ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - บทเรียนคนไทยเกี่ยวกับความอยากรวย(ทางลัด) มีให้เห็นกันทุกยุคทุกสมัย คล้ายกับคดีตกทอง-ตกพระที่ปัจจุบันแม้ข่าวประเภทนี้จะเกิดขึ้นมานานหลายสิบปี วันนี้ยังมีให้เห็นอยู่ประปราย เรียกว่าไม่เคยหมดไปจากสังคมไทย และเมื่อมาฟังเหตุผลของเหยื่อ ส่วนใหญ่มักอ้างว่าระหว่างการเจรจาต่อรองกันอยู่นั้นเกิดไม่รู้สึกตัว เวลาคนร้ายสั่งให้ทำอะไรก็ดูเคลิ้มทำตามไปหมด
นักวิชาการบางท่านบอกว่านั่นคือการสะกดจิต บางคนเชื่อว่ามีสารบางตัวทำให้เกิดความรู้สึกควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่ถ้าเป็นสายตานักข่าวอาชญากรรมตามโรงพักที่ผ่านงานมามาก หรือตำรวจที่รับแจ้งเรื่องราวอย่างนี้เป็นประจำ เหตุผลสำคัญคือ ความโลภ
เมื่อเกิดความโลภ ความอยาก สติปัญญาหรือสัญชาติญาณระวังภัยมันเหือดหายไปหมด แต่ที่ต้องอ้างว่าถูกป้ายยา ถูกสะกดจิต น่าจะมาจากกลัวถูกญาติพี่น้อง ถูกผัวหรือเมียตำหนิ ข้ออ้างต่างๆ ที่ไม่ให้ตัวเองดูโง่ จึงมักนำมาเป็นเหตุผลซึ่งหากยาป้าย หรือแตะเนื้อตัวแล้วเคลิ้มไปขนาดนั้นเป้าหมายคงไม่ใช่เหยื่อบ้านๆ ริมถนน คนร้ายมันคงเน้นที่เป็นกอบเป็นกำ เช่น ธนาคาร ร้านทอง หรือร้านเพชร ไม่ดีกว่าหรือ
ข่าวเก่า...เรื่องเล่าเดิมๆ จึงมีให้เห็นเรื่อยๆ เช่นเดียวกันขบวนการต้มตุ๋นที่ยกระดับขึ้นมาอีกขั้นหนึ่งนั่นคือแก๊งแชร์ลูกโซ่...ปัจจุบันบรรดาแชร์ลูกโซ่กับธุรกิจขายตรง มีเส้นบางๆแบ่งไว้จนบางครั้งยากจะเชื่อได้ว่าไหนคือขายตรง ไหนคือแชร์ลูกโซ่ แต่ที่เห็นกันอยู่ความแตกต่างอยู่บ้างก็คือ ธุรกิจขายตรงมีสินค้าให้เห็นเป็นเรื่องเป็นราว จริงบ้างโม้บ้าง แต่ก็ยังมีของขาย
ขณะที่แชร์ลูกโซ่ส่วนใหญ่มีเพียงกระดาษ 1 แผ่น ที่เขาเรียกว่าสัญญาการลงทุน หรืออะไรสุดแท้แต่จะว่าไป กับโปรเจกต์ อภิมหาความอัศจรรย์พันลึก จนยากจะเชื่อว่ามันสามารถเป็นไปได้ โดยเฉพาะค่าตอบแทน...บรรดาแชร์ลูกโซ่ที่ถือเป็นตำนานขอยกตัวอย่างมาพอสังเขป เช่น แชร์แม่ชม้อย ครึกโครมมากเมื่อปี 2517 - 2528 ค่าความเสียหายนับหมื่นล้าน หลังถูกตำรวจจับคดีสิ้นสุดตรงที่แม่ชม้อย มีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนหลายกระทง ศาลตัดสินลงโทษ 117,595 ปี แต่ติดจริงตามอัตราสูงสุด 20 ปี คดีแชร์เสมาฟ้าคราม คดีแชร์ชาเตอร์ แชร์บริชเชอร์ หรือแชร์ท่องเที่ยว คดีแชร์น้ำหอม คดีแชร์ยูนิฟัน และในอนาคตเร็วๆนี้ อาจจะมี “แชร์ล้ม” เป็นดคีอีกหลายวงตามข้อมูลที่กำลังจะนำเสนอต่อไปนี้
แชร์ที่ควรจับตามากที่สุดคือ แชร์เหมืองทองคำ อ้างว่าก่อตั้งโดยดาโต๊ะ HAJI ABDUL MOHD ZAIN &Romea MA-ELA ประเทศมาเลยเซีย และKKT ประเทศไทย เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2559 หลักการง่ายๆ คือมีการขายหุ้นในราคาหุ้นละ 2,800 บาท วงจรของการรับผลประโยชน์นาน 16 สัปดาห์ โดยได้เงินปันผลต่อหุ้น/สัปดาห์ละ 2-300 บาท จนครบถึงสัปดาห์สุดท้าย คือสัปดาห์ที่ 17 จะคืนเงินต้นทุนให้ทั้งหมด โดยบวกเข้าไป 1 เท่าตัว หมายความว่า เงินลงทุนต่อ 1 หุ้น คือ 2,800 บาทคูณ 2 เท่ากับ 5,600 บาท
ปรากฏว่าได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนไทยประเภทอยากรวยทางรัดกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่งประมาณว่าจะมีผู้เข้าร่วมจำนวนหลายหมื่นราย ส่วนใหญ่เป็นพี่น้องมุสลิม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และลุกลามไปทั่วประเทศ รวมทั้งกรุงเทพมหานคร
เงินการลงทุนมีตั้งแต่หลักหมื่นจนถึงหลักล้าน บางคนได้แล้วถอย แต่หลายคนได้แล้วบุก กระทั่งช่วงเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา เงินที่เคยโอนเข้าบัญชีผู้ถือหุ้นกลับไม่มีเข้าแม้แต่บาทเดียว สร้างความปั่นป่วนแก่นักลงทุนอยากรวยทางลัดเป็นอย่างยิ่ง
ระหว่างหันรีหันขวางจะเข้าแจ้งความร้องทุกข์ดีหรือไม่ นายหน้า KKT ได้ส่งประกาศทางไลน์แก่สมาชิก มีข้อความว่า....วันที่ 12 พ.ย. 59 เรื่องยุติการรับซื้อ-ขายหุ้น เรียนเพื่อนสมาชิก KKT ทุกท่าน....ทางบริษัท KKT ประเทศไทย ได้ดำเนินการกิจการเหมืองแร่ทองคำ มาตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม 2559 จนถึงบัดนี้เป็นระยะเวลาประมาณ 10 เดือน จากการดำเนินงานดังกล่าว ทำให้มีเหตุสุดวิสัยด้วยเหตุผลต่างๆ ที่ทางบริษัทต้องขอยุติการรับซื้อ-ขายหุ้น โดยขอชี้แจงเหตุผลดังนี้
1. เนื่องจากมีจำนวนสมาชิกมากกว่า 3 หมื่นราย ทำให้การควบคุมมีการผิดพลาด ได้รับความเสียหายจากการจ่ายปันผลซ้ำของรายสัปดาห์ และการจ่ายปันผลครบ 17 สัปดาห์ จึงจำเป็นต้องใช้เวลาในการตรวจสอบและแก้ไข จำนวนรายชื่อที่มีอยู่ในระบบทั้งหมด ทั้งระบบไทยและมาเลย์ ให้สอดคล้องกัน จำเป็นต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ และแก้ไขข้อมูลต่างๆให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ตามวันและเวลาที่กำหนด
2. เครื่องจักรที่ได้ดำเนินการสั่งซื้อจากต่างประเทศได้เข้ามาเต็มรูปแบบครบตามจำนวนที่วางไว้ 5 เครื่อง ในเดือนธันวาคม 2559 เพื่อจะได้ดำเนินการสร้างผลผลิตให้กับบริษัท เป็นไปตามแผนงานที่บริษัทกำหนดผลผลิตไว้
3. บริษัทไม่มีนโยบายรับสมัครสมาชิกใหม่เพิ่ม หลังจากที่ได้มีการแก้ไขและปรับปรุงระบบให้เสร็จสิ้นในครั้งนี้ เพื่อบริษัทจะได้ดูแลสมาชิกเก่าได้อย่างทั่วถึง
ดังนั้นทางบริษัท จึงขอยติการรับซื้อ-ขายหุ้น เป็นระยะเวลาชั่วคราว โดยเริ่มตั้งแต่ วันที่ 13 พฤศจิกายน 2559 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2560
หมายเหตุ สมาชิกที่ลงทุนหุ้นตั้งแต่วันที่ 29/10/59 -4/11/59 (รับรอบแรก) จะได้ปันผลวันที่ 13/11/59 และรับปันผลรายสัปดาห์ในรอบถัดไปวันที่ 5/1/60 สมาชิกที่ลงหุ้นตั้งแต่วันที่ 5/11/59 -12/11/59 (รับรอบแรก) จะได้ปันผลวันที่ 15/11/59 และรับปันผลรายสัปดาห์ในรอบถัดไปวันที่ 6/1/60 ค่าประสานทั้งหมดที่ตกค้าง บริษัทจะทำการจ่ายให้ใน วันที่ 5/1/60
ท่านดาโต๊ะ Amran และท่านประธาน อับดุลรอแม มะอีลา มีความตั้งใจเป็นอย่างยิ่งในการรับผิดชอบครั้งนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เพื่อนสมาชิกจะให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจกับบริษัทอีกต่อไป... ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกๆท่าน มา ณ ที่นี้ด้วย ลงชื่อ นายอับดุลรอแม มะอีลา ประธานบริษัท Kesumakota Thailand
นี่คือรายละเอียดที่บริษัทฯแจ้งแก่สมาชิก แต่ปรากฏว่าเงินปันผลวันที่ 11-13 พ.ย. ที่นัดไว้ ไม่มีการโอนเข้าบัญชีสมาชิกตามเคย...คงไม่ต้องบอกว่าบรรยากาศนักลงทุนหวังรวยลัดจะเป็นเช่นไร...คนที่ได้คืนมาบ้างแล้วเพียงรอลุ้นว่าที่เหลือจะได้อีกหรือเปล่า ทางกลับกันคนที่เพิ่งลงทุนเป็นแสนเป็นล้าน ป่านนี้คงนอนมือก่ายหน้าผาก รอว่าวันที่ 5- 6 มกราฯปีหน้า ท่านดาโต๊ะ แห่งมาเลย์จะว่าไง
ชะตากรรมนี้คงฝากใครไม่ได้นอกจาก “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่รับผิดชอบ อาทิ กระทรวงการคลัง กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตำรวจเศรษฐกิจ หรือกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ศอศ.)
ช่องว่างของกฎหมาย ผสมกับความโลภของคน จะแก้ไขกันอย่างไรดีครับ ท่านนายกฯ !!??