับไฟที่โหมไหม้อาคารเกรนเฟลล์ ทาวเวอร์ ซึ่งประกอบด้วยห้องพักรวม 130 ชุด และมีผู้พักอาศัยอยู่นับร้อยคน นอกจากนี้ยังมีทีมรถพยาบาลฉุกเฉิน 20 ทีมรอให้ความช่วยเหลืออยู่ในที่เกิดเหตุ
ผู้พักอาศัยในอาคารเกรนเฟลล์ระบุว่า ไฟไหม้จากด้านนอกตึกซึ่งมีการเคลือบวัสดุบางอย่างระหว่างการซ่อมแซมครั้งใหญ่ที่เสร็จสิ้นไปเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว
รายงานระบุว่า สัญญาณเตือนไฟไหม้ดังขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 1.00 น. วันพุธ (ตรงกับ7.00 น. ตามเวลาไทย) และเพียงหนึ่งชั่วโมงต่อมา เพลิงได้ลุกลามไปทั่วทั้งตึก โดยล่าสุดยังไม่สามารถระบุสาเหตุของเพลิงไหม้ได้ และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเผยว่า ขึ้นไปช่วยอพยพผู้พักอาศัยที่อยู่ข้างล่างๆ ลงมา โดยยังมีอีก 4 ชั้นบนสุดซึ่งยังขึ้นไปไม่ได้
ทางด้าน ซาดิก ข่าน นายกเทศมนตรีนครลอนดอนได้ประกาศให้เหตุไฟไหม้ครั้งนี้เป็นเหตุการณ์สาธารณภัย ขณะที่ตำรวจสั่งอพยพคนในอาคารใกล้เคียงเนื่องจากเกรงว่า เศษวัสดุจากอาคารเกรนเฟลล์จะร่วงลงมา รวมทั้งปิดทางหลวงเอ40 ช่วงหนึ่ง ซึ่งปกติแล้วเป็นเส้นทางสำคัญเพื่อเข้าสู่ลอนดอน นอกจากนั้นเครือข่ายรถไฟใต้ดินลอนดอนยังปิดให้บริการเส้นทางที่ผ่านบริเวณที่ไฟไหม้ใกล้สถานีถนนลาติเมอร์
สภาเทศบาลเคนซิงตันและเชลซีซึ่งเป็นเจ้าของตึกที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ภารกิจเฉพาะหน้าคือการสนับสนุนหน่วยกู้ภัยและปฏิบัติการบรรเทาทุกข์ และจะสืบสวนหาสาเหตุของเพลิงไหม้อย่างละเอียดต่อไป
แดนี คอตตอน ผู้บัญชาการกองดับเพลิงลอนดอนแถลงตอนค่ำวันพุธ (14) ย้ำว่า เหตุไฟไหม้ครั้งนี้ใหญ่โตมโหฬารมาก เธอคาดหมายว่ากองดับเพลิงกรุงลอนดอนจะต้องออกไปอยู่ในที่เกิดเหตุคอยรับมือกับพระเพลิงเป็นเวลาอย่างน้อยที่สุด 24 ชั่วโมงข้างหน้า
เธอบอกด้วยว่ามีพนักงานดับเพลิงจำนวนหนึ่งได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ขณะที่อัคคีภัยคราวนี้ได้คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อยที่สุด 6 รายแล้ว และอีกกว่า70 คนได้รับบาดเจ็บ
ก่อนหน้านี้ เธอแถลงในช่วงกลางวันว่า อัคคีภัยครั้งนี้ “รุนแรงอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน” ในช่วง 29 ปีของอาชีพพนักงานดับเพลิงของเธอ และว่าการปฏิบัติงานเป็นไปได้วยความลำบาก เนื่องจากขนาดและความซับซ้อนของอาคารเกรนเฟลล์ ทาวเวอร์ ที่เกิดเพลิงไหม้
ตามการแถลงของกองดับเพลิงระบุว่า ใช้หัวดับเพลิง 40 ชุด และเจ้าหน้าที่ 200 คนต่อสู้กับไฟที่โหมไหม้อาคารเกรนเฟลล์ ทาวเวอร์ ซึ่งประกอบด้วยห้องพักรวม 130 ชุด และมีผู้พักอาศัยอยู่นับร้อยคน นอกจากนี้ยังมีทีมรถพยาบาลฉุกเฉิน 20 ทีมรอให้ความช่วยเหลืออยู่ในที่เกิดเหตุ
ผู้พักอาศัยในอาคารเกรนเฟลล์ระบุว่า ไฟไหม้จากด้านนอกตึกซึ่งมีการเคลือบวัสดุบางอย่างระหว่างการซ่อมแซมครั้งใหญ่ที่เสร็จสิ้นไปเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว
รายงานระบุว่า สัญญาณเตือนไฟไหม้ดังขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 1.00 น. วันพุธ (ตรงกับ7.00 น. ตามเวลาไทย) และเพียงหนึ่งชั่วโมงต่อมา เพลิงได้ลุกลามไปทั่วทั้งตึก โดยล่าสุดยังไม่สามารถระบุสาเหตุของเพลิงไหม้ได้ และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเผยว่า ขึ้นไปช่วยอพยพผู้พักอาศัยที่อยู่ข้างล่างๆ ลงมา โดยยังมีอีก 4 ชั้นบนสุดซึ่งยังขึ้นไปไม่ได้
ทางด้าน ซาดิก ข่าน นายกเทศมนตรีนครลอนดอนได้ประกาศให้เหตุไฟไหม้ครั้งนี้เป็นเหตุการณ์สาธารณภัย ขณะที่ตำรวจสั่งอพยพคนในอาคารใกล้เคียงเนื่องจากเกรงว่า เศษวัสดุจากอาคารเกรนเฟลล์จะร่วงลงมา รวมทั้งปิดทางหลวงเอ40 ช่วงหนึ่ง ซึ่งปกติแล้วเป็นเส้นทางสำคัญเพื่อเข้าสู่ลอนดอน นอกจากนั้นเครือข่ายรถไฟใต้ดินลอนดอนยังปิดให้บริการเส้นทางที่ผ่านบริเวณที่ไฟไหม้ใกล้สถานีถนนลาติเมอร์
สภาเทศบาลเคนซิงตันและเชลซีซึ่งเป็นเจ้าของตึกที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ภารกิจเฉพาะหน้าคือการสนับสนุนหน่วยกู้ภัยและปฏิบัติการบรรเทาทุกข์ และจะสืบสวนหาสาเหตุของเพลิงไหม้อย่างละเอียดต่อไป
