รอยเตอร์ - ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศอันหนักหน่วงของพันธมิตรนานาชาติที่นำโดยสหรัฐฯ เข่นฆ่าชีวิตพลเรือนในเมืองร็อกเกาะห์ ไปแล้วอย่างน้อย 300 ศพนับตั้งแต่เดือนมีนาคม ในขณะที่กองกำลังที่อเมริกาหนุนหลังรุกคืบประชิดป้องปราการของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) แห่งนี้ คณะผู้สืบสวนอาชญากรรมสงครามของสหประชาชาติเปิดเผยในวันพุธ (14 มิ.ย.)
กองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย (SDF) ซึ่งประกอบด้วยกองกำลังติดอาวุธของชาวเคิร์ดและชาวอาหรับซีเรีย ภายใต้การสนับสนุนของสหรัฐฯ เริ่มต้นโจมตีตัวเมืองร็อกเกาะห์เมื่อราว 1 สัปดาห์ก่อน เพื่อยึดคืนจากพวกญิฮาด หลังจากก่อนหน้านี้ SDF ภายใต้การสนับสนุนางอากาศ สามารถเข้าควบคุมพื้นที่ทางตะวันตก ทางตะวันออกและทางเหนือของเมืองได้เรียบร้อยแล้ว
“พันธมิตรโจมตีทางอากาศหนักหน่วงรอบๆ เมือง” เปาโล ปินเอโร ประธานคณะกรรมาธิการสอบสวนของสหประชาชาติบอกกับผู้สื่อข่าว “ในขณะที่ปฏิบัติการในความรุดหน้าอย่างรวดเร็ว พลเรือนที่ติดอยู่ภายในเมืองซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองกดขี่ของไอเอส ต้องมาเผชิญกับอันตรายร้ายแรงสืบเนื่องจากการโจมตีทางอากาศอันเลยเถิดอีก”
คาเรน อาบูซายัด กรรมาธิการชาวสหรัฐฯในคณะกรรมาธิการสืบสวนอิสระคณะนี้ของสหประชาชาติ ระบุว่า “เรามีข้อมูลว่ามีผู้เสียชีวิตจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของพันธมิตรนานาชาติอย่างเดียวอยู่ที่ราวๆ 300 ศพ ในนั้น 200 ศพ อยู่ในหมู่บ้านอัล-มันซูา เพียงแห่งเดียว”
ด้วยที่คณะสืบสวนของยูเอ็น ยังเข้าไปไม่ถึงซีเรีย พวกเขาจึงสอบถามข้อมูลจากผู้รอดชีวิตและผู้เห็นเหตุการณ์ในประเทศเพื่อนบ้านทั้งหลายหรือผู้ที่ยังอยู่ในซีเรียผ่ายสไกป์
ในรายงานแยกกัน ทางกลุ่มสิทธิมนุษยชน ฮิวแมนไรต์วอตช์ แสดงความกังวลเกี่ยวกับการใช้อาวุธเคมีฟอสฟอรัสขาวของพันธมิตรต่อต้านไอเอสที่นำโดยสหรัฐฯในอิรักและซีเรีย โดยบอกว่ามันเป็นอันตรายต่อพลเรือนหากใช้ในพื้นที่ชุมชน
ฟอสฟอรัสขาวไม่ได้ถูกห้ามในฐานะอาวุธเคมีและเป็นเรื่องถูกกฎหมายหากใช้ในสมรภูมิรบสำหรับสร้างม่านควัน ส่องแสง ชี้เป้าหรือเผาบังเกอร์และอาคารต่างๆ แต่ขณะเดียวกันมันก็สามารถก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บและเสียชีวิตได้ ผ่านการเผาไหม้ลึกลงไปในเนื้อเยื่อและสูดดมควัน
ในคำแถลงต่อที่ประชุม 47 ชาติในเจนีวา ผู้แทนสหรัฐฯไม่ได้อ้างถึงร็อกเกาะห์หรือการโจมตีทางอากาศ โดย เจสัน มาร์ก ผู้แทนสหรัฐฯ เรียกรัฐบาลซีเรียว่าเป็นผู้กระทำผิดหลักของการละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรงในประเทศ
ปินเอโร บอกว่าถ้าปฏิบัติการจู่โจมของพันธมิตรประชาชาติประสบความสำเร็จ มันจะช่วยปลดปล่อยพลเรือนเมืองร็อกเกาะห์ ในนั้นรวมถึงผู้หญิงและเด็กหญิงยาซิดี ที่ถูกพวกรัฐอิสลามกักขังไว้เป็นทางบำเรอกามมานานเกือบ 3 ปี ส่วนหนึ่งของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
อย่างไรก็ตาม ฮัสซัม เอดิน อาลา ผู้แทนของซีเรียประจำสหประชาชาติ ประณามเหตุล่วงละเมิดต่างๆนานาโดยพันธมิตรนานาชาติที่นำโดยสหรัฐฯ ซึ่งเล็งเป้าหมายถล่มโครงสร้างพื้นฐาน เข่นฆ่าชีวิตพลเรือนหลายร้อยศพ ในนั้นรวมถึง 30 ศพที่เดียร์ เอซ-ซอร์