คุณผีที่รัก ตอนที่ 2
อัฐชัยกับพิมพ์ดาวเดินเข้ามาในห้างสรรพสินค้า อัฐชัยกำลังคุยโทรศัพท์ลูกโป่ง
“ก็อาจารย์ยกเลิกคลาสแล้ว ขอฉันกับดาวแวะหาอะไรกินก่อนได้มั้ย… รู้น่าว่าต้องกลับไปคุยงาน….ห๊า ว่าอะไรนะ ลูกโป่ง ไม่ได้ยินเลย ฮัลโหลๆ โอเคนะ เดี๋ยวรีบไป”
อัฐชัยทำเป็นไม่ได้ยิน อัฐชัยกดตัดสายเลย แล้วหันมายิ้มให้พิมพ์ดาว
“เห็นมั้ยล่ะ ลูกโป่งไม่ว่าอะไรสักคำ”
“ไม่ว่าเลย” พิมพ์ดาวรู้ทันประชด
“เอาน่า เดี๋ยวซื้อขนมไปปิดปากก็เรียบร้อย..ไป เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง อยากกินอะไร เต็มที่”
“เดี๋ยวจะถล่มให้กระเป๋าฉีกคอยดู”
อัฐชัยเดินนำไป พิมพ์ดาวมองอย่างหมั่นไส้
พิมพ์ดาวกับอัฐชัยเดินเลือกร้านอาหารมาด้วยกัน พิมพ์ดาวสนใจร้านหนึ่ง เป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนหรู ตกแต่งร้านสวยงาม แต่ละโต๊ะถูกจัดวางครบเซ็ท ผ้าปูขาวสะอาด จานสีขาวเรียงเป็นชั้นๆ มีแจกันดอกไม้เล็กๆกลางโต๊ะ
“ฉันอยากกินร้านนี้”
“ร้านอื่นเถอะ”
“ไหนบอกว่าร้านไหนก็ได้ ทำไม กลัวกระเป๋าฉีก”
“ไม่ได้กลัว แต่ร้านนี้ฉันตั้งใจจะพาน้ำมนต์มากิน อาทิตย์ก่อนน้ำมนต์เห็นโฆษณาร้านนี้ในนิตยสาร แล้วเปรยๆว่าไม่เคยกินร้านหรูๆอย่างนี้เลยในชีวิต ฉันก็เลยคิดจะพามาเซอร์ไพร้ส์”
“ฉันก็ไม่เคยกินเหมือนกัน”
“งั้นไปร้านอื่น ร้านแนวนี้มีอีกเยอะแยะ”
“ฉันอยากกินร้านนี้” พิมพ์ดาวเสียงเข้ม
“ก็ได้ งั้นแกเข้าไปกินคนเดียว เดี๋ยวฉันไปกินร้านอื่น”
“อะไรนะ”
“ฉันตั้งใจจะกินร้านนี้กับน้ำมนต์ครั้งแรก ฉันก็จะทำตามที่ตั้งใจ”
“ฉันไม่กินแล้ว”
พิมพ์ดาวสะบัดหน้าเดินแยกออกไปเลย อัฐชัยงง
“อ้าว เป็นอะไร”
พิมพ์ดาวเดินงอนออกไป อัฐชัยตามมา
“แกเข้าใจหน่อยดิ ฉันตั้งใจไว้แล้วว่าจะพาน้ำมนต์มากินเป็นคนแรก ฉันก็อยากทำตามที่ตั้งใจ”
“แล้วตั้งใจจะพาน้ำมนต์มาที่ห้างนี้ด้วยมั้ย ฉันจะได้รีบออกไป”
“จะประชดทำไม”
“ไม่ได้ประชด...ถาม”
“ก็แค่ขอให้เปลี่ยนไปกินร้านอื่นแค่นี้ ฉันทำอะไรผิด แกจะมาโกรธอะไรฉัน แล้วทำไมฉันจะต้องง้อแกอย่างกับแฟนด้วยเนี่ย”
พิมพ์ดาวตกใจ ฉุนกลบเกลื่อน
“ใครเป็นแฟนแก อย่ามาพูดซี้ซั้วให้ฉันเสียหายนะ ฉันไม่ได้คิดอะไรกับแก อย่าหาเรื่อง”
“ฉันพูดเล่น แกจะจริงจังอะไร”
“ก็...ไม่ชอบ...เดี๋ยวคนแถวนี้เข้าใจผิด แล้วจะไม่กล้าเข้ามาจีบ”
พิมพ์ดาวเชิ่ด เดินนำเข้าไป แล้วชะงัก หันกลับมา
“จะยืนอีกนานมั้ย ฉันหิว”
อัฐชัยงง ตามอารมณ์ไม่ทัน
“อารมณ์แปรปรวนนะวันนี้”
พิมพ์ดาวตัดบท
“พูดมาก...มิน่ายัยน้ำมนต์ถึงไม่ยอมรับรักซะที”
พิมพ์ดาวเดินเข้าไปเลย อัฐชัยงง
ค่ำคืนนั้น...พีระยกอาหารมาเสิร์ฟเป็นข้าวผัดที่สีสวยน่ากิน
“ว้าว ข้าวผัด” ข้าวต้มตื่นเต้น
“นายไปเอาของพวกนี้มาจากไหน” น้ำมนต์แปลกใจ
“ผักเก็บจากข้างรั้วบ้าน เอามาผัดกับไข่ที่คาอยู่ในตู้ ถ้าคุณซื้อเนื้อสัตว์มาติดบ้านไว้นะ รับรองว่าผมเนรมิตให้เด็ดกว่านี้อีก”
“ก่อนตายเป็นพ่อครัวเหรอ แต่ดูโหงวเฮ้งแล้ว ไม่น่าใช่ ..นายเหมือนพวก...”
“พวกอะไร”
“พวก..เกรียนหัดกุ๊ย”
“ปากจัดไม่ใช่เล่นเลยนะยัยน้ำเปล่าปลุกเสก”
น้ำมนต์กับพีระตั้งท่าจะเถียงกัน อยู่ๆข้าวต้มร้องขัดขึ้นมา
“อิ่มแล้ว”
พีระกับน้ำมนต์หันมา ข้าวต้มกินเกลี้ยงจานแล้ว
“เฮ้ย” พีระกับน้ำมนต์ตกใจ
“พี่น้ำมนต์ไม่กินเหรอครับ” ข้าวต้มถาม
“พี่ไม่หิว”
“อย่ามาฟอร์ม กลัวกินแล้วติดใจอ่ะดิ”
“ไม่มีทาง”
“งั้นก็ลองสิครับ...หรืออยากให้ผมป้อน” พีระแหย่
“ฉันกินเองได้”
น้ำมนต์ตักมากิน พอสัมผัสรสชาติก็ตาเบิกโตเพราะอร่อย แต่ก็ทำเป็นฝืนๆกิน เพราะไม่อยากให้พีระได้ใจ
“อร่อยใช่มั้ย” พีระถาม
“ยังกับกรวดตากแดด...โชคดีที่ฉันเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย ก็พอจะฝืนๆกินได้”
พีระกับข้าวต้มร้องออกมาพร้อมกัน
“เหรอ”
“ข้าวต้ม เดี๋ยวนี้ชักจะสามัคคีกับคนแปลกหน้ามากไปแล้วนะ”
น้ำมนต์ทำหน้าบึ้ง พีระจ้องอย่างยิ้มๆ
“แล้วนายไม่กินหรือไง”
“ผมไม่หิว...เอาจริงๆคือผมไม่หิว ไม่ปวดฉี่ ไม่ปวดอึ ไม่ง่วงด้วย” พีระรีบดักคอ “แต่...ผมเหนื่อยเป็น ต้องพักผ่อนเหมือนกัน อย่าคิดจะใช้ผมทำงานทั้งวันทั้งคืน”
“เชอะ”
น้ำมนต์เสไปกินข้าวต่อ พีระจ้อง ยิ้มๆ
ในขณะที่ด้านในบ้านกำลังแซวน้ำมนต์ที่กำลังกินข้าว หัวเราะคิกคัก ที่บริเวณด้านนอกบ้าน ผีเด็กกุมารคู่ปรากฏกายขึ้นมา ทั้งสองหน้าตาดุดัน ไม่เป็นมิตร ยืนมองอยู่ จ้องไปที่พีระ แล้วทั้งคู่ก็หันมามองกัน พยักเพยิดให้กันไปกันมา จนกระทั่งข้าวต้มเห็นเหมือนมีคนยืนอยู่ เลยเดินแยกออกมามองหน้าต่างตรงนั้น ทั้งสองกุมารตกใจ หายแว่บไป น้ำมนต์สงสัย
“มองอะไรข้าวต้ม”
ข้าวต้มงง คิดว่าตาฝาด
“อื้ม เปล่าครับ”
น้ำมนต์ห่มผ้าให้ข้าวต้มที่นอนหลับไปแล้ว น้ำมนต์กำลังจะขึ้นไปนอนข้างๆกัน แต่พอล้มตัวลงนอน จะห่มผ้า ผ้าห่มกลับถูกดึงพรวดออกไป...พีระนั่นเอง
“นี่...”
“ไหนบอกจะช่วยสืบเรื่องของผม แล้วจะนอนได้ไง”
“คุณผีคะ นี่มันกี่โมงแล้วค่ะ พรุ่งนี้ฉันต้องตื่นเช้าไปส่งข้าวต้ม ไปเรียน ให้มันรู้เวล่ำเวลาหน่อยสิ” น้ำมนต์ดึงผ้าห่มคืนมา
“ผมมีเวลาไม่มากนะคุณ”
“ออกไป ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าห้ามบุกรุกชั้นบนเด็ดขาด หรืออยากโดน”
น้ำมนต์ หยิบกระเป๋าส่วนตัวที่มีผ้ายันต์
“สืบตอนนี้เลยได้มั้ย ผมไม่ง่วงอ่ะ ไม่ง่วงไม่หิว ไม่ปวด ฉี่ไม่ปวดอึ ผมไม่อยากปล่อยเวลาไปเฉยๆ”
“แต่ฉันง่วง”
“น้า...” พีระทำแววตาอ้อน
น้ำมนต์เด้งขึ้นมานั่ง เอาผ้ายันต์ขู่
“ฉัน-จะ-นอน”
“น้า...” พีระอ้อนอีก
“ออก-ไป” น้ำมนต์ชูผ้ายันต์ใกล้ขึ้น
“คนใจร้าย”
พีระจ๋อย ทำหน้างอน ไม่มีทางเลือก จำยอมถอยเดินออกไป พีระเดินไป แล้วชะงักหันมา ไม่ยอมออกไปซะที
“พรุ่งนี้เช้าแน่นะ...ห้ามเบี้ยวนะ...สัญญา”
น้ำมนต์รำคาญที่พีระยึกยักไม่ออกไปสักที เลยลุกพรวดขึ้นมาพร้อมผ้ายันต์ พุ่งเข้าจะแปะพีระ
“ออกไป”
พีระร้องจ๊าก รีบพรวดออกไปทันที น้ำมนต์หงุดหงิด เซ็ง เอาผ้ายันต์แขวนไว้กับตะขอของประตู
“ทำไมฉันต้องมาเจอผีบ้าๆนี่รังควานด้วย”
พีระเดินออกมาจากห้องนอน ยืนบ่นหน้าห้อง
“กว่าจะเช้า อีกตั้งหกเจ็ดชั่วโมง...คุณไม่รู้หรอกว่าผมมีเวลาน้อยแค่ไหน”
อยู่ๆมีอะไรแว่บผ่านด้านข้างไป พีระหันขวับไปมอง แต่ไม่เห็นแล้ว
“ใคร”
พีระเดินตามออกมาอีกด้าน มีเสียงตึงตังดังมาจากในครัว พีระรีบตามเข้าไปมอง แต่ก็ไม่พบอะไร มีเพียงแค่กระทะตะหลิวที่แขวนอยู่กับตะขอที่ผนังแกว่งอยู่ เหมือนมีใครมาแกว่งมันและเพิ่งจะหยุดแกว่งไป...ที่ใต้โต๊ะซึ่งมีผ้าคลุมมีเท้าเด็กกุมารคู่สีซีดหลบซ่อนอยู่ ดวงตาของมันสีแดง น่ากลัว พีระกำลังจะเดินตรงเข้าไป แต่อยู่ๆต้องผงะ...แมนสรวงยืนเท้าผนังจ้องหน้าพีระอยู่
“เฮ้ย” พีระสะดุ้ง
“ฉันมีข่าวดีมาบอก”
แมนสรวงวิ่งหนีลงมาจากชั้นบน พีระไล่เตะ
“เฮ้ยๆ ฉันเป็นผู้ดูแลนายนะ ให้มันเคารพนบนอบฉันหน่อยสิเว้ย”
“ฉันจะเคารพนายให้จุกเลย...” พีระกระโดดเข้าล็อกคอด้วยแขน “เป็นผู้ดูแล แต่ปล่อยให้ไอ้หมอผีโหดมาเล่นงานฉันซะแทบแย่...ถ้าฉันตายไปจะว่าไง”
“แกตายแล้ว ตายอีกไม่ได้”
“ย้อนเหรอ ฉันหมายถึงโดนไอ้หมอผีจับไปกักขังหน่วงเหนี่ยวใช้เร่หากินเว้ย”
“โอ๊ย...ฟังก่อน ฉันไม่ได้หายไปเที่ยว ฉันไปหาข้อมูลเรื่องของนายมาให้ไง...เดี๋ยวก็ไม่บอกเลย”
“ข้อมูลอะไร” พีระชะงัก
พีระปล่อยแมนสรวง
“นายถูกฆาตกรรมจริงๆ”
“ใครเป็นคนฆ่า”
“ไม่รู้”
“เขาฆ่าฉันทำไม”
“ไม่รู้”
“มีอะไรที่นายรู้อีกบ้าง บอกมาให้หมด”
“นายถูกฆาตกรรม...จบ”
“นายทิ้งฉันไว้ตั้งนาน แต่ได้ข้อมูลมาแค่นี้เนี่ยนะ”
พีระโวย จะไล่เตะต่อ แมนสรวงวิ่งหลบ
“ได้น้อยก็ดีกว่าไม่ได้ การที่ฉันแอบไปเอาข้อมูลมาบอกนาย...มันผิดกฎ ถ้าถูกจับได้...ฉันจะถูกตัดคะแนน เผลอๆอาจถูกลดเกรด ปลดออกจากงานที่ทำ”
“กลัวตกงาน...จะทำงานเก็บเงินไปสร้างบ้านให้พ่อให้แม่อยู่เหรอ...ลืมไปหรือเปล่าว่านายตายแล้ว”
“ฉันไม่ได้ทำเพื่อเงิน แต่ฉันทำเพื่อ...” แมนสรวงชะงักไป “อย่างอื่น”
“อย่างอื่น...อะไร” พีระงงๆ
“ไม่ต้องยุ่ง”
พีระปะติดปะต่อข้อมูล
“อ๋อ แสดงว่าที่นายมาดูแลฉัน เพราะถ้านายช่วยฉันสำเร็จ ก็จะได้อะไรสักอย่างนึงตอบแทน แล้วมันก็ต้องสำคัญมาก ใช่มั้ย”
“นายรู้แค่ว่าฉันจะช่วยให้นายหาทางกลับร่างให้ได้ก็พอ”
ทันใดนั้น มีเสียงก๊องแก๊งดังมาจากอีกด้านของตัวบ้าน พีระกับแมนสรวงชะงัก
“เสียงใคร...เดี๋ยวนะ ตะกี้ใช่นายหรือเปล่าที่ผลุบๆโผล่ๆอยู่ในบ้าน”
แมนสรวงส่ายหน้า
“ไม่ใช่”
“งั้นใคร”
“รู้สึกว่าจะมีแขกไม่ได้รับเชิญ”
พีระกับแมนสรวงเดินอ้อมมาอีกด้าน มีอะไรบางอย่างเคลื่อนหลบผ่านไป
“แกต้องการอะไร ฉันรู้ว่าแกอยู่แถวนี้ ออกมา” พีระตะโกนไป
แมนสรวงกวาดตามอง
“เท่าที่ฉันสัมผัสได้ ไม่ได้มาดี เจตนาไม่บริสุทธิ์ และไม่ได้มีแค่หนึ่ง นายควรระวังตัวด้วย”
“ฉันก็ระวังอยู่”
พีระหันมาอีกที ผีกุมารยืนเผชิญอยู่ แววตาของมันสีแดง น่ากลัว
“เด็กน้อย...มาทำอะไรที่นี่ ต้องการอะไร”
พีระจะเข้าไปหา แมนสรวงรีบห้าม
“พีระ นายอย่าเข้าไป”
“อยากให้ฉันช่วยอะไรหรือเปล่า บอกมา” พีระถาม
“ฉันว่านายถอยออกมาก่อนดีกว่า”
ไม่ทันขาดคำของแมนสรวง อยู่ๆผีกุมารก็โผล่มาจากด้านหลัง กระโดดขี่หลังพีระ แล้วแยกเขี้ยวงับลงไปที่คอ
“โอ๊ย”
จากนั้นผีกุมารอีกตัวก็พุ่งเข้ามากัดพีระที่แขน
“โอ๊ย”
พีระพยายามดิ้น จะดึงออก แต่ผีทั้งคู่เหนียวแน่น ไม่ยอมปล่อย
“เจ็บนะ ปล่อย...แมนสรวง ช่วยด้วยสิวะ”
“กะแค่ผีเด็ก ต้องให้ฉันช่วยด้วยเหรอ...แกนี่มันกระจอกจริงๆ ไอ้หนู ปล่อย”
แมนสรวงเข้ามาดึงผีเด็กออก แต่ไม่หลุด พีระร้องลั่น
“เบาๆ แขนฉันๆ”
“จะปล่อยดีๆหรือต้องให้ใช้กำลัง”
ผีกุมารผละจากพีระ แล้วหันมางับแมนสรวงแทน
“โอ๊ย”
ผีตัวที่เกาะหลังพีระ ก็เข้ามางับแขนแมนสรวงอีกคนด้วย
“โอ๊ย...พีระช่วยด้วย”
“กะแค่ผีเด็ก ต้องให้ช่วยด้วยเหรอวะ กระจอกจริงๆ”
พีระจะเข้าไปช่วย ผีเด็กผละออกจากแมนสรวง ผลักพีระกระเด็น แล้วมันทั้งคู่ก็วิ่งหนีหายไป
“พวกมันเป็นใคร”
แมนสรวงหน้าเครียด
“มีคนส่งมันมา”
อาจารย์เทพลืมตาขึ้นมา
“มันยังอยู่บ้านนั้นอีกเหรอ”
ผีกุมารคู่พยักหน้าพร้อมกัน เกี๊ยงหน้าตื่น
“อ้าว งั้นก็แสดงว่าผ้ายันต์ของจารย์เทพ ไม่ได้เรื่องน่ะสิครับ”
“ได้เรื่องเว้ย นังเด็กเจ้าของบ้าน อาจจะเอาออก หรือไม่ก็เผลอไปทำให้อาคมฉันเสื่อม ผีมันถึงกลับมาได้”
“แล้วจะให้รายงานคุณอัฐชัยยังไงดีครับ เงินก็รับมาแล้ว ถ้าบอกไปว่าผีมันยังกลับมาวนเวียน เขาจะหาว่าจารย์เทพห่วยนะครับ”
“ถ้ามันไม่ถามก็ไม่ต้อง มันไม่ใช่ความผิดเรา”
“งั้นเกี๊ยงไม่บอกดีกว่า ให้มันรู้เอง แล้วมาจ้างจารย์เทพไปไล่ผีอีก รับเงินอีกต่อ สบายๆ”
“เกี๊ยง แกนี่มันฉลาดมาก”
“ลูกศิษย์ใครก็ฉลาดเหมือนจารย์นั่นแหละครับ”
แมนสรวงเดินหนีมา พีระวิ่งมาขวาง
“ฝีมือไอ้หมอผีโหดเหรอ”
“ฉันไม่รู้ รู้แต่ว่าผีเด็กคู่นั้นมันเกิดจากไสยดำ อำนาจมืด คนที่ทำอย่างนี้ได้ก็ต้องศึกษามาทางด้านนี้ ...นายนี่เก่งจริงๆ ไม่ทันไรก็มีศัตรูได้ซะแล้ว”
“ฉันไม่ได้รู้จักมันมาก่อนเลย ทำไมมันต้องทำอย่างนี้”
“ก็อาจจะมีใครจ้างมันน่ะสิ ฉันว่านายรีบหาทางกลับเข้าร่างให้เร็วๆดีกว่า”
“ฉันจะเริ่มสืบจากอะไร”
“คนเราตายแล้วเอาอะไรไปด้วยไม่ได้จริงๆ สมองยังเอามาไม่ได้เลย”
“เฮ้ย” พีระรู้ว่าถูกด่า
“การฆาตกรรม มันเป็นคดีความ ลองคิดสิคิด ว่าจะหาข่าวคดีความจากไหน”
“อ๋อ จากเซเว่น”
แมนสรวงชักสีหน้า พีระยิ้ม
“แน้...ฉันล้อเล่น รู้น่าว่าต้องไปถามจากสถานีดับเพลิง”
“เออ ตลกให้ตลอดนะ...นายเหลือเวลาอีกแค่ 29 วัน ต่อรองไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว ถ้ากลับร่างไม่ได้ นายได้เป็นผีเซเว่นอีเลฟเว่นแน่”
แมนสรวงเดินแยกออกไป ขึ้นขี่มอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่พีระตามไป
“เฮ้ยๆ แล้วนายจะไปไหน ไม่อยู่ช่วยฉันเหรอ”
“ฉันไม่ใช่เห็บที่ต้องเกาะติดตัวนายตลอดเวลา ถ้าอยากให้ช่วยอะไร ก็เรียก”
แมนสรวงขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป พีระตะโกนตาม
“แล้วจะให้ฉันเรียกยังไง เอาเบอร์โทรมาเซ่”
มอเตอร์ไซค์หายไป พีระเซ็ง แล้วอยู่ๆมอเตอร์ไซค์กลับแล่นเข้ามาจากด้านหลังพีระ มาจอดข้างๆ แมนสรวงดีดติ่งหูพีระ
“มีปากมั้ย ถ้ามี ก็เห่าเรียกให้ดังๆ”
แมนสรวงขี่รถออกไปอีกรอบ
พีระวิ่งมาที่หน้าห้องนอน จะเปิดเข้าไป แต่ทันทีที่สัมผัสประตู ก็ต้องสะดุ้งโหยง
“โอ๊ย หน็อย เอาผ้ายันต์ติดไว้เหรอ” พีระตะโกนเรียก “ยัยน้ำเปล่าปลุกเสก”
พีระไปหยิบขวดน้ำที่อยู่แถวนั้นมา แล้วเขวี้ยงใส่ประตู เขวี้ยงซ้ำๆ น้ำมนต์รู้สึกตัว ไม่อยากจะลุกขึ้นมา
“อะไรอีกเนี่ย”
น้ำมนต์เอาผ้าห่มคลุมหัว พยายามอดทน แต่สุดท้ายก็ทนเสียงดังไม่ได้ ลุกไปเปิดประตู ทันทีที่เปิด พีระก็เขวี้ยงขวดน้ำพอดี...” ขวดน้ำเข้าหน้าน้ำมนต์
“โอ๊ย...อะไรของนาย”
“ผมถูกฆาตกรรม เราต้องเริ่มสืบจากข่าว ต้องมีข่าวเกี่ยวกับการฆาตกรรมผมแน่ๆ”
“ถ้ารอเช้าไม่ได้ ก็ไปให้คนอื่นช่วย”
น้ำมนต์จะปิดประตู พีระเอาขวดน้ำขวางประตูไว้
“ถ้าคนอื่นมองเห็นผม ผมก็ไม่ง้อคุณหรอก”
“งั้นก็อย่าทำให้ฉันโมโห ไม่งั้นฉันไม่ช่วยนายแน่”
น้ำมนต์กระชากขวดน้ำมา เขวี้ยงใส่พีระ แล้วปิดประตู...ปัง พีระยืนจ๋อยหน้าห้อง
พีระเอาขวดน้ำเคาะประตูห้องนอนเคาะๆ
“เช้าแล้ว”
น้ำมนต์เปิดประตูออกมา ยื่นนาฬิกามาตรงหน้า
“นี่มันตีห้า เช้าตรงไหน”
“ก็ไก่ขันแล้ว ฟังดิ”
“ฉันไม่ใช่ไก่ ฉันจะตื่นหกโมง”
น้ำมนต์เขวี้ยงนาฬิกาใส่ พีระรับไว้พอดี น้ำมนต์ปิดประตู...ปัง
นาฬิกาบอกเวลาหกโมงตรง...พีระนอนมองนาฬิกาอยู่ที่โซฟาโถงชั้นล่าง
“หกโมงแล้ว”
พีระกำลังจะขึ้นไป แต่น้ำมนต์เดินหาวสวนลงมาก่อน ถือผ้าเช็ดตัวมาด้วย
“เริ่มสืบเรื่องของผมได้ยัง”
น้ำมนต์ชี้หน้าพีระ โบกมือไล่ให้ถอยไป และจะเดินไปเข้าห้องน้ำ พีระขยับตาม
“คุณ...”
“หยุด...ฉันจะอาบน้ำ...อย่าทะลึ่ง”
“อ๊ะๆ จะอาบน้ำหรา...” พีระตาเคลิ้ม กะล่อน “รู้หรือเปล่าว่า...ผมเดินทะลุผนัง ประตูได้หมดเลย หุๆ”
น้ำมนต์หยิบผ้ายันต์ออกมาชูใส่หน้า พีระผงะถอยไป น้ำมนต์ลอยหน้าเยาะเย้ย ท้าทาย
“ลองเข้ามาสิ”
น้ำมนต์เอาผ้ายันต์แขวนไว้ที่ลูกบิดประตู พีระเซ็ง
“ผมไม่ดูคุณหรอก รีบๆอาบรีบๆออกมาช่วยผมเร็ว”
ข้าวต้มกินข้าวต้มอยู่ พีระยืนมองอยู่ น้ำมนต์แต่งตัวเสร็จแล้ว รีบวิ่งเข้ามา
“ข้าวต้ม ไปเร็ว สายแล้ว”
“เดี๋ยวๆ ยังไม่หมดๆ”
น้ำมนต์มาลากข้าวต้มไป ข้าวต้มยกชามข้าวไปด้วย พยายามกินต่อไป พีระรีบมาขวางหน้าน้ำมนต์
“ไหนบอกว่าเช้าแล้วจะช่วยผม...จะไม่รักษาสัญญาเหรอ จะผิดคำพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกเหรอ...ข้าวต้ม ดูพี่สาวนายไว้เลย”
“นี่ ไม่ต้องฟ้อง...ฉันช่วยแน่ แต่ขอจัดการธุระให้เสร็จก่อนได้มั้ย”
“พี่น้ำมนต์รับปากแล้ว เค้าเป็นพยานให้”
“จริงนะ เกี่ยวก้อยๆ”
พีระยื่นนิ้ว ข้าวต้มเกี่ยวก้อยตอบกับพีระ น้ำมนต์ลากข้าวต้มออกไป
น้ำมนต์จูงข้าวต้มออกมา แต่พบว่าอัฐชัยยืนรออยู่แล้ว ด้านนอกมีคนของพ่อยืนรออยู่
“ผมแวะมาดูว่าน้ำมนต์เป็นไงบ้าง...เมื่อคืนหลับสบายมั้ย ไอ้ผีตัวนั้นกลับมารังควานอีกหรือเปล่า”
พีระโผล่มาข้างๆอัฐชัยเลย
“เปล่า ไม่มีใครรังควานคุณเลยเนอะ”
“ยืนอยู่เนี่ย” น้ำมนต์ชี้พีระ
“เฮ้ย...” พีระหน้าตื่น
“จริงเหรอ...หนอย ไอ้ผีดื้อด้าน อยากลองดีใช่มั้ย งั้นวันนี้ผมจะตามอาจารย์เทพมาจับมันใส่หม้อเอาไปถ่วงน้ำให้ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกเลย”
อัฐชัยหยิบโทรศัพท์ออกมากด น้ำมนต์ตกใจที่อัฐชัยเอาจริง รีบห้าม
“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกอัฐ เขาไม่ได้จะทำร้ายอะไรฉัน”
“มันขู่น้ำมนต์ใช่มั้ย...หนอย ไอ้ผีร้าย น้ำมนต์ไม่ต้องกลัวนะ ผมจะทำทุกอย่างให้มันออกไปจากบ้านนี้ให้ได้ คนกับผีอยู่ร่วมกันไม่ได้ ฮัลโหล อาจารย์เท...”
น้ำมนต์ตะปบมือมืออัฐชัยไว้ ไม่ให้คุย
“ฟังก่อน...ฉันล้อเล่น ไม่มีอะไรหรอกฉันแค่ อยาก...เอ่อ...อยาก...”
“อยากอะไร” อัฐชัยมองหน้า
“อยากทดสอบดูเฉยๆว่านายจะห่วงฉันมากแค่ไหน” พีระพูดนำ
น้ำมนต์บ้าจี้ พูดตามพีระ
“อยากทดสอบดูเฉยๆ ว่านายจะห่วงฉันมากแค่ไหน”
น้ำมนต์ตกใจที่เผลอพูดตามพีระออกไป พีระยิ้มๆขำๆ อัฐชัยดีใจ
“น้ำมนต์พูดจริงๆเหรอ”
“เราไปส่งน้องก่อนนะ” น้ำมนต์ตอบเลี่ยงๆ
น้ำมนต์พาข้าวต้มเดินออกมาที่ด้านนอก เจอรถตู้ของอัฐชัยจอดอยู่ สมุนอัฐชัยผายมือ
“เชิญครับ”
น้ำมนต์งงที่อยู่ๆถูกเชิญขึ้นรถ อัฐชัยตามออกมา
“เดี๋ยวให้ลูกน้องของพ่อไปส่งข้าวต้มนะ แล้วตั้งแต่พรุ่งนี้ไป อัฐจะออกค่าจ้างรถโรงเรียนมารับให้ น้ำมนต์จะได้ไม่ต้องเหนื่อยไปรับไปส่งเองอีก...อย่าปฏิเสธเลย บ้าน โรงเรียน มหาวิทยาลัย อยู่คนละทิศหมด ถ้าต้องไปส่งข้าวต้มทุกเช้า ก็ไม่มีทางไปเรียนทัน และถ้าต้องไปรับทุกเย็น แล้วจะไปถ่ายรายการได้ยังไง”
“แต่เราไม่อยากรบกวน”
“คิดว่าเป็นของขวัญจากเพื่อนคนนึง ที่เป็นห่วงน้ำมนต์มากๆก็แล้วกันนะ”
“ก็ดีเหมือนกันนะ คุณจะได้มีเวลามาช่วยผมมากขึ้น” พีระรีบบอก
ข้าวต้มไหว้ทันที
“ขอบคุณครับพี่อัฐ เค้าอยากไปโรงเรียนเองนานแล้ว เพื่อนๆจะได้เลิกล้อเค้าซะทีว่าเป็นลูกแหง่ ต้องให้แม่มาส่ง ตกลงตามนี้นะพี่น้ำมนต์”
ข้าวต้มเดินไปที่รถของลูกน้องอัฐชัยเลย น้ำมนต์จำต้องยอมรับความช่วยเหลือ
“ขอบใจนะอัฐ”
พีระกับอัฐชัยหันมาพูดกับน้ำมนต์พร้อมกัน
“จะช่วยผมได้ยัง”
อัฐชัยพูดพร้อมกับพีระอีก
“เราไปเรียนกันเถอะ”
พีระหันขวับมองอัฐชัย หาเรื่องๆ แล้วหันมามองน้ำมนต์ว่าจะเลือกใคร
“คุณเป็นคนดีคุณต้องเลือกผม ใช่มั้ย”
รถของอัฐชัยแล่นฉิวผ่านไป พีระวิ่งตามออกมา
“ยัยน้ำเปล่าปลุกเสก”
พีระไล่ตามไม่ทัน ฉุน
“หน็อย ทิ้งกันเฉย...” พีระมองหาไปรอบๆ “แมนสรวง...อยู่ไหน ออกมาหน่อย ได้ยินมั้ย ไอ้ยมทูตกระจอก ไอ้ผีสอบตก”
แมนสรวงขี่มอเตอร์ไซค์พุ่งเข้ามา จะพุ่งชน พีระตาเหลือก
“เฮ้ย เบรกๆ”
แมนสรวงเบรก แทบจะชนพีระอยู่แล้ว
“ตามรถนายอัฐชัยไป เร็ว”
แมนสรวงยกมือห้ามไม่ให้พีระขึ้นซ้อน แล้วเตะขาสูงลงมายืนพิงรถเท่ๆ
“นายเห็นฉันเป็นวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างหรือไง ดูรถ ดูการแต่งตัว”
พีระไม่รอฟัง ผลักแมนสรวงออก แล้วขึ้นไปขี่มอเตอร์ไซค์ขี่ออกไป แมนสรวงตกใจ
“เฮ้ย...ไม่มีมอเตอร์ไซค์แล้วฉันจะเอาที่ไหนมาเท่ล่ะ”
รถของอัฐชัยแล่นเข้ามาในมหาวิทยาลัย มอเตอร์ไซค์ของพีระแล่นตาม...
ในห้องเรียน วิชาดนตรีและละคร อัฐชัยกับน้ำมนต์เข้ามานั่งประจำที่ พิมพ์ดาวกับลูกโป่งมานั่งรอก่อนแล้ว พิมพ์ดาวหันไปถาม
“แกไปรับเพื่อนฉันถึงไหน กว่าจะมาได้”
“แวะหาอะไรกินรองท้องนิดหน่อย ทำไม มีปัญหาอะไรไม่ทราบ”
“เงียบๆอาจารย์มาแล้ว” ลูกโป่งหันมาดุ
อาจารย์เริ่มทำการสอนทันทีที่มาถึง
“วันนี้จารย์มีเพลงจะให้ฟัง...ทุกคนหลับตา เปิดหู เน้นว่า เปิดหู...ฟังดีๆแล้วเขียนบอกจารย์ทีว่ารู้สึกอะไร เห็นภาพอะไร และจะสามารถนำเพลงนี้ไปใช้ประกอบรายการโทรทัศน์รูปแบบไหนได้บ้าง”
อาจารย์กดเปิดเพลง แล้วก็หลับตาซึมซับกับเสียงดนตรี เป็นทำนองสบายๆ อารมณ์ธรรมชาติๆเสียงนกร้อง เสียงสายน้ำ...นักศึกษาอื่นๆหลับตาหมด พิมพ์ดาว ลูกโป่ง อัฐชัย น้ำมนต์หลับตา แต่อยู่ๆพีระเดินพุ่งเข้ามา
“ยัยน้ำเปล่าปลุกเสก”
น้ำมนต์สะดุ้ง ลืมตามอง เห็นพีระยืนตระหง่านกลางห้อง
“สรุปว่าจะช่วยผมมั้ย...เมื่อคืนบอกเช้า พอเช้าก็ติดนั่นติดนี่ คุณจะช่วยผมหรือไม่ช่วย”
น้ำมนต์ไม่อยากพูด พยายามโบกมือไล่พีระออกไป
“โบกทำไม เป็นตำรวจจราจรหรือไง จะเอาไงก็พูดมา จะให้ผมรอถึงเมื่อไหร่ ผมรอได้ แต่เอาให้มันแน่”
น้ำมนต์พยายามทำมือว่า โอเคๆ แต่ออกไปก่อน ไปๆ พิมพ์ดาวรู้สึกอะไรไหวๆ เลยลืมตามอง แล้วหันมาถามน้ำมนต์เบาๆ
“เป็นไร”
“เอ่อ...เมื่อย”
น้ำมนต์ทำเป็นบิดมือไม้แก้เมื่อย พิมพ์ดาวหลับตาต่อ น้ำมนต์มองไปจุดเดิม แต่ไม่พบพีระแล้ว อยู่ๆพีระโผล่มาข้างๆพูดใกล้ๆ
“สรุปว่าไง”
“เฮ้ย”
น้ำมนต์ตกใจ เผลอร้องและลุกยืนพรวด ทุกคนหันมามองจ้อง
“เอ่อ...คือ...ขอโทษค่ะ...อินกับเพลงไปหน่อย”
น้ำมนต์ยิ้มเจื่อนๆ นั่งลงที่เดิม ทำเป็นหลับตา เพื่อให้ทุกๆคนเลิกสนใจ อัฐชัยมองน้ำมนต์อย่างแปลกใจว่าเป็นอะไร พีระยังไม่หยุด
“ถ้าไม่ตอบผม ผมจะไม่ไปไหน ตอบผมมา...ตอบมา...ตอบมา”
อยู่ๆเสียงของพีระแทรกเข้าไปในเสียงเพลงธรรมชาติที่อาจารย์เปิดอยู่
“ตอบมา”
ทุกคนในห้องผงะ อาจารย์หันมาดุ
“ใครพูดคะ”
ทุกคนในห้องเงียบกริบ ไม่รู้เรื่อง พีระยกมือ
“ผมพูดเอง”
เสียงแทรกเข้าไปในวิทยุอีก
“ผมพูดเอง”
อาจารย์และทุกคนในห้องเริ่มใจคอไม่ดี
“จารย์ว่า...เราไปเรียนเรื่องอื่นกันดีกว่านะคะ”
พีระโผล่มาอยู่ข้างน้ำมนต์อีกรอบ
“อยากให้ผมป่วนห้องเรียนคุณยิ่งกว่านี้มั้ยล่ะ”
น้ำมนต์หงุดหงิดๆ
ในห้องคอมพิวเตอร์...น้ำมนต์นั่งอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่หน้าจอเป็นเว็บไซ้ต์กูเกิ้ล น้ำมนต์ป้อนข้อมูลเข้าไปในเวปกูเกิ้ลว่า “พีระ” ภาพการค้นหาข้อมูล เธอป้อนคำค้นใหม่ว่า “พีระ ฆาตกรรม”, “พีระ อุบัติเหตุ”, พีระ รถคว่ำ ฯลฯ น้ำมนต์พิมพ์URLของหนังสือพิมพ์ต่างๆ เพื่อเช็กข่าวเก่าย้อนหลัง เธอค้นหาหลายๆเว็บไซ้ต์หนังสือพิมพ์แต่ไม่พบเบาะแสอะไร
“ในกูเกิ้ล ในเว็บไซ้ต์หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ก็ไม่มีข่าวอุบัติเหตุอะไรที่จะเกี่ยวกับนายเลย”
“ผมบอกแล้วว่าต้องไปถามจากตำรวจ”
“ถามตำรวจ แล้วจะให้ฉันถามว่าไง มาขอข้อมูลการฆาตกรรมนายพีระ นามสกุลอะไรก็ไม่รู้ เกิดเหตุท้องที่ไหน วันไหน เมื่อไหร่ ก็ไม่รู้ งั้นเหรอ นายต้องมีเบาะแสอะไรสักอย่างให้ฉันสิ”
“จะเอาเบาะแสใช่มั้ย”
พีระยืนเก๊กหน้าโพสท่าเป็นนายแบบ จะให้น้ำมนต์ถ่ายรูปอยู่ที่มุมหนึ่งในมหาวิทยาลัย
“ทำอะไร”
“ถ่ายรูปผมสิ จะได้เอารูปผมไปถามกับตำรวจได้”
“เออจริง...” น้ำมนต์ยกกล้องขึ้นแต่ชะงัก “มุมนี้ตกแสง...มาทางนี้ดิๆ เอาภาพครึ่งตัวนะ เงยหน้าหน่อย เปิดปากนิดนึง มองกล้องด้วย”
“โอ๊ย จะอะไรมากมาย”
“ฉันท็อปวิชาถ่ายภาพแอ็ดว้านซ์นะ จะให้ถ่ายซื่อๆทื่อๆ ฉันทำไม่เป็น เอ้า...มุมนี้แหละ สามสี่”
น้ำมนต์กดถ่ายรูปรัวๆๆ3-4รูป แล้วดูรูปที่หน้าจอ ปรากฏว่าถ่ายไม่ติด
“ทำไมไม่ติด เป็นผีประสาอะไรถึงถ่ายรูปไม่ติด พวกคลิปผี ภาพถ่ายติดวิญญาณ มีตั้งเยอะตั้งแยะ...หัดเอาอย่างผีพวกนั้นบ้าง”
“ถ่ายรูปไม่ติดก็โดนด่าด้วย”
“ฉันจะถ่ายคลิป ถ้าไม่ติดอีก นายเจอแน่”
มุมสงบร่มเย็นในมหาวิทยาลัย...พีระยืนเป็นแบบ น้ำมนต์นั่งอยู่ที่ม้านั่งยาว กำลังใช้ดินสอวาดรูปหน้าพีระลงในกระดาษวาดรูป
“ท่านี้หรือท่านี้ดีกว่ากัน”
พีระเปลี่ยนท่าโพสต์เท่ๆไปเรื่อย
“จะยืนแหกขาหรือตีลังกาก็เรื่องของนาย...ฉันวาดแค่หน้า”
พีระมานั่งข้างๆมองหน้าน้ำมนต์
“วาดให้หล่อๆนะคุณ”
“ก็ตามสภาพหน้าของนายแบบนั่นแหละ”
น้ำมนต์วาดต่อไป พีระพิจารณาใบหน้าน้ำมนต์ จนเธอเริ่มเขิน
“เอาสายตาไปทางอื่น”
“อ้าว คุณวาดผม ผมก็ต้องมองคุณสิ...ทำไม...เขินเหรอ”
“เดี๋ยวเอาดินสอจิ้มตาเลย”
“โหดตลอดอ่ะ...โหดอย่างนี้ไม่รู้ว่านายอัฐชัยชอบไปได้ไง”
“เงียบ”
“นายอัฐชัยก็ดูใช้ได้นะ...รู้ว่าบ้านคุณมีผีก็พยายามจะช่วยเหลือ ตอนเช้ายังแวะมาดูแลอีก ถ้าคุณคบกับเขา ชีวิตคุณคงดีขึ้นเยอะ”
“แค่ไม่มีนาย ชีวิตฉันก็ดีขึ้นเยอะแล้ว”
“คุณชอบอัฐชัยหรือเปล่า”
น้ำมนต์วางดินสอ
“ถ้าพูดอีกคำเดียว ฉันไม่วาดแล้วนะ”
พีระหุบปากเม้ม น้ำมนต์วาดรูปต่อไป พีระยิ้มแฉ่ง หัวเราะคิกคักคนเดียว จนน้ำมนต์สงสัย
“หัวเราะอะไร”
พีระไม่ตอบ ลอยหน้าลอยตา มองน้ำมนต์ แล้วหัวเราะอีก
“มีอะไร พูดมานะ”
“เอ้า...คุณ วาดเฉยๆได้ป่ะ พูดอีกคำ ผมไม่เป็นแบบแล้วนะ”
น้ำมนต์เอาดินสอชี้
“ย้อนเหรอ”
“โหดตลอด” พีระมองรูปในกระดาษ “เฮ้ย ผมหน้าเรียวกว่านั้นตั้งเยอะ คิ้วผมก็เข้มกว่านั้น”
“เงียบ”
“ฝีมือคุณนี่มันใช้ไม่...”
น้ำมนต์วางดินสอ
“พูดอีกคำ ฉันเลิกวาดแล้วนะ”
พีระเซ็ง บ่นอุบ
คุณผีที่รัก ตอนที่ 2 (ต่อ)
พีระนั่งหาว เริ่มเหนื่อยกับการเป็นแบบ
“เสร็จยังคุณ ผมเบื่อจะอยู่เฉยๆแล้ว”
“นิ่งๆ จะเสร็จแล้ว”
น้ำมนต์วาดๆเพิ่มอีกนิดหน่อย แล้วก็เสร็จ
“เอ้า อยากลุกไปไหนก็เชิญ”
“ไหนดูสิ ถ้าวาดผมให้ขี้เหร่ล่ะน่าดู”
น้ำมนต์เงยหน้ามา ยกรูปโชว์ แต่ต้องอึ้ง เพราะที่ด้านหลังของพีระ มีอัฐชัย พิมพ์ดาว ลูกโป่งเดินเข้ามาพอดี ทุกคนเห็นน้ำมนต์โชว์รูปอย่างเร็วๆแล้วก็รีบเก็บ รูปเป็นลายเส้นที่ค่อนข้างดูมีฝีมือ เห็นชัดเจนว่าคือพีระ น้ำมนต์โชว์แว่บเดียวก็รีบเก็บรูป ปิดเอาไว้ทันที
“พวกแก...”
พีระงงๆ
“อ้าว จะรีบเก็บทำไม ผมยังไม่ทันดูเลย”
“แน้ๆ ตะกี้เห็นนะว่าเป็นรูปหน้าผู้ชาย...แอบมานั่งวาดรูปใครอยู่จ้ะ เอามาดูสิ”
ลูกโป่งจะแย่งมา แต่น้ำมนต์ถอยหลบ
“ไม่มีอะไรหรอก”
“ขอผมดูรูปก่อนได้มั้ย” พีระบอกกับน้ำมนต์
พิมพ์ดาวมองหน้าน้ำมนต์
“มองผ่านๆตะกี้ ฉันว่าเหมือนอัฐชัยอยู่นะ ใช่หรือเปล่าๆ”
อัฐชัยฟอร์มๆ
“เฮ้ย...น้ำมนต์จะมาแอบวาดรูปเราทำไม ไม่ใช่รูปเราหรอก เอามาดูให้รู้เลยดีกว่า”
น้ำมนต์กอดรูปเอาไว้แน่น
“พวกแกมีอะไรหรือเปล่า จะไปชมรมละครเหรอ”
พีระพยายามจะส่องดูรูป แต่ไม่เห็น ทุกคนอยากรู้อยากเห็น แต่ก็อดใจไว้
“ทำเป็นเปลี่ยนเรื่อง...โอเคๆ ไม่ดูก็ไม่ดู แต่อย่าเผลอแล้วกัน” พิมพ์ดาวค้อน
“ตกลงมีเรื่องอะไร” น้ำมนต์ถาม
“พี่เอมี่โทรมา ให้เราไปหาตอนนี้” ลูกโป่งบอก
น้ำมนต์แปลกใจ
น้ำมนต์และพรรคพวกเดินเข้ามาภายในบริเวณของสถานีพราวด์ดิจิตัล น้ำมนต์ถือหนังสือเรียนและสมุดวาดรูปนั้นมาด้วย พีระตามติดเดินโวยตลอด
“เรื่องของผมยังไม่ทันเริ่มอะไรเลย คุณก็จะเอาเรื่องอื่นมาแทรกแซงได้ไง ผมไม่ยอม...ปล่อยเพื่อนๆคุณไปสิ คุณไปช่วยผม”
ลูกโป่งกังวลใจ
“ผู้บริหารสถานีเรียกพบด่วน จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายก็ไม่รู้”
“ต้องเกี่ยวกับชะตากรรมรายการคืนผจญผีแน่ๆ” พิมพ์ดาวออกความเห็น
“สาธุ ขอให้เป็นเรื่องดีด้วยเถอะ” น้ำมนต์พนมมือไหว้ท่วมหัว
เอมี่วิ่งออกมาจากในสถานี รีบมาหาน้ำมนต์
“พี่เอมี่...มีเรื่องอะไรคะ”
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน รีบเข้าไปเถอะ”
“เดี๋ยวๆ” น้ำมนต์หยิบขวดน้ำออกมา “หยอดตากันหน่อย เผื่อมีเหตุจำเป็นต้องใช้วิชาแอ๊กติ้ง”
“ดีมาก สวย เก่ง ฉลาด รอบคอบที่สุด”
ทุกคนแบ่งปันกันหยอดน้ำตา พอเสร็จ เอมี่ก็รีบพาทุกคนเข้าไปด้านใน พีระรีบตาม
“ผมไปด้วย”
แต่ทันทีที่จะก้าวเข้าไปด้านใน ก็ถูกพลังที่ปกป้องสถานที่กระแทกจนกระเด็นถอยไป
“โอ๊ย...”
พี่ระมองไป เห็นที่เหนือกรอบประตูขึ้นไปมีผ้ายันต์คุ้มกันติดอยู่ เปล่งแสงวาบๆ ปรากฏร่างผีเฝ้าประตูที่ทำหน้าที่คุ้มกันสถานีแห่งนี้อยู่ ร่างใหญ่ หน้าตาถมึงทึง ดุดัน เหมือนทหารจากสงคราม เป็นผีที่เกิดจากการปลุกเสกของหมอผี ยืนอารักขาสถานีนี้อยู่ พีระพยายามขอร้อง
“ขอฉันเข้าไปหน่อยนะ ฉันมาดี มากับแก็งนั้น”
“ออกไป”
ผีเฝ้าประตูบีบคอพีระ แล้วสะบัดออก พีระถึงกับผงะไถลถอยออกไปไกลน้ำมนต์ชะงักเล็กน้อย หันกลับมามองพีระ เอมี่หันมาถาม
“มีอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรค่ะ กำลังชื่นชมว่าที่นี่คงจะมีพระดี ปกป้องคุ้มกันผีร้ายได้ชะงัดนัก”
น้ำมนต์ยกมือไหว้พระอย่างเย้ยๆ แล้วกันมายิ้มเยาะพีระ ขยับปากพูดเบาๆ
“สม-น้ำ-หน้า”
น้ำมนต์และทุกคนเข้าไปด้านใน
“ฮึ่ย”
พีระเซ็ง หงุดหงิด มองไปที่ผีอารักขาที่หน้าตาไม่เป็นมิตร
“ให้มันได้อย่างนี้ ที่ไหนๆเขาก็มีเจ้าที่เจ้าทาง เทวดาอารักษ์ดูแล...แต่ที่นี่กลับเลี้ยงผีไว้ปกป้อง อยากเห็นหน้าเจ้าของสถานีจริงๆ”
พีระหันมามองที่สถานี ก็ชะงัก เมื่อมองไปที่ป้ายชื่อสถานี รู้สึกคุ้นเคยอย่างแปลกประหลาด สีหน้าฉงน
“พราวด์ดิจิตัล...พราวด์...ดิจิตัล...เรา...เรารู้จักที่นี่”
ในห้องทำงานเมสินี...ภาพในจอทีวี เป็นภาพรายการคืนผจญผีที่ไปถ่ายทำบ้านน้ำมนต์ เป็นภาพข้าวของลอยได้เอง ปลิวว่อน เมสินีนั่งดูอยู่ กดหยุดภาพ แล้วหันมาจ้องพวกน้ำมนต์ ที่น้ำคลอตา
“พวกเธอร้องไห้ทำไม”
“คือ พวกเด็กๆ...เห็นว่าเทปนี้มันดีมาก ภูมิใจมาก เลยตื้นตันที่มันจะเป็นเทปปิดรายการที่ดีที่สุด” เอมี่อธิบาย
พวกน้ำมนต์รีบเสริม
“ใช่ค่ะ ฮือๆ”
พวกน้ำมนต์กอดปลอบๆกัน เมสินีหน้านิ่ง
“คืนผจญผีเทปนี้...ฉันบอกได้คำเดียวว่า...”
พวกน้ำมนต์นั่งลุ้นว่าเมสินีจะว่ายังไง
“ฉันชอบมาก”
พวกน้ำมนต์ดีใจ ตาลุก โล่งอก หายใจทั่วท้อง
“ฉันไม่เคยดูรายการสยองขวัญรายการไหนแล้วขนลุกเท่านี้มาก่อน...คืนนี้ ฉันจะเอาเทปนี้ออนแอร์เลย”
พวกน้ำมนต์ดีใจ
“จริงเหรอคะ/ครับ”
“ฉันมั่นใจว่ากระแสจะต้องมา คนดูจะต้องชอบ ชื่อของรายการคืนผจญผีต้องเป็นที่รู้จักแน่”
เอมี่ดีใจมาก
“ถ้าเป็นอย่างนี้ แปลว่าคุณเม จะไม่ถอดรายการของเราของจากผังใช่มั้ยคะ”
“ถ้าพวกเธอรักษามาตรฐานรายการให้ได้อย่างเทปนี้...ฉันก็ให้ทำต่อ”
พวกน้ำมนต์ดีใจกันสุดๆ
“ทำต่อ...เย้ๆ”
เมสินียิ้ม
“แล้วถ้ามีไอเดียรายการอะไรใหม่ๆ ก็ลองคิดมานำเสนอนะ ฉันอาจจะอนุมัติให้ทำอีกรายการ”
“อนุมัติอีกรายการ”
พวกน้ำมนต์อึ้งดีใจที่จะได้รายการใหม่ ระหว่างนั้นยุทธสบตากับเมสินี ถึงเรื่องที่ได้ตกลงกันไว้แล้ว
“ไม่ทราบว่าคืนผจญผีเทปต่อไป มีสถานที่ที่จะไปถ่ายทำหรือยังครับ...ถ้ายังไม่มี คุณเมมีที่นึงอยากนำเสนอ ใช่มั้ยครับ”
เมสินีมองยุทธ เป็นเชิงว่าจะดีเหรอ
“ไม่มีอะไรเสียหายหรอกครับ”
ยุทธท่าทางอยากจะบอกให้ได้ เมสินีใจอ่อน ยอมให้บอก
โถงต้อนรับภายในอาคาร สถานีพราวด์ดิจิตัล...ทุกคนเดินออกมาด้านนอก น้ำมนต์กำลังอ่านกระดาษที่จดพิกัดของบึงน้ำแห่งหนึ่งพิมพ์ดาวหันมาถาม
“ตกลงคุณเมจะให้เราไปที่ไหน”
“เป็นบึงน้ำ...ที่ไหนก็ไม่รู้ ฉันก็ไม่รู้จักเหมือนกัน”
น้ำมนต์ส่งให้อัฐชัยดู
“อัฐรู้จักทางมั้ย”
อัฐชัยรับมาดู
“อ๋อ ไกลอยู่ ออกนอกเมืองไปเลย ถนนเส้นนั้นค่อนข้างเปลี่ยวมาก ยิ่งตอนกลางคืนแทบไม่มีรถวิ่ง”
พิมพ์ดาวพยักหน้าเข้าใจ
“มิน่า คุณเมถึงอยากให้เราไปที่นั่น ต้องมีอะไรสยองมากแน่ๆ”
“สยองแค่ไหนก็ไม่กลัว...ถ้าคุณเมสั่ง เราก็ต้องไป” เอมี่พูดขึ้น
“เพื่อรายการใหม่” ลูกโป่งเสริม
“เพื่อบริษัทเอมี่ทีวี” น้ำมนต์แววตามมาดมั่น
“คืนนี้เราจะไปผจญผีกันที่นี่...สู้ไม่สู้” เอมี่ชูกำปั้น
“สู้” ทุกคนชูกำปั้น
ทุกคนเฮ ฮึกเหิม
เมสินีอยู่ในห้องทำงานกำลังโวยกับยุทธ
“ส่งพวกนั้นไปถ่ายรายการที่นั่น เธอแน่ใจนะว่าจะไม่สร้างเรื่องยุ่งยากตามมาทีหลัง ฉันไม่อยากให้มีใครระแคะระคายเรื่องนายพีทอีก”
“เด็กพวกนั้นไม่รู้อะไรหรอกครับ ยังไงรายการนั้นก็ต้องไปในสถานที่เฮี้ยนๆอยู่แล้ว ถ้ายัยเด็กน้ำมนต์มีเซ้นซ์มองเห็นผีได้จริงๆ ก็อาจจะเจอวิญญาณนายพีทเป็นผีวนเวียนอยู่ที่บึงนั่นก็ได้”
“สาธุ...ขอให้เป็นอย่างนั้น ฉันจะได้สบายใจ ไม่ต้องเครียดอย่างทุกวันนี้”
“แต่ถ้าไม่เจอ ก็ไม่มีอะไรเสียหายนะครับ”
“ใครว่า...ถ้าไม่เจอก็แสดงว่านายพีทอาจยังไม่ตาย และมันจะทำให้ฉันยิ่งเครียด โอย...แค่คิด ก็เครียดแล้ว”
เมสินีเครียด หายใจไม่ทัน หยิบยาดมในลิ้นชักมาสูดเฮือกๆ
“หายใจช้าๆครับๆ โชคต้องเข้าข้างเรา คิดบวกเข้าไว้นะครับ”
เมสินีมองไปที่โต๊ะ เห็นสมุดวาดรูปของน้ำมนต์วางอยู่ น้ำมนต์หยิบกองหนังสือไป แต่หยิบไม่ครบ
“สมุดใคร” เมสินีหยิบมา แต่ไม่ได้เปิดดู “ของยัยเด็กน้ำมนต์แน่”
“ผมเอาไปให้เองครับ” ยุทธรับสมุดมา
พีระกำลังเดินมองบรรยากาศ ภายนอกอาคารสถานีพราวด์ดิจิตัล มองมุมนั้น มุมนี้ อยากจะเข้าไป แต่ไม่สามารถเข้าไปได้ เพราะผีเฝ้าประตูยืนเฝ้าอยู่ พวกน้ำมนต์เดินออกมานอกอาคารสถานี พีระรีบพุ่งไปหาน้ำมนต์ทันที
“ยัยน้ำเปล่าปลุกเสก”
เอมี่หันมาบอกทุกคน
“ทุกคนแยกย้ายไปเตรียมตัว แล้วคืนนี้เจอกันที่ออฟฟิศพี่นะ”
ลูกโป่งรีบบอก
“พี่เอมี่ หนูติดรถไปด้วยนะคะ”
อัฐชัยหันไปชวนน้ำมนต์กับพิมพ์ดาว
“น้ำมนต์ ดาว ไปกับเรา เดี๋ยวไปส่งที่บ้าน”
ทุกคนแยกย้ายกันไป น้ำมนต์เดินรั้งท้าย ปล่อยให้พิมพ์ดาวกับอัฐชัยเดินนำไปก่อน พีระรีบตามไปประกบน้ำมนต์
“อะไร...คืนนี้จะไปไหนกันอีกแล้วผมล่ะ”
“ฉันต้องทำงาน วันนี้พอเรื่องของนายแค่นี้”
“อ้าว”
น้ำมนต์รีบเดินตามเพื่อนไป พีระตาม
ยุทธถือสมุดวาดรูปของน้ำมนต์ออกมาที่โถงหน้าของสถานี เห็นแผ่นที่เป็นภาพวาดหน้าพีระโผล่ออกมาเล็กน้อย แต่ยุทธไม่เจอพวกน้ำมนต์แล้ว เมสินีเดินตามออกมา
“ไม่เจอเหรอ งั้นก็ฝากไว้ที่เคาท์เตอร์นี่แหละ เดี๋ยวนึกได้ก็คงกลับมาเอง...ยุทธ ฉันจะไปสปานะ เครียด...ดูงานให้ด้วย ไม่ใช่เรื่องด่วนห้ามโทรหา”
“ครับ”
เมสินีเดินแยกออกไปอีกทาง ยุทธแยกไปที่เคาน์เตอร์
พีระเดินไล่ตามน้ำมนต์มาบริเวณสถานีพราวด์ดิจิตัล
“นี่คุณๆ ฟังผมก่อน”
น้ำมนต์เดินหนีไปพูดไป
“เข้าใจอะไรง่ายๆหน่อยได้มั้ย ฉันไม่อยากให้เพื่อนรู้ว่านายยังวนเวียนอยู่กับฉัน”
พีระวิ่งมาขวางหน้า
“ฟังก่อน...ผมจะบอกว่า ผมรู้สึกคุ้นที่นี่มาก บางทีผมอาจจะเคยทำงานอยู่ที่นี่ หรือรู้จักใครที่นี่ก็ได้”
“คิดไปเองหรือเปล่า” น้ำมนต์ชะงัก
“ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ”
แต่อยู่ๆเมสินีเดินเข้ามาที่ด้านหลังพีระ
“น้ำมนต์”
พีระได้ยินเสียงเมสินีก็ถึงกับชะงัก หยุดพูด แล้วหันกลับไปมอง ก็พอดีกับที่เมสินีเดินมายืนอยู่ตรงหน้าเขา พีระผงะ จ้องเมสินีตาค้าง รู้สึกคุ้นเคยในส่วนลึก เป็นความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้น
“อย่าไปยุ่งกับผู้หญิงคนนี้”
น้ำมนต์งงว่าทำไมพีระถึงพูดออกมาอย่างนั้น
เมสินียิ้มให้น้ำมนต์
“นึกว่ากลับไปแล้ว เธอลืมสมุดวาดรูปแน่ะ”
น้ำมนต์นึกได้
“สมุด...ฮ้า ใช่”
อัฐชัยกับพิมพ์ดาวย้อนกลับมาหาน้ำมนต์ พิมพ์ดาวเข้ามาถาม
“มีอะไรเหรอน้ำมนต์”
“ฉันลืมสมุดน่ะ”
“ฉันให้คนฝากไว้ที่เคาน์เตอร์ ไปรับได้เลย”
“ขอบคุณนะคะ”
น้ำมนต์กำลังจะไป แต่ยุทธเดินเข้ามาก่อน
“อยู่นี่แล้วครับ สมุดของคุณ” ยุทธยื่นให้
“ฮ้า ขอบคุณมากค่ะ”
น้ำมนต์ไหว้รับสมุดวาดรูปมา เห็นกระดาษแผ่นที่เป็นรูปพีระโผล่ออกมามากขึ้น น้ำมนต์เห็นพีระจ้องเมสินีไม่วางตา เลยตั้งใจเรียกอ้อมๆ
“งั้นพวกเราไปกันเถอะ...ไปเถอะ ไปได้แล้ว”
อัฐชัยแปลกใจ
“รู้แล้ว ทำไมต้องพูดซ้ำด้วย”
“บอกคนอื่นไป แกนั่นแหละเดินสิ”
พิมพ์ดาวคว้าแขนน้ำมนต์ ดึงให้เดินตามมา น้ำมนต์ไม่ทันตั้งตัว เลยทำให้กองหนังสือและสมุดวาดรูปในมือร่วงหล่นพื้น กระดาษภาพวาดหน้าพีระปลิวไปหล่นใกล้ๆเมสินี ในลักษณะคว่ำหน้า
“ขอโทษนะฉันไม่ได้ตั้งใจ” พิมพ์ดาวช่วยเก็บของ “เอ๊ะ ในกระดาษพวกนี้มีรูปวาดของอัฐชัยด้วยใช่มั้ย ใบไหนนะๆ” พิมพ์ดาวหาๆ
พิมพ์ดาวกับอัฐชัยช่วยกันเก็บของที่หล่น เมสินีเห็นว่ามีแผ่นนึงปลิวมาหล่นใกล้ตนเลยหยิบขึ้นมา ยื่นให้ โดยที่ยังคว่ำภาพนั้นอยู่
“นี่อีกแผ่นจ้ะ”
น้ำมนต์รับมา
“ขอบคุณนะคะ”
น้ำมนต์รับกระดาษมา พลิกหันกลับมาเป็นรูปพีระ เมสินีเห็นภาพนั้นเต็มๆตา แม้จะเห็นเพียงแว่บเดียวแต่ก็จำได้ว่าเป็นรูปนายพีทแน่นอน พิมพ์ดาวจะเข้ามาแย่งรูป
“นั่นไง รูปวาดที่แกแอบซ่อนฉัน เอามาดูสิ”
“ไม่ให้ดู” น้ำมนต์ดึงหลบ
น้ำมนต์เอารูปวิ่งหนีพิมพ์ดาวไป พีระถอยตามน้ำมนต์ไป เมสินียืนอึ้ง
เมสินีกับยุทธเดินแยกออกมาอีกด้าน
“ทำไมยัยเด็กน้ำมนต์มีรูปนายพีทได้”
“รูปคุณพีท” ยุทธชะงัก
“ใช่ รูปวาดของเด็กที่ชื่อน้ำมนต์เป็นรูปนายพีท...ฉันจำไม่ผิดแน่นอน มันมีรูปนายพีทได้ยังไง มันรู้จักนายพีทเหรอ งั้นก็แสดงว่านายพีทยังไม่ตายน่ะสิ”
“ใจเย็นๆก่อนครับ”
“นายพีทมันอยู่ใกล้ตัวฉันขนาดนี้ ฉันใจเย็นไม่ไหวแล้ว...ยุทธไปจับตาดูเด็กน้ำมนต์เดี๋ยวนี้ ฉันต้องการรู้ประวัติของมัน รู้การเคลื่อนไหวทุกสิ่งทุกอย่างที่มันทำ...ไป”
เมสินีเครียดมาก
คุณผีที่รัก ตอนที่ 2 (ต่อ)
น้ำมนต์รีบมายังลานจอดรถสถานี ตรงมาที่รถของอัฐชัย พิมพ์ดาวตามติด
“ขอดูแค่นี้ทำไมแกให้ดูไม่ได้...อัฐ ช่วยจับไว้ที”
“อย่านะอัฐ” น้ำมนต์เสียงเข้ม
“น้ำมนต์ไม่ให้ดูก็อย่าไปรบเร้าเลยดาว ขึ้นรถเถอะ” อัฐชัยเปิดประตูรถให้
“โอเค ไม่ดูก็ได้”
แต่พอน้ำมนต์เผลอ พิมพ์ดาวก็หันไปตะครุบ น้ำมนต์ชักหลบทัน
“อย่า ขึ้นรถไป”
“ขอดูหน่อยนะๆ”
พิมพ์ดาวเดินต้อน น้ำมนต์คอยระวัง พีระเข้ามาหาน้ำมนต์
“ผมรู้จักผู้หญิงคนนั้น...เขาเป็นใคร”
แต่น้ำมนต์เอาแต่พะวงกับพิมพ์ดาว กำลังจะไปขึ้นรถ พีระมายืนขวางไม่ให้ขึ้น
“คุณได้ยินที่ผมพูดมั้ย ผมถามว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”
น้ำมนต์ชะงัก อึกอัก
“เอ่อ...”
พิมพ์ดาวใช้จังหวะนั้น ดึงรูปวาดของพีระจากมือน้ำมนต์มาดู
“ได้แล้ว” พิมพ์ดาวดูรูป แล้วต้องฉงน “อ้าว ไม่ใช่อัฐชัย...แล้วใคร อัฐ ดูสิ ใครก็ไม่รู้”
พิมพ์ดาวให้อัฐชัยดู น้ำมนต์แย่งคืน
“เอามา”
“แฟนแกเหรอ หรือคนที่แกแอบชอบ”
“ไม่ใช่ทั้งนั้น”
พีระหงุดหงิด
“คุณก็บอกไปสิว่าเป็นผม เพื่อนคุณจะได้หุบปาก คุณจะได้ตอบคำถามผมได้ ผมเบื่อที่คุณทำเหมือนผมไม่มีตัวตนแล้ว”
“บอกมาว่าใคร”
“บอกไปเลยว่าผม”
ทุกคนรุมน้ำมนต์ กดดัน จนเธอเหลืออด
“เงียบ...อยากให้พูดใช่มั้ย ก็ได้...นอกจากพวกเรา ก็มีเขายืนอยู่เนี่ย” น้ำมนต์ดึงรูปมา “เขาคนนี้นี่แหละ”
พิมพ์ดาวกับอัฐชัยอึ้ง
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเจ้าของสถานี พอใจยัง พอแล้วก็เงียบ” น้ำมนต์มองพิมพ์ดาวและอัฐชัย “ เงียบ...เงียบ ฉันไม่อยากได้ยินเสียงอะไรอีกแล้ว”
น้ำมนต์เดินขึ้นไปนั่งในรถเลย หงุดหงิด เซ็ง
“ทำไมฉันต้องมาเจออะไรอย่างนี้ด้วย”
รถของอัฐชัยแล่นมาจอดที่หน้าบ้าน น้ำมนต์เดินลงมา เพื่อนๆตามมา
“ดาว...ไปถ่ายรายการคืนนี้ ฉันพาข้าวต้มไปฝากไว้กับแม่แกได้มั้ย”
พิมพ์ดาวยังสยองๆ
“ได้ เดี๋ยวบอกแม่ให้...แต่ ฝากเฉพาะน้องแกนะ อย่างอื่น ไม่ต้อง”
อัฐชัยมองหน้าน้ำมนต์
“ถ้ามันอยู่ด้วยตลอดเวลา แล้วทำไมทีแรกถึงบอกว่ามันไม่อยู่แล้ว”
“ฉันไม่อยากให้อัฐไปเอาหมอผีที่ไหนมาทำร้ายเขา เขาก็แค่ผีมีปัญหา ต้องการความช่วยเหลือ ไม่ได้คิดร้ายอะไรกับฉันหรอก”
“แกรู้ได้ไงว่าไม่ได้คิดร้าย” พิมพ์ดาวหวาดๆ
“ก็...ไม่รู้สิ แต่ถ้าเขาคิดจะทำร้ายฉัน ก็คงทำไปนานแล้วล่ะ”
“เขามาให้น้ำมนต์ช่วยเหรอ...ช่วยอะไร” อัฐชัยสงสัย
“ช่วย...ช่วยหาร่างของเขาให้พบ”
“หาเพื่อ...” พิมพ์ดาวแปลกใจ
“เขาบอกว่า เขายังไม่ตาย...แต่ต้องหาร่างให้พบจะได้กลับเข้าร่างและมีชีวิตอีกครั้ง”
พิมพ์ดาวกับอัฐชัยสบตากัน ด้วยสายตาไม่เชื่อในตรรกะนั้น เป็นไปได้เหรอ
“เป็นผี แต่ยังไม่ตาย...มีด้วยเหรอ” พิมพ์ดาวโพล่งออกมา
“ก็คงเป็นวิญญาณที่หลุดออกจากร่าง โดยที่ยังไม่ถึงฆาตมั้ง”
อัฐชัยไม่ไว้ใจ
“น้ำมนต์แน่ใจเหรอว่ามันไม่ได้กุเรื่องมาหลอก ขึ้นชื่อว่าผี ไว้ใจไม่ได้ทั้งนั้น”
น้ำมนต์ไม่อย่าเถียงเลยตัดบท
“เอาน่า ไม่ต้องห่วง ฉันมีผ้ายันต์อาจารย์เทพอยู่ เขาทำอะไรไม่ได้หรอก ไปๆ เตรียมตัวไปถ่ายรายการดีกว่า คืนนี้เจอกัน”
น้ำมนต์แยกเข้าบ้านไป พิมพ์ดาวกับอัฐชัยกังวล เป็นห่วง
อัฐชัยเดินแยกออกมาโทรศัพท์อีกด้าน
“อาจารย์เทพครับ ผมมีเรื่องขอความช่วยเหลือครับ จัดการผีตัวเดิมนั่นแหละครับ”
อัฐชัยแววตาเด็ดขาด คิดจัดการพีระ
ค่ำนั้น พีระเดินกลับเข้ามาในบ้านน้ำมนต์ แต่อยู่ๆแมนสรวงโผล่มาล็อกคอ
“เอารถฉันคืนมา”
“โอ๊ยๆ”
พีระรีบควักกุญแจส่งให้ แมนสรวงปล่อย
“รถฉันไม่ใช่ของเล่น ระวังจะเจอดี ไปไหนมา ทำไมเพิ่งกลับ”
“ขอโทษทีนะที่กลับดึก รอนานป่าว ลูกหลับยัง”
“เฮ้ย ฉันไม่ใช่เมีย”
“ก็ถามยังกับเมีย...แมนสรวง นายรู้มั้ยว่าฉันมีอะไรเกี่ยวข้องกับสถานีพราวด์ดิจิตัลหรือเปล่า”
“ทำไม”
“ฉันรู้สึกคุ้นเคยที่นั่นมาก บอกไม่ถูก วันนี้ฉันก็เลยนั่งอยู่ที่นั่น เผื่อจะจำอะไรได้บ้าง แต่ก็ไม่มีเลย ฉันแค่รู้สึกคุ้นเคยกับที่นั่น แล้วก็ผู้บริหารสถานีที่ชื่อเมสินี ฉันต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนั้นแน่ๆ ใช่มั้ย”
“ฉันไม่รู้”
“พูดเป็นอยู่คำเดียวหรือไงวะ”
“ฉันรู้แค่ว่าไอ้ความรู้สึกคุ้นเคยที่ติดตัวนายมา มันอาจจะมีหรือไม่มีความหมายอะไรเลยก็ได้”
“หมายความว่าไง”
“มันก็แค่เศษเสี้ยวของความทรงจำที่ติดค้างมากับวิญญาณที่หลุดออกจากร่างแล้ว ก็เท่านั้น มันอาจจะเป็นคนที่นายเคยรู้จัก หรือคนที่นายเคยปิ๊ง เห็นแค่ครั้งสองครั้ง หรือเห็นจากรูปภาพ หรืออะไรก็ได้”
“ไม่จริง ฉันรู้สึกชัดเจนมาก...โดยเฉพาะผู้หญิงคนนั้น ไว้ใจไม่ได้”
“ก็ไม่ได้แปลว่านายกับเขารู้จักกัน”
“แต่อาจจะรู้จักกันก็ได้”
“หรือไม่รู้จักกันก็ได้”
น้ำมนต์เดินสวนออกมา เปลี่ยนชุดแล้ว เตรียมจะออกไปถ่ายรายการ เธอพูดโทรศัพท์ไปด้วย
“ยัยดาว ข้าวต้มอยู่บ้านแกแล้วใช่มั้ย...โอเค ฉันกำลังจะออกไป”
พีระมองน้ำมนต์
“ยัยน้ำเปล่าปลุกเสก”
น้ำมนต์รีบเดินออกมานอกบ้าน พีระมาขวาง
“ผมไม่ให้คุณไป”
น้ำมนต์น้ำเสียงเด็ดขาด
“ฉันจะไม่พูดกับนายซ้ำซากแล้วนะ ถ้านายจะเอาแต่ให้ฉันช่วยนาย แล้วปล่อยให้ชีวิตของฉันพินาศ ฉันก็จะไม่ช่วยนายอีก พอกันที ถ้าชีวิตฉันเดินไม่ได้ นายก็อย่าหวัง หลบไป”
น้ำมนต์เอาผ้ายันต์มาโบกไล่ พีระถอยหลบ แมนสรวงโผล่มายืนหัวเราะเยาะ พีระหันไปตวาด
“หัวเราะอะไรไอ้ยมทูตสอบตก”
“ไอ้คุณผีเห็นแก่ตัว เจอกี่ทีๆนายก็ถามแต่ว่า ฉันเป็นใคร ตายได้ไง รู้อะไรเกี่ยวกับฉันบ้าง ไปช่วยฉันหน่อยเซ่ เคยมั้ยที่จะถามเรื่องของคนอื่น”
“ฉันต้องถามด้วยเหรอ”
“คนเราถ้าคิดจะเป็นมิตรกัน ก็ต้องห่วงกันและกัน”
“โอเค ฉันจะถามนาย แมนสรวง นายอยากตายมั้ย”
“อยาก...เอ๊ย นี่คำถามเหรอ”
“สิ่งที่ฉันอยากถามนายก็มีแค่นี้แหละ”
พีระเดินตามน้ำมนต์ออกไป แมนสรวงเซ็ง หงุดหงิด
“ถ้าไม่หัดคิดถึงคนอื่นบ้าง ก็อย่าหวังจะมีใครช่วยนายเลย”
พระจันทร์สว่าง บริเวณชานเมือง...รถทีมงานของบริษัทเอมี่แล่นมาจอดที่บริเวณริมถนนแห่งหนึ่ง ที่ข้างทางเป็นป่ารกชัฏ บรรยากาศเปลี่ยว พวกน้ำมนต์ลงจากรถมา พิมพ์ดาวกับลูกโป่งยังคงเติมหน้าครั้งสุดท้าย น้ำมนต์มองไปรอบๆ
“ที่นี่เหรอ”
อัฐชัยชี้ไปที่ทางเดิน
“จริงๆต้องขับเข้าไปอีก แต่จอดรถไว้ตรงนี้ แล้วเดินไปดีกว่า เผื่อมีเหตุฉุกเฉิน คนจะได้รู้ว่าเราอยู่แถวนี้”
“ที่นี่มีไหมแก” พิมพ์ดาวหวาดๆ
“มี”
น้ำมนต์สัมผัสได้ เพื่อนๆขนลุก เอมี่รีบกำชับ
“น้ำมนต์ ถ้าเธอสัมผัสอะไรได้ พูดออกมาเยอะๆนะ ขยายให้มันเกินจริงนิดนึงก็ได้ คนดูจะได้ตื่นเต้น”
ทุกคนกำลังจะเข้าไป แต่อัฐชัยเรียกน้ำมนต์ไว้ก่อน
“น้ำมนต์...ผีของเธอน่ะ มาด้วยหรือเปล่า”
น้ำมนต์หันมองกลับไปที่ถนน อัฐชัยมองตามไป แต่แล้วอยู่ๆเสียงแตรรถดังสนั่น..”ปี๊น ทุกคนผงะ เอมี่สยอง
“ใครกดแตรรถ”
อัฐชัยถามน้ำมนต์
“ฝีมือเขาใช่มั้ย” อัฐชัยตาวาวอย่างมีแผนการ
น้ำมนต์เห็นพีระเป็นคนกดแตรรถ แกล้งให้ทุกคนขวัญเสียเล่น พีระตะโกนออกมา
“ทำเรื่องของเธอให้เต็มที่เลย แล้วอย่ามาง้อให้ช่วยแล้วกัน”
น้ำมนต์หมั่นไส้ ไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงด้วย
“เราเข้าไปกันเถอะ”
อัฐชัยรีบบอก
“เดี๋ยว...น้ำมนต์ชวนเขาเข้าไปด้วยสิ เผื่อมีอะไรต้องให้เขาช่วย”
พีระโผล่มาข้างอัฐชัย
“แหมๆ ฝันไปเถอะครับคุณหน้าใสวิ๊ง”
“ช่างเขาเถอะอัฐ...ไป”
น้ำมนต์เดินนำไป อัฐชัยเตรียมกล้องสำหรับถ่ายไว้พร้อม ทุกคนสยอง ใจคอไม่ดี ตามเข้าไป พีระเบ้ปาก พูดล้อเลียน
“ช่างเขาเถอะอัฐ ไป”
น้ำมนต์และเพื่อนๆเดินผ่านเส้นทางดินที่ตัดจากถนนเข้าไปสู่บึงน้ำ ทุกคนเข้ามา จนกระทั่งมาหยุดที่บริเวณบึงน้ำขนาดใหญ่ เห็นคลื่นน้ำสะท้อนกับแสงจันทร์ ดูลึกลับ น่ากลัวอยู่ๆมีลมเย็นพัดผ่านวูบหนึ่ง ทุกคนรู้สึกได้ พิมพ์ดาวขนลุก
“น่ากลัว...”
บริเวณริมบึงน้ำอีกด้าน อาจารย์เทพลืมตาขึ้น รับรู้ได้ด้วยฌาน
“พวกมันมากันแล้ว”
เกี๊ยงหันมาถาม
“งั้นก็ลงมือเลยมั้ยครับ”
อาจารย์เทพยิ้มร้ายกาจ
น้ำมนต์และเพื่อนๆเดินสำรวจบริเวณนั้น พิมพ์ดาว ลูกโป่ง เอมี่เกาะกลุ่มกัน
“พวกแกไม่ต้องกลัวมา ถึงที่นี่จะมีบางสิ่งอยู่จริงๆ แต่ฉันก็เซ้นซ์ได้ว่า เขาไม่ใช่วิญญาณร้าย...ไม่มีความรู้สึกถึงอันตรายเลย เห็นป่ะว่ามีเรือชาวบ้านทิ้งไว้ด้วย” น้ำมนต์ชี้ไปที่เรือที่จอดด้านหนึ่ง
ลูกโป่งมองตามหวาดๆ
“มีเรือ แล้วไง”
“ก็แสดงว่ายังมีคนมาแถวนี้ประจำ เพราะเขาก็อยู่ส่วนของเขา คนก็อยู่ส่วนของคน ไม่เกี่ยวกัน”
เอมี่รีบแย้ง
“ถ้าไม่เกี่ยวกันแล้วรายการพี่ล่ะ...ไม่ได้ๆ เทปนี้ต้องน่ากลัวเท่ากับหรือมากกว่าเทปที่แล้ว”
“ถ้าจะเอาเท่าเทปก่อน งั้นก็ต้องเขียนบทขึ้นมาแล้วล่ะพี่”
อัฐชัยได้ทีรีบบอก
“น้ำมนต์...งั้นเราก็ให้เขาช่วยสิ อยู่แถวนี้ป่าว”
น้ำมนต์มองไปอีกด้านที่พีระยืนสังเกตการณ์อยู่ พีระรีบยกมือเพื่อบอกว่าไม่ขอช่วยอะไรอีก อย่ามาง้อ
“อ๊ะๆ งานนี้ผมไม่ช่วยนะครับ”
น้ำมนต์หมั่นไส้ เชิ่ดใส่ เดินแยกไปอีกด้าน อัฐชัยตาม
“เดี๋ยว น้ำมนต์”
“ช่างเขาเถอะ จะไปสนใจอะไรเขามาก”
น้ำมนต์เดินไป อัฐชัยทำเป็นไม่ได้สนใจอะไร ทุกคนเดินตามไป พีระกำลังจะเดินตามไป แต่พอก้าวไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ต้องชะงัก เพราะรู้สึกคุ้นเคยกับวิวบริเวณนั้น พีระหันมามองที่บึงน้ำให้เต็มๆตา รู้สึกคุ้นเคยบึงน้ำ ภาพที่เขานั่งอยู่ในรถและรถพุ่งลงน้ำวูบเข้ามา พีระผงะ คุ้น แต่จำไม่ได้
“ที่นี่...”
พีระยังคงยืนตะลึง แต่นึกอะไรไม่ออก มีแค่ความรู้สึกคุ้นเคย
อาจารย์เทพหยิบธงขึ้นมา โบกกับอากาศ 3 ที เหมือนเป็นพิธี แล้วก็วาดธง เหมือนเขียนยันต์ลงบนท้องฟ้า แล้วก็พนมมือจะเริ่มบริกรรมคาถา เกี๊ยงขัดขึ้น
“จารย์เทพครับ แค่จับผีกระจอกตัวเดียว ไม่ต้องถึงมือจารย์เทพหรอกครับ ให้เกี๊ยงจัดการก็ได้”
“แกน่ะเหรอจะจับผี ไปท่องนะโมสามจบให้ถูกก่อนเถอะไอ้เกี๊ยง”
“ผมท่องได้นะครับ ฟังเลย” เกี๊ยงจริงจัง “มะโน”
อาจารย์เทพเขกหัว
“นะโม...คำแรกก็ผิดแล้ว หลบไป”
อาจารย์เทพยืนหันหน้าไปทางบึงน้ำ พนมมือ สวดคาถา เสียงสวดฮึมฮัมเป็นภาษาประหลาด ทำนองออกไปทางขอม ลึกลับ น่ากลัว...ในบึงน้ำ ผิวน้ำนิ่งสนิท แล้วก็มีศีรษะของใครบางคนโผล่ขึ้นมาครึ่งศีรษะอยู่กลางบึงน้ำ
พวกน้ำมนต์ยังเดินต่อไปที่อีกด้าน เป็นช่วงที่มีสะพานแผ่นไม้เล็กๆยื่นออกไปเป็นท่าน้ำ
“เราจะเดินวนไปถึงไหน รีบๆถ่ายรีบๆไปเถอะ” พิมพ์ดาวหวาดๆ
“ฉันกำลังสัมผัสอยู่ ว่าจุดไหน ที่มีพลังงานเข้มข้นที่สุด” น้ำมนต์ชะงัก “แถวนี้แหละ สัญญาณเต็ม”
น้ำมนต์หันมองไป ไม่เห็นพีระตามมา รู้สึกแปลกใจ แต่ไม่ได้แคร์อะไร
“งั้นถ่ายล่ะนะ” อัฐชัยยกกล้องถ่าย “ห้า สี่ สาม สอง...”
น้ำมนต์ พิมพ์ดาว ลูกโป่งทำหน้าที่พิธีกร
“คืนผจญผีวันนี้ เรามาอยู่ที่บึงน้ำเก่าแห่งนึงค่ะ...แค่เข้ามาไม่ทันไร ดิฉันก็สัมผัสได้เลยค่ะ ว่าที่นี่ มีบางสิ่งบางอย่างอยู่จริงๆ”
ลูกโป่งพูดต่อ
“และเพื่อเป็นการพิสูจน์ พวกเราจะทำการเชิญวิญญาณค่ะ”
เอมี่ยื่นธูปที่จุดแล้วให้ลูกโป่งไปส่งต่อๆกัน พิมพ์ดาวกลัวๆ
“แก...เว้นฉันไว้คนไม่ได้เหรอ”
น้ำมนต์กับลูกโป่งพูดพร้อมกัน
“ไม่ได้”
พิมพ์ดาวรับธูปมาถือ พนมมือ น้ำมนต์กล่าวนำ
“พูดตามฉัน...ข้าพเจ้าขออัญเชิญดวงวิญญาณ รวมถึงสัมภเวสีที่สิงสถิตอยู่ที่บึงน้ำแห่งนี้. หากพวกท่านมีอยู่จริง ขอให้ปรากฏออกมา ทั้งภาพและเสียง ให้ได้เห็น ให้ได้เจอ ให้ได้เห็น ให้ได้เจอ ให้ได้เห็น ให้ได้เจอ...สาธุ”
ลูกโป่งกับพิมพ์ดาวพูดตามน้ำมนต์ไป อยู่ๆมีบางสิ่งบางอย่างเคลื่อนไหวผ่านด้านหลังของทุกคนไป วูบ พิมพ์ดาวเห็นหางๆตา รีบหันขวับไปมอง แต่ก็ไม่พบอะไร พยายามจะไม่คิดมาก อัฐชัยถาม
“มีอะไร”
“เอ่อ...ปะ...เปล่า...แค่รู้สึกเหมือน มีอะไรอยู่ด้านหลัง”
อยู่ๆมีเสียงเหมือนอะไรบางอย่างหนักๆตกลงไปในน้ำ...ตู้ม ทุกคนสะดุ้ง
“ว้าย”
ทุกคนมองไปในบึง เห็นวงน้ำกระเพื่อมเป็นรัศมีกว้าง แล้วก็นิ่งไป เอมี่หน้าตื่น
“อะไรอ่ะ”
“ปลา...ก็แค่ปลากระโดดมั้ง” อัฐชัยบอก
มีเสียงเย็นๆหลอนๆของผู้หญิงลอยแว่วมาตามลม
“ช่วยด้วย”
ทุกคนได้ยินเสียงนั้น ผวา มองไปรอบๆ พีระก็มองไปด้วยเช่นกัน พิมพ์ดาวถามอย่างหวาดๆ
“เสียงใคร”
“พวกแกได้ยินเหมือนกันเหรอ” น้ำมนต์แปลกใจ
“ชัดแจ๋วเลย” เอมี่เสียงสั่น
เสียงผีผู้หญิงร้องดังมาอีก
“ช่วยด้วย”
ทุกคนสยอง ถอยมารวมกัน น้ำมนต์พยายามมองไปรอบๆ ค่อยๆมอง จนกระทั่งหันมาที่บริเวณปลายสะพานไม้
น้ำมนต์ตาเบิกโต มองเห็นอะไรบางอย่าง ผีหญิงสาวผมยาวตัวซีดยืนอยู่ที่ปลายสะพาน น้ำมนต์ผงะ ทุกคนหันไปมองตามน้ำมนต์ ไม่เห็นอะไร แต่รู้ว่ามี อัฐชัยรีบถาม
“มีอะไรอยู่ที่ปลายสะพานเหรอ”
น้ำมนต์พยักหน้า
“ของจริง”
ทุกคนสยอง
อาจารย์เทพยังคงสวดคาถาไม่หยุด คาถาเร่งเร้าขึ้น เหมือนเริ่มอีกบทหนึ่งที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น เกี๊ยงตะลึงเพราะจำบทสวดได้
“จารย์เทพ...นี่...นี่จารย์เทพกำลังจะแจกยาบ้าให้ผีเหรอครับ...ยังงี้ คนพวกนั้นก็เจองานช้างเลยนะครับ”
เกี๊ยงกลืนน้ำลาย หวาดเสียว
ผีสาวยังยืนอยู่ที่เดิม พวกน้ำมนต์เกาะกลุ่มกันอยู่
“พวกแกใจเย็นๆนะ...เขาไม่ได้มาร้าย ฉันสัมผัสได้...เขาไม่คิดทำร้ายใคร...แค่อยากให้เราช่วยอะไรสักอย่าง”
น้ำมนต์ผละออกจากเพื่อนๆ ลูกโป่งรีบถาม
“แกจะทำอะไร”
“ฉันจะถามว่าเขาต้องการอะไร และจะช่วยเขา...อัฐ ถ่ายไว้ด้วยนะ”
อัฐชัยยกกล้องถ่าย น้ำมนต์ค่อยๆขยับเข้าไป ก้าวเข้าไป พูดไป
“คุณได้ยินฉันใช่มั้ย...พวกเรามาดี...ถ้าคุณอยากให้ฉันช่วยหรือทำอะไรให้ ก็บอก”
แต่น้ำมนต์พูดไม่ทันจบ อยู่ๆผีสาวก็ถอยหลังไปในบึงน้ำ และหายไป
น้ำมนต์เดินเข้าไปมองที่ริมบึง
“อ้าว...ไปไหนแล้ว”
พิมพ์ดาวรีบบอก
“ถ้าเขาไปแล้ว เราก็ไปเถอะแก”
“ไปก่อนเถอะน้ำมนต์” อัฐชัยหวาดๆ
น้ำมนต์กำลังจะเดินกลับ แต่อยู่ๆมีมือผีโผล่ขึ้นมาจากใต้สะพานมาจับเท้าของเธอเอาไว้ และดึงจนล้มลงไป
“โอ๊ย”
น้ำมนต์ล้มลง ปรากฏใบหน้าผีพรายอยู่ตรงหน้าเธอพอดี มันแยกเขี้ยวแววตาดุร้ายมาก
“อ๊าย”
น้ำมนต์ตกใจ ร้องออกมา แล้วจะลุกเพื่อหนี แต่กลับถูกดึงขาเอาไว้ มันพยายามจะลากเธอลงไปในน้ำ อัฐชัยตกใจ รีบผวาเข้าไปช่วย
“น้ำมนต์”
อัฐชัยเข้าไปดึงตัวน้ำมนต์เอาไว้ ช่วยออกมาได้ แต่ตัวเขาเองกลับถูกกระชากจากด้านหลัง พุ่งพรวดตกน้ำไป...ตู้ม น้ำมนต์ตกใจ
“อัฐชัย”
อัฐชัยตกลงมาในน้ำ ลืมตามองไปรอบๆ เห็นผีพรายสาวผมยาวลอยผ่านหน้าผ่านหลังไป มันมีมากกว่าหนึ่ง เขามองไปทุกด้านด้วยความตระหนก แล้วรีบตะเกียกตะกายวิ่งขึ้นไป แต่มีมือมาจับที่ข้อเท้าของเขาดึงไว้ อัฐชัยผงะ
น้ำมนต์วิ่งไปมองริมบึง ไม่มีการดิ้นรนขัดขืน น้ำนิ่ง เรียบ เธอพยายามเรียกหา
“อัฐชัย...อัฐชัย”
พวกเอมี่วิ่งมาสมทบ มองหาอัฐชัย บริเวณที่ตกลงไป แต่ไม่เจอ ทุกคนแปลกใจ แล้วอยู่ๆอัฐชัยก็พุ่งพรวดขึ้นมาจากน้ำที่บริเวณไกลออกไป เกือบกลางบึง
“ช่วยด้วย...”
“อัฐชัย”
เอมี่รีบตามมาจับน้ำมนต์ไว้ ไม่ให้โดดตามลงไป
“อย่าโดด อันตราย”
น้ำมนต์ผละออกจากเอมี่ วิ่งไปอีกด้าน เอมี่ตกใจ
“น้ำมนต์”
น้ำมนต์วิ่งมาอีกด้าน ที่มีเรือเก่าจอดอยู่ เธอผลักเรือ จะเอาเรือออก แต่อยู่พีระโผล่มาจับเรือขวางไว้ก่อน
“คุณจะไปไหน”
“ฉันจะไปช่วยเพื่อนฉัน”
“เพื่อน...ใครเป็นอะไร”
พีระมองออกไปที่บึงน้ำ เห็นอัฐชัยพยายามตะเกียกตะกายอยู่ โดยเห็นผีพรายสาวคอยเกาะกุม พีระรีบวิ่งตามน้ำมนต์ไป
“เฮ้ย...คุณจะออกเรือไปช่วยเขาเหรอ แล้วตัวคุณเองล่ะ คุณเองจะไม่รอดไปด้วยอีกคนรู้มั้ย”
“หลบไป”
น้ำมนต์ไม่สนใจ ผลักเรือออก แล้วรีบขึ้นพายเรือไป
“ยัยเพี้ยนเอ๊ย...ทำไมต้องคิดถึงคนอื่นมากกว่าตัวเองด้วย”
ใต้น้ำ อัฐชัยพยายามดิ้นรน แต่ก็ถูกผีสาวดึงขาให้จมลงไปเรื่อยๆ อัฐชัยยิ่งดิ้นยิ่งหมดแรง สีหน้าเริ่มแย่มากขึ้น...ลูกโป่งวิ่งถือเชือกผุๆเก่าๆแถวนั้นมา
“ฉันได้เชือกมาแล้ว”
เอมี่รับมาดู ยาวเมตรเดียว
“สั้นขนาดนี้ แกเอาไปห่อของขวัญวันเกิดเถอะ”
“แก...ฉันเจอนี่”
พิมพ์ดาวพยายามลากแหจับปลาออกมา
“พอไหวมั้ย”
เอมี่เซ็ง
“แกเห็นเพื่อนเป็นปลาหรือยังไง”
“ก็มันหาได้แค่นี้”
ลูกโป่งมองออกไปที่บึง เห็นน้ำมนต์พายเรือไปหาอัฐชัย
“ยัยน้ำมนต์”
ทุกคนมองไป ตะลึง
น้ำมนต์เร่งรีบพายเรือเข้าไปหาอัฐชัย
“อัฐชัย อดทนก่อน ฉันมาแล้ว”
น้ำมนต์พยายามพายเรือไป แต่อยู่ๆพายที่จ้วงลงไปในน้ำ ติดอะไรก็ไม่ทราบดึงไม่ขึ้น เธอพยายามกระชากดึงพายขึ้นมา แต่กลับพบว่ามีมือผีจับพายติดขึ้นมาด้วย น้ำมนต์ ตกใจ ทิ้งพาย
“ว้าย”
น้ำมนต์ผงะ ไม่มีพายแล้ว อยู่ๆมือผีจับกราบเรืออีกด้าน และมันพยายามขย่มเรือ
“ไม่...ไม่นะ...อย่า”
น้ำมนต์รู้ว่ามือผีพยายามจะคว่ำเรือ เธอพยายามประคองเรือเอาไว้
คุณผีที่รัก ตอนที่ 2 (ต่อ)
ริมบึง...พวกพิมพ์ดาวเห็นเหตุการณ์อยู่ ตกใจ
“ยัยน้ำมนต์ พี่เอมี่ เอาไงดี”
“แจ้งตำรวจ” เอมี่หยิบโทรศัพท์มา
“แล้วเมื่อไหร่ตำรวจจะมา” ลูกโป่งขัดขึ้น
พีระเข้ามามองเหตุการณ์ด้านหลังพวกพิมพ์ดาว ทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้น้ำมนต์มีอันตราย
“ยัยเพี้ยนเอ๊ย”
พีระตัดสินใจจะไปช่วยน้ำมนต์ วิ่งผ่านพวกพิมพ์ดาวไป กระโดดลงไปในน้ำอย่างสวยงาม
น้ำมนต์ที่พยายามประคองเรือเอาไว้ หยิบผ้ายันต์ออกมาโบกอยู่ๆพีระโผล่มาเกาะหัวเรือ
“ยัยน้ำเปล่าปลุกเสก อยู่นิ่งๆ ฉันจะช่วยเธอเอง”
“ไม่ต้องช่วยฉัน ไปช่วยอัฐชัยก่อน”
“ห๊ะ”
“ฉันมีผ้ายันต์ มันทำอะไรฉันไม่ได้ ไปช่วยอัฐชัยก่อน ไป”
“อะไรเนี่ย” พีระงงๆ
“ไป”
พีระตัดสินใจไปช่วยอัฐชัยก่อน พุ่งตัวดำลงไป
ใต้น้ำ อัฐชัยที่กำลังจะแน่นิ่งแล้ว ปล่อยให้ผีลากจมลงไปง่ายดายขึ้น แต่อยู่ๆพีระว่ายมาจับล็อกตัวอัฐชัย ดึงลากขึ้นไป...พีระลากอัฐชัยโผล่พรวดขึ้นพ้นผิวน้ำบริเวณใกล้กับเรือของน้ำมนต์ รีบจับอัฐชัยให้ไปพาดกับเรือ น้ำมนต์รีบมารับอัฐชัยและคอยโบกผ้ายันต์ขับไล่ผีที่จะมาใกล้อัฐชัย พีระโวย
“เฮ้ยๆ ไล่ผีตัวอื่นสิ อย่าไล่ผม”
น้ำมนต์โบกยันต์ไปรอบๆ พวกผีค่อยๆหายไป พีระร้องโวยวายทุกครั้งที่น้ำมนต์โบกยันต์มาทางตน
พิมพ์ดาว เอมี่ ลูกโป่งช่วยน้ำมนต์ประคองอัฐชัยขึ้นมา เอมี่หันมาถาม
“น้ำมนต์...ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”
“ค่ะ ไปดูอัฐเถอะ”
พิมพ์ดาวดูแลอัฐชัยอยู่
“อัฐ...อัฐ ได้ยินมั้ย”
พีระเดินตามขึ้นมาจากน้ำ
“เอ้า จะร้องเรียกอยู่ได้ รีบพาไปส่งโรงพยาบาลก่อนมั้ย”
น้ำมนต์รีบบอกเพื่อน
“พาอัฐไปขึ้นรถเร็ว”
ทุกคนช่วยกันประคองเอาตัวอัฐชัยออกไป พีระหน้าเหวอ
“อ้าวๆ สนใจแต่คน แล้วผีล่ะ ผีก็เหนื่อยนะ”
พีระเซ็งที่ทุกคนไปกันหมด เหลืออยู่คนเดียว กำลังจะเดินตามไป แต่อยู่ๆมีเสียงอาจารย์เทพดังมา
“จะไปไหน”
พีระหันไปมอง ตะลึง ที่พบอาจารย์เทพ
พวกน้ำมนต์ประคองอัฐชัยมาที่รถ เอมี่รีบบอก
“พวกเธอไปขึ้นรถ เดี๋ยวพี่ขับเอง...ไปๆ”
ทุกคนพาอัฐชัยขึ้นไป พิมพ์ดาวรีบตามไปดูแลใกล้ชิด ลูกโป่งตามขึ้นรถไป น้ำมนต์กำลังจะขึ้นรถ แต่ชะงัก มองกลับไป เพราะไม่เห็นพีระตามมา พิมพ์ดาวหันมาเรียก
“จะขึ้นรถได้ยังยัยน้ำมนต์”
น้ำมนต์รีบขึ้นรถตามไป
พีระเผชิญหน้ากับอาจารย์เทพ
“แกมาได้ไง”
“ฉันก็มาหาแกยังไงล่ะ”
“ได้ยินฉันด้วยเหรอ”
“ไม่ใช่แค่ได้ยิน ฉันทำอะไรได้มากกว่าที่แกคิดเยอะ”
เกี๊ยงหยิบหม้อดินออกมาวาง อาจารย์เทพพนมมือ สวดคาถา พีระงงๆ
“จะทำอะไร”
เกี๊ยงบอกยิ้มๆ
“เคยฟังเพลงนี้ป่ะ...หากไม่ดูเป็นการรบกวน ก็จะชวนเธอมารักกัน ถูกใจเธอมาตั้งนานรู้ไหม”
พีระผงะ ชักไม่ดี คิดจะถอยหนี แต่ไม่ทัน อาจารย์เทพบริกรรมคาถาจบ พีระผงะ ถูกตรึงด้วยอาคมบางอย่าง และถูกดูดลงหม้อไปอย่างรวดเร็ว เกี๊ยงรีบเอาผ้ายันต์ไปปิด อาจารย์เทพยิ้มสมใจ
ในห้องพักคนไข้โรงพยาบาล เช้าวันใหม่...น้ำมนต์ ลูกโป่ง เอมี่เข้ามาในห้อง เอมี่ถือกระเช้าผลไม้มาด้วยทักทายอัฐชัยที่นอนพักอยู่ที่เตียง
“เฮลโหล อัฐชัย...เป็นไงบ้าง”
“เซ็งอ่ะพี่เอมี่ หมอบอกว่าให้น้ำเกลือหมดถุงก็กลับบ้านได้...นึกว่าจะได้หยุดเรียนสักสามสี่วัน”
“ทำเป็นพูดดี เจ็บหนักขึ้นมาจะรู้สึก” ลูกโป่งหมั่นไส้
“ก็ถ้าเจ็บแล้วมีคนมาเยี่ยมทุกวันก็โอเค”
น้ำมนต์แปลกใจ
“เอ้อ ยัยดาวไปไหนไม่รู้ ติดต่อไม่ได้ เลยไม่ได้มาด้วยกัน นายอย่าไปโกรธมันนะ เดี๋ยวเย็นๆคงมา”
อัฐชัยยิ้ม น้ำมนต์งง พิมพ์ดาวเดินออกมาจากห้องน้ำ เอาผลไม้ที่ล้างแล้วออกมา
“อ้าว ยัยดาว”
ทุกคนแปลกใจ ลูกโป่งมองพิมพ์ดาวอย่างรู้ทัน
“แหม...มาคนแรกเลยนะ เราว่าเรานัดกันเช้าแล้วนะ มีคนเช้ากว่า”
“ก็...ตื่นมาช่วยแม่เปิดร้าน แล้วไม่รู้ทำอะไร” พิมพ์ดาวเขินๆ
เอมี่หันไปหาอัฐชัย
“อัฐ...พี่ขอโทษนะ ในฐานะที่พี่เป็นเจ้าของรายการ เป็นผู้ดูแลพวกเธอทุกคน พี่รู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากจริงๆ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่เอมี่ ผมโอเค”
“ครั้งก่อนก็เกือบเจอรถผีชน ครั้งนี้เธอจมน้ำ พี่ว่ามันอันตรายเกินไป พี่ไม่อยากเสี่ยงแล้ว พี่จะไปคุยกับคุณเมสินี ขอปิดรายการคืนผจญผี”
น้ำมนต์อึ้ง แต่พูดอะไรไม่ออก พิมพ์ดาวขัดขึ้น
“คุณเมสินีเพิ่งจะให้โอกาสเราทำรายการใหม่ อยู่ๆพี่ไปขอบาย จะดีเหรอคะ”
“ว่าก็ต้องให้ว่า ดีกว่าเอาชีวิตไปเสี่ยง”
อัฐชัยห่วงน้ำมนต์
“ถ้าปิดรายการ อย่างนี้น้ำมนต์...เอ่อ ไม่สิ เราทุกคน จะขาดรายได้นะครับ ผมว่าเราลองดูอีกสักเทปสองเทปเถอะนะครับพี่ เราเปลี่ยนไปถ่ายที่ง่ายๆ ไม่ต้องเฮี้ยนมากก็ได้ นะครับ”
ลูกโป่งเห็นด้วย
“จริงด้วย ลูกโป่งยังต้องเก็บเงินไปทำหน้าที่เกาหลีอีก สงสารเถอะค่ะ”
เอมี่พยักหน้า
“ก็ได้...แต่ยังไงพี่คงจะต้องแจ้งคุณเมสินีไว้ก่อน”
“ขอบคุณครับ”
อัฐชัยยิ้มออก แอบยิ้มให้น้ำมนต์ พิมพ์ดาวยิ้ม
“โอเค ลงตัว งั้นเดี๋ยวดาวปอกแอปเปิ้ลให้กินดีกว่านะอัฐ”
“ไม่ต้องๆ แกปอกแล้วกินไม่อร่อย ให้น้ำมนต์ปอกดีกว่า”
“ใครปอกก็เหมือนกันแหละ” น้ำมนต์รีบแย้ง
“ผมเกือบตายเพราะช่วยน้ำมนต์นะ อย่าขัดใจสิ”
พิมพ์ดาวน้อยใจ แต่ฝืนทำร่าเริง
“ใช่ แกปอกให้อัฐดีแล้ว...อ้ะ...งั้น...ฉัน...เอ่อ ขอตัวไปหาอะไรกินก่อนดีกว่านะ”
พิมพ์ดาวออกไป ลูกโป่งรีบบอก
“ฉันไปด้วย”
“งั้นพี่ขอตัวนะ จะเข้าสถานี”
ลูกโป่งกับเอมี่ตามออกไปหมด เหลือน้ำมนต์กับอัฐชัย
“อัฐรอกินแอปเปิ้ลอยู่นะ” อัฐชัยอ้อน
พิมพ์ดาวเดินจ้ำออกมา จะออกจากโรงพยาบาล ลูกโป่งรีบวิ่งตามไป
“ไหนว่าจะไปกินข้าวไง”
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว จะไปห้องสมุดทำรายงานดีกว่า”
“แกเป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่า”
“น้อยใจอัฐชัยเหรอ”
“ฉันจะไปน้อยใจเรื่องอะไร”
ลูกโป่งจ้อง คาดคั้น
“แกก็รู้อยู่”
“ฉันไม่ได้คิดอะไรกับอัฐ...จริงๆ” พิมพ์ดาวพยายามทำท์ตัวเองให้ร่าเริงมากๆ “นี่ฉันดีใจจะตายที่นายอัฐได้อยู่กับน้ำมนต์สองต่อสอง นานๆจะมีโอกาสอย่างนั้นที แกคิดดูนะ ได้ดูแลกันตอนที่ไม่สบาย มันก็จะต้องเกิดความรู้สึกดีๆ เห็นอกเห็นใจกัน พัฒนาไปเป็นความรัก แล้วอัฐชัยกับน้ำมนต์ก็ต้องลงเอยกัน แฮปปี้เอนดิ้ง แค่คิดฉันก็ตื่นเต้นแทนแล้ว งานแต่งงานของสองคนนั้นจะเป็นแบบพุทธหรือคริสต์นะ แล้วฉันจะใส่ชุดอะไรดี ต้องรีบไปหาชุดไว้ก่อนแล้ว”
พิมพ์ดาวเพ้อๆ แล้วเดินออกไปทันที ลูกโป่งพึมพำ
“เพ้อไปถึงงานแต่ง...ฉันควรจะเชื่อคำพูดแกดีมั้ยเนี่ย”
น้ำมนต์ปอกแอปเปิ้ลเสร็จ ยื่นให้อัฐชัย แต่เขาอ้อนให้ป้อน
“ป้อนหน่อยสิ...ดูแลผมหน่อยนะ...นะ”
น้ำมนต์ยอมป้อนให้ อัฐชัยยิ้มๆ แล้วคิดจะเลียบๆเคียงๆถามถึงพีระ
“น้ำมนต์...ถามอะไรหน่อยสิ เอ่อ...ผีที่ก่อกวนน้ำมนต์อ่ะยังอยู่แถวนี้ป่ะ”
“ไม่...ไม่รู้หายไปไหน ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เห็นครั้งสุดท้ายก็ที่บึงน้ำนั่นแหละ”
“เหรอ”
น้ำมนต์คิดๆ
“แปลก...ปกติจะต้องมากวนประสาท”
“สงสัยเขาจะไปเกิดใหม่แล้วมั้ง หรือไม่ก็ไปเจอคนอื่นที่ช่วยเหลือเขาได้ เลยไปแล้วมั้ง”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ก็จะดีใจกับเขาด้วย”
อัฐชัยแอบยิ้ม สมใจ
ในสำนักอาจารย์เทพ...พีระถูกมัดด้วยสายสิญจน์ เคลื่อนไหวไม่ได้พยายามจะขยับ แต่ต้องผงะ เจ็บปวดกลับมา
“โอ๊ย”
อาจารย์เทพนั่งเอนหลังอยู่ โดยที่หน้ามีหน้ากากบำรุงผิวหน้าแปะอยู่ด้วย พักผ่อนท่าทางสำราญ เกี๊ยงบีบนวดฝ่าเท้าให้อาจารย์เทพ แบบกดจุด
“ยิ่งดิ้น แกก็ยิ่งเจ็บ...อยู่เฉยๆ รอฉันคิดก่อนว่าจะจัดการกับแกยังไงดี นี่ฉันไม่ขังแกในหม้อแคบๆก็บุญเท่าไหร่แล้ว”
“จารย์เทพครับ ทำพิธีเปิดเนตรให้ผมมั่งดิ ผมอยากเห็นผีมั่ง”
“แกแน่ใจนะ เออ ไว้เดี๋ยวจะทำให้”
“พวกแกจับฉันมาทำไม” พีระถามอย่างไม่เข้าใจ
“แกทำอะไรได้บ้างล่ะ ถ้าแกหูไวตาไว ฉันอาจให้แกเป็นม้าเร็ว คอยกระซิบบอกข่าว ถ้าแกมาแนวโหดร้าย ฉันอาจให้แกเป็นทัพหน้าลุยทุกสถานการณ์”
“ฉันไม่เป็นอะไรทั้งนั้น”
“งั้นแกก็ไม่มีค่า”
โทรศัพท์มือถือดัง เกี๊ยงรีบหยิบมาดูเบอร์แล้วส่งให้
“จารย์เทพ...คุณอัฐครับ”
พีระอึ้งที่ได้ยินชื่ออัฐชัย อาจารย์เทพรับมารับสาย
“ว่าไงอัฐชัย...”
อัฐชัยแอบมาคุยโทรศัพท์ที่ระเบียง กำลังตะคอกดุใส่โทรศัพท์
“ผมบอกให้อาจารย์แอบจับผีไปอย่าให้ใครเห็น ไม่ใช่ให้ปล่อยผีออกมายั้วเยี้ยผมเกือบตายแล้วรู้มั้ย”
“อ้าว ก็ถ้าไม่มีตัวล่อความสนใจ แล้วจารย์จะแอบจับผีไม่ให้ใครรู้ได้ไง ไอ้เรื่องผีๆ มันเอาแน่เอานอนไม่ได้ จารย์ก็ช่วยเต็มที่แล้ว นี่ถ้าไม่ช่วย มันเอาชีวิตนายไปแล้ว แล้วจะให้จารย์ทำยังไงกับไอ้ผีตนนี้ดี”
“อยากทำอะไรก็ตามใจเลย แค่อย่าให้มันกลับมาก่อกวนแฟนผมอีกก็พอ”
อัฐชัยวางสาย ดีใจที่จัดการผีพีระไปได้ หันมองไปในห้อง น้ำมนต์ออกจากห้องน้ำพอดี เลยรีบเข้าไป...อาจารย์เทพวางสาย ส่งคืนให้เกี๊ยง
“ปิดจ๊อบไปอีกหนึ่ง...เกี๊ยง...อย่าลืมตามไปเก็บบิลด้วยล่ะ”
“ครับ...แล้วจารย์เทพจะเอาไงกับผีตนนี้ดีครับ ไหนๆจารย์เทพก็บอกว่ามันไม่มีค่า งั้นเกี๊ยงขอเอามาทดลองอาคมได้มั้ยครับ”
“ทดลองอาคม นี่แกเห็นฉันเป็นหนูทดลองหรือไง” พีระโวย
อาจารย์เทพมองหน้าเกี๊ยง
“แกจะทดลองอะไร ท่องนะโมได้แล้วเหรอ”
“ได้แล้วครับ มะโน...”
“นะโมเว้ย”
อาจารย์เทพไม่อนุญาต นอนพักผ่อนต่อไป ไม่แยแสเกี๊ยงอีก เกี๊ยงเซ็ง หันไปจ้องพีระด้วยสายตาอยากจะเอามาทดลองเล่นเสียจริงๆ
ในสถานีพราวด์ดิจิตัล...เอมี่ลงนั่งที่โต๊ะทำงานเมสินี โดยยุทธยืนอยู่ด้วย
“ขอโทษที่เอมี่นัดกะทันหันนะคะคุณเมสินี แต่เอมี่มีเรื่องอยากจะแจ้งให้คุณทราบด่วนจริงๆ”
“ฉันก็มีเรื่องด่วนอยากพูดกับเธอเหมือนกัน”
เอมี่แปลกใจ เมสินีดวงตาแวววาว มีแผน
แมนสรวงเดินตามหาพีระออกมาจากในบ้านน้ำมนต์
“พีระ...แกอยู่มั้ยเนี่ย พีระ...น้ำมนต์กลับมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ทำไมพีระหายหัว หนีไปเที่ยวไหนของมัน”
รถของอัฐชัยแล่นมาจอดที่หน้าบ้าน อัฐชัยรีบลงมาเปิดประตูรถให้น้ำมนต์
“อัฐไม่เห็นต้องมาส่งเลย ตัวเองไม่สบายแท้ๆ”
“ก็บอกแล้วไงว่า ไม่ได้เป็นอะไรมาก...หรือถึงเป็น แต่ได้ดูแลน้ำมนต์ อัฐก็สู้ตาย” อัฐชัยยิ้มแย้ม
น้ำมนต์ลึกๆก็รู้สึกดีไม่น้อย
“เว่อร์”
“เข้าบ้านเถอะ”
อัฐชัยไปเปิดประตูบ้านให้ ข้าวต้มวิ่งออกมาจากในบ้าน
“พี่น้ำมนต์...เค้าหิวแล้ว”
“อ้าว ยังไม่ได้กินอะไรอีกเหรอ”
“ถ้ากินก็ต้องอิ่ม นี่บ่นหิว แปลว่าอะไรล่ะครับ...พี่พีระอยู่ไหน”
“พีระ”
น้ำมนต์หันมามองอัฐชัย เขาทำเป็นไม่รู้ น้ำมนต์หันมาถามข้าวต้ม
“แล้วเขาไม่ได้อยู่ในบ้านเหรอ”
“ไม่อยู่ ไม่เห็นกลับมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว พี่ไปทำอะไรให้พี่พีโกรธใช่มั้ย โทรไปขอโทษพี่พีเดี๋ยวนี้เลย”
“พี่เปล่านะ ไม่ได้ทำอะไรเลย” น้ำมนต์คว้าแขนข้าวต้ม “ไป เดี๋ยวพี่ทอดไข่ให้กินแล้วกัน”
น้ำมนต์พาเข้าไป ข้าวต้มโวยวาย
“ไม่เอา พี่ทำไม่อร่อย ทอดไข่ยังไม่อร่อยเลย เค้าจะให้พี่พีมาทำให้เค้ากิน ไปตามพี่พีระมา”
น้ำมนต์ลากข้าวต้มเข้าไป แมนสรวงแปลกใจ
“น้ำมนต์ก็ไม่รู้ว่าพีระหายไปเหรอ แปลก มันมีอะไรแปลกๆ”
น้ำมนต์เอาข้าวไข่เจียวมาวางที่โต๊ะ ข้าวต้มนั่งเท้าคางหน้าบึ้งอยู่ที่โต๊ะ
“เค้าไม่กิน”
“อย่าเรื่องมาก”
“เค้าจะกินข้าวผัดฝีมือพี่พีระ”
“เอางี้ พี่พาออกไปหาอะไรอร่อยๆกินนอกบ้านดีมั้ย จะกินไก่ทอดหรือพิซซ่า หรือทั้งสองอย่างเลยก็ได้” อัฐชัยชวน
“ไม่ เค้าจะรอจนกว่าพี่พีระจะมาทำให้เค้ากิน ถ้าพี่พีระไม่มา เค้าไม่กิน”
“แน่ใจนะ...งั้นพี่เอาไปทิ้งนะ” น้ำมนต์โมโห
ข้าวต้มเชิ่ดหน้า น้ำมนต์โมโหยกจานข้าวไปในครัว อัฐชัยมองหน้าข้าวต้ม
“คิดดีแล้วเหรอที่จะรอ...พี่จะบอกให้ว่านายพีระจะไม่มีวันกลับมาที่นี่อีกแล้ว เขาไปดีแล้ว”
ข้าวต้มหันมาจ้อง ข้องใจ
“พี่ทำอะไรพี่พีระเหรอ”
“เปล่า”
“แล้วทำไมพี่ถึงบอกว่าพี่พีระจะไม่กลับมาอีก”
“เอาเป็นว่า ต่อไปพี่จะดูแลเรากับพี่สาวเองนะ ถ้าอยากกินอะไรอร่อยๆ พี่จะพาไปกินทุกวันเลย ดีมั้ย”
มือถือของอัฐชัยดังขึ้น เขาดูเบอร์แล้ว จะขอปลีกตัวไปรับสาย น้ำมนต์เดินกลับมาพอดี
“น้ำมนต์...งั้นอัฐกลับก่อนนะ แล้วพรุ่งนี้เจอกันนะครับ”
“ขับรถดีๆนะอัฐ”
อัฐชัยรีบเดินแยกออกไป แมนสรวงมองตามอัฐชัย
อัฐชัยเดินแยกออกมารับโทรศัพท์ แมนสรวงตามออกมา อัฐชัยรับสาย
“โทรมาทำไมอีก”
เกี๊ยงยืนพูดสายอยู่
“ผมโทรมาเรื่องค่าใช้จ่ายน่ะครับคุณอัฐชัย ไม่ทราบว่าจะให้ผมรับด้วยตัวเองหรือจะโอนเงินดีครับ”
“เดี๋ยวฉันโอนเงินไปให้เอง บอกอาจารย์เทพด้วย ว่าทีหลังไม่ต้องโทรมาตามเงินกับฉันอีก คนอย่างอัฐชัยไม่เคยโกงเงินใคร”
อัฐชัยวางสาย หงุดหงิด เดินออกไป แมนสรวงอึ้งๆ
“ครั้งก่อนมันก็จ้างหมอผีมาจัดการพีระทีนึง นี่มันจ้างทำอะไรอีก” แมนสรวงฉุกคิดขึ้นมาได้ “แย่แล้วพีระ”
แมนสรวงวิ่งกลับเข้ามาในบ้าน
“ไปช่วยพีระเร็ว”
แต่น้ำมนต์กับข้าวต้มกำลังแง่งใส่กันอยู่
“อยู่ดีๆมาบอกให้พี่เลิกคบอัฐชัย เรานี่นิสัยยังไง”
“ก็พี่อัฐชัยนิสัยไม่ดี เค้าไม่ชอบ”
“อะไรที่ว่าไม่ดี”
“ทุกอย่าง”
“นี่ ฟังก่อน...พีระถูกจับตัวไป” แมนสรวงเข้ามา
แต่น้ำมนต์กับข้าวต้มไม่ได้ยิน
“พี่รักพี่อัฐชัยเหรอ”
“ข้าวต้ม” น้ำมนต์อึ้ง
“เถียงแทนกันขนาดนี้ รักแน่ๆ เค้ากับพี่อัฐชัย พี่จะเลือกใคร”
แมนสรวงรีบชี้ไปที่โทรศัพท์ของน้ำมนต์
“โทรศัพท์มา”
โทรศัพท์น้ำมนต์ดังทันที น้ำมนต์ผละไปรับสาย
“ฮัลโหล”
แมนสรวงโผล่มายืนข้างน้ำมนต์ เป็นคนโทรเข้ามานั่นเอง
“ฟังให้ดีนะน้ำมนต์ อัฐชัยให้หมอผีมาจับพี...”
แต่ข้าวต้มดันวิ่งออกไปจากบ้านก่อน น้ำมนต์รีบตะโกนเรียกตาม
“ข้าวต้ม...จะไปไหน”
น้ำมนต์ไม่สนใจโทรศัพท์ วิ่งตามข้าวต้มออกไป แมนสรวงเซ็ง
“โธ่เอ๊ย”
ข้าวต้มวิ่งหนีออกมา ปากก็ตะโกน
“ไม่ต้องตามเค้ามา ถ้าพี่เลือกคนอื่น เค้าก็จะไม่อยู่เป็นกขค.อีก”
น้ำมนต์วิ่งตามมา
“ข้าวต้ม หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
แมนสรวงวิ่งตามน้ำมนต์มาอีกทอด
“น้ำมนต์...กลับมาก่อน คุณคนเดียวที่จะช่วยพีระได้”
ข้าวต้มวิ่งไม่หยุด น้ำมนต์ไล่ตาม แมนสรวงไล่ตามอีกที เป็นขบวน เอมี่ขับรถมา จะไปบ้านน้ำมนต์ แต่พอมองออกไปข้างหน้า เห็นน้ำมนต์กำลังวิ่งไล่ข้าวต้มผ่านไป มีแมนสรวงวิ่งด้วย แต่เอมี่ไม่เห็นแมนสรวง เอมี่รีบจอดรถ จะถอยกลับก็ไม่ทัน เลยเปิดประตูลงไป
“น้ำมนต์”
เอมี่วิ่งตามน้ำมนต์ไปอีกคน กลายเป็นขบวนวิ่งไล่ 4คน
“หยุดเดี๋ยวนี้นะข้าวต้ม”
“เค้าไม่หยุด”
แมนสรวงวิ่งตาม
“หยุดทั้งคู่นั่นแหละ ถ้าไม่หยุด...ฉันหยุดเอง”
แมนสรวงหยุด เหลืออด
“จะไปแข่งสี่คูณร้อยกันหรือไง...อย่างนี้ต้องปรากฏตัวไปคุยให้รู้เรื่องไปเลย”
แมนสรวงเปลี่ยนมาอยู่ในชุดอีกชุดนึงแล้ว เป็นแนวหล่อสะอาดสะอ้าน สุภาพ คุณชายๆเปลี่ยนบุคลิกไปเลย แมนสรวงกำลังจะวิ่งตามน้ำมนต์ต่อ แต่อยู่ๆเอมี่ที่วิ่งตามหลังมา เพิ่งจะเห็นแมนสรวง เบรกไม่ทัน ชนหลังเข้าอย่างจัง
“ว้าย”
เอมี่จะล้ม แมนสรวงคว้ามือ แล้วดึงตวัดให้เอมี่หมุนพลิกเข้ามาอยู่ในอ้อมอกพอดี ท่า สวยงามแบบเต้นลีลาศ ทั้งคู่ต่างตะลึงในกันและกันไปชั่วขณะ เมื่อได้สติ แมนสรวงปล่อยเอมี่ออกจากอ้อมอก ปล่อยในท่าแบบลีลาศเช่นเดิม คือ ให้เอมี่หมุนพลิกตัวคืนไปทั้งคู่มองกันเคอะเขิน
“เอ่อ...ไม่เป็นอะไรนะครับ”
“ค่ะ”
น้ำมนต์วิ่งจับข้าวต้มได้แล้ว แต่ข้าวต้มยังดิ้น ส่งเสียงดังเข้ามา เอมี่เรียก
“น้ำมนต์...”
แมนสรวงมองหน้าเอมี่
“คุณรู้จักน้ำมนต์ ดีเลยผมมีเรื่องอยากจะขอร้องคุณอย่างนึงได้มั้ยครับ”
เอมี่ยิ้มเขินแทนคำตอบ
น้ำมนต์สั่งข้าวต้มให้ขึ้นไปบนบ้านอย่างโมโห
“พี่บอกกี่ครั้งแล้วว่าห้ามวิ่งพรวดพราดออกไปข้างนอก เกิดมีรถวิ่งมาชนจะทำยังไง ทำไมไม่เชื่อฟังกันเลย”
เอมี่เดินเข้ามา อยากจะทัก แต่เห็นน้ำมนต์ดุน้องอยู่ เลยไม่กล้าแทรก จนกระทั่งน้ำมนต์หันมาเห็นเอง
“อ้าว พี่เอมี่...เดี๋ยวคืนนี้ค่อยมาคิดบัญชีกัน ไป ขึ้นไปทำการบ้านข้างบน พี่จะคุยธุระ”
“เราขาดกัน”
ข้าวต้มงอน วิ่งขึ้นไป
“ขอโทษทีนะคะพี่ มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าคะ”
“เรื่องแรก” เอมี่ยื่นซองเงินให้ “อ่ะ ค่าตัวพิธีกรสองเทปล่าสุด ร้อนเงินไม่ใช่เหรอ พี่เลยรีบเอาเงินสดมาให้ก่อนเลย”
“โห ถึงกับขับรถเอามาให้เลย ขอบคุณนะคะพี่”
“และอีกเรื่อง...พรุ่งนี้คุณเมสินีอยากพบเธอ”
“เข้าไปคุยเรื่องรายการเหรอคะ ได้เลยค่ะ กี่โมงคะ เดี๋ยวน้ำมนต์โทรนัดเพื่อนๆให้”
“เขาอยากพบเธอคนเดียว”
น้ำมนต์ชะงัก
“คะ...เรื่องอะไรคะ”
“พี่ก็ไม่รู้...รู้แต่คุณเมสินีแกย้ำว่าเธอต้องไป พรุ่งนี้ ที่สถานี และไปคนเดียว”
น้ำมนต์แปลกใจ
“และเรื่องสุดท้าย...อ้ะ มีคนฝากโน้ตมาให้”
เอมี่ยื่นกระดาษให้ น้ำมนต์รับกระดาษมาคลี่อ่าน
“อัฐชัยให้หมอผีจับพีระไปแล้ว เธอต้องไปช่วยพีระ”
“ใครเป็นคนฝากมาคะ” น้ำมนต์อึ้ง
“ผู้ชาย...ขาว สูง เท่ หน้าตาดี ผิวพรรณก็ดี ยิ้มสวย แววตาเขาสดใสมาก จ้องแล้วรู้สึกเหมือนถูกสะกด แต่ชื่ออะไรก็ไม่รู้พี่ลืมถาม”
แมนสรวงโผล่มายืนตรงหน้าเอมี่
“ผมชื่อแมนสรวงครับ”
เอมี่มองไม่เห็นแมนสรวง
“จะมีโอกาสได้เจอเขาอีกมั้ยก็ไม่รู้”
เอมี่เคลิ้มถึงแมนสรวง โดยไม่รู้เลยว่าแมนสรวงยืนอยู่ตรงนั้น น้ำมนต์รีบลุกไปหยิบโทรศัพท์
“ขอตัวก่อนนะคะ”
อัฐชัยกลับเข้ามาที่บ้าน มือถือดัง รีบหยิบมารับ
“ว่าไงครับน้ำมนต์”
น้ำมนต์พูดโทรศัพท์อยู่ที่บ้าน
“อัฐให้หมอผีไปจับพีระเหรอ”
“หา...อะไร...เอาที่ไหนมาพูด”
“ตอบมาตามตรง ถ้าอัฐโกหก เราจะไม่คุยด้วยอีกแล้ว..อัฐให้หมอผีมาจับพีระไปจริงหรือเปล่า”
อัฐชัยจ๋อยไป
“เอ่อ...จริง...”
“ทำไมอัฐถึงทำอย่างนี้ เราบอกแล้วไงว่าพีระเขามาดี ไม่ได้มาร้าย”
“แต่เขาเป็นผีนะ จะดีหรือร้ายผมไม่สน แต่คนกับผีจะอยู่ร่วมบ้านเดียวกันไม่ได้”
“อัฐรู้หรือเปล่าว่าตอนที่อัฐจมน้ำ พีระนี่แหละที่ลงไปช่วยอัฐขึ้นมา เขาช่วยชีวิตอัฐ แต่อัฐตอบแทนเขาอย่างนี้เหรอ เราไม่คิดเลยว่าอัฐจะเป็นคนอย่างนี้ อัฐต้องไปปล่อยพีระออกมา”
“น้ำมนต์ อาจารย์เทพจะส่งเขาไปที่ชอบๆ เราไม่ต้องไปห่วงเขาหรอกนะ ช่างเขาเถอะ”
“ถ้าอัฐไม่ช่วย ก็ไม่เป็นไร น้ำมนต์ไปช่วยพีระเองก็ได้”
“โอเคๆ” อัฐชัยรีบบอก
พีระนั่งหง่าวอยู่ที่เดิม พอขยับก็เกิดการสปาร์คของอาคม พีระได้แต่เซ็ง
“มันจะจับเราไว้ถึงเมื่อไหร่”
เกี๊ยงเดินเข้ามา มองเห็นพีระ จ้องอย่างตื่นเต้น
“ฮ้า ฉันเห็นแกแล้ว ว้าว จารย์เทพเปิดเนตรได้แจ่มแจ๋วมาก เห็นผีชัดแจ๋วเลย แหม นั่งหงอยเป็นคิงคองป่วยเชียวนะ ฮะๆ”
“ไอ้หน้าปลาจวด หุบปากได้ป่ะ รำคาญ” พีระด่าทันที
“หุบก็ได้ ฮึๆ”
เกี๊ยงกระหยิ่ม คิดทดลองอาคมกับพีระ เดินไปหยิบคัมภีร์อาคมบริเวณแท่นทำพิธีของอาจารย์เทพมา รื้อๆแล้วหยิบคัมภีร์โบราณออกมา
“แกรู้ป่าวว่าตอนนี้มีแค่เราสองคน จารย์เทพไม่อยู่ ออกไปทำพิธีสะเดาะห์เคราะห์ให้ลูกค้า”
“แกจะทำอะไร”
เกี๊ยงเปิดคัมภีร์
“ฉันก็อยากจะลองวิชากับแกหน่อยน่ะสิ อื้ม ฉันมีอาคมนึง อยากลองใช้มานานแล้ว ขอลองกับแกแล้วกัน”
“อาคมอะไร” พีระงงๆ
“ฉันจะส่งแกไปนรก”
พีระอึ้ง เกี๊ยงเปิดตำรา แล้วบริกรรมคาถาตามตำราทันที ทำนองสวดออกแนวเขมรๆ เสียงสวดดังกังวานไปทั่วบริเวณ พีระผงะ กลัว แล้วอยู่ๆที่บริเวณพื้นที่พีระยืนอยู่ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลง คล้ายจะเป็นประตูนรก เป็นเปลวไฟๆ มีมือผีมาดึงร่างพีระ ให้จมลงไป
“เฮ้ย ไม่...ไม่นะ”
ขณะที่พีระกำลังจะจมลงไป อยู่ๆเกี๊ยงมีอาการลมตี ทำให้การอ่านเว้นวรรคผิด จังหวะผิด แล้วจบที่จาม ฮัดเช้ย การอ่านคาถาสะดุด ทันใด ประตูนรกก็กลับปิดลง ทุกอย่างคืนสู่สภาพเดิม แล้วยังทำให้สายสิญจน์อาคมที่รัดตัวพีระอยู่อันตรธานหายไปด้วย
“สายสิญจน์หายไปแล้ว...งั้นก็...บ๊ายบาย”
พีระวิ่งหนีออกไปทันที เกี๊ยงหน้าซีด ฉิบหายแล้ว
“หยุดนะ”
พีระชะงัก เกี๊ยงดีใจ นึกว่าตัวเองมีอาคม
“นี่ฉันสั่งให้แกหยุดได้ด้วยเหรอ”
พีระหันกลับมา
“เปล่า ฉันแค่คิดว่า ฉันควรจะคิดบัญชีกับแกนิดนึง”
ว่าแล้วพีระก็หันมาชก เปรี้ยง แล้วรีบหนีไป เกี๊ยงรีบวิ่งไล่ตาม
พีระวิ่งออกมา เกี๊ยงวิ่งตามมา
“หยุดนะ”
“แกมันโง่เองแท้ๆ อย่างที่อาจารย์ของแกว่า แกไปท่องนะโมให้ได้ก่อนจะดีกว่า ฮะๆ”
พีระกำลังวิ่งออกไป แต่ออกไปไม่เท่าไหร่ ก็ต้องผงะ ถูกอาคมบางอย่างกระแทกจนตัวลอย กระเด็นถอยกลับมาที่เดิมล้มคว่ำไป
“โอ๊ย”
อาจารย์เทพเดินตามเข้ามา เป็นฝีมือของเขานั่นเอง เกี๊ยงกลัวความผิด รีบใส่ร้าย
“มันหลอกเกี๊ยง แล้วมันก็คิดจะหนี ผีตนนี้มันเลวจริงๆครับจารย์เทพ”
“แกหนีฉันไม่รอดหรอก”
พีระหน้าซีด
อัฐชัยอยู่กับน้ำมนต์ในรถ อัฐชัยกำลังกดโทรศัพท์
“ฮัลโหล เกี๊ยง...ฉันกำลังจะเอาเงินเข้าไปให้อาจารย์เทพที่สำนักและฉันต้องการตัวผีพีระด้วย อะไรนะ...”
“จารย์เทพกำลังทำพิธีสาปส่งวิญญาณมันไปนรกแล้วครับ คุณห้ามไม่ทันแล้วล่ะครับ แค่นี้นะครับ ผมต้องไปช่วยจารย์เทพ” เกี๊ยงวางสาย
“เดี๋ยว...ฮัลโหล”
“ทำไม”
“อาจารย์เทพกำลังจะสาปส่งพีระไปนรก”
“ขับให้เร็วกว่านี้” น้ำมนต์อึ้งๆ
พีระถูกต้อนเข้าไปในมุม
“ทีแรกฉันกะจะเก็บแกเอาไว้ใช้งาน แต่...ถ้าแกก่อปัญหามาก ฉันก็ไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม ฉันจะส่งแกไปที่ชอบๆเอง”
อาจารย์เทพหยิบธงขึ้นมา กำลังวาดโบกไปในอากาศ
“เดี๋ยวๆ แกจะส่งวิญญาณฉันเหรอ คุยกันก่อนสิ ตกลงกันก่อนได้มั้ย”
เกี๊ยงเข้ามา
“แกไม่รอดแน่”
“แก...ทำไมแกทำกับวิญญาณไม่มีทางสู้อย่างนี้ ไม่แมนเลย”
อาจารย์เทพชะงัก
“ว่าไงนะ”
“แกไม่แมน แกมันกระจอก ดีแต่ทำผีไม่มีทางสู้ แน่จริง แกมาวัดกับฉันตัวตัวมั้ยล่ะ”
“วัดกับแกเหรอ หึ ไม่ว่าจะด้วยอาคม หรือด้วยกำลัง ยังไงแกก็สู้ฉันไม่ได้”
เกี๊ยงเข้าไปถกแขนเสื้ออาจารย์เทพ ตบๆอวดๆ
“ดูแขนจารย์เทพซะก่อน...ใหญ่เหมือนเสาไฟ แกจะสู้อะไรได้”
“สู้ไม่ได้ ก็จะขอสู้ตาย ให้สมชายชาติทหาร กล้ามั้ยล่ะ”
“แกอย่ามาหลอกล่อฉันให้ยาก”
อาจารย์เทพไม่หลงกล ท่องคาถาต่อ พีระถูกตรึง ร่างกายมีรูกลวงโบ๋ปรากฏ และมันขยายใหญ่ขึ้น พีระตกใจที่เห็นร่างกายตัวเอง รีบร้อง
“เฮ้ย...แก...โอเคๆ ฉันสู้แกไม่ได้...งั้นฉันขออะไรแกอย่างนึงได้มั้ย อย่างเดียว แล้วแกจะส่งวิญญาณฉันยังไงก็ได้ เมตตาผีใกล้ตายสักครั้งเถอะ”
“แกจะเอาอะไร”
“ถ้าฉันต้องตายซ้ำอีกรอบ ฉันอยากไปตายในที่ๆฉันมีความทรงจำดีๆ พาฉันไปที่นั่นนะ แล้วแกจะส่งวิญญาณฉันไปนรกขุมไหนก็ได้”
“จารย์เทพอย่าไปฟังมัน จัดการให้จบๆเถอะครับ” เกี๊ยงขัดขึ้น
“เมตตาหน่อยเถอะ” พีระอ้อนวอน
“ลุยต่อเถอะครับ” เกี๊ยงยุ
“อ๋อ นี่แกไม่มีความคิดเองใช่มั้ย ต้องให้ไอ้ลูกศิษย์จูงจมูกเหรอ”
“ไม่ใช่เว้ย...เออ...” อาจารย์เทพตวาด
อาจารย์เทพผละออก ร่างกายพีระกลับมาปกติ
“ฉันจะให้แกได้ไปตายในที่ชอบๆ แกอยากไปตายที่ไหน บอกมาเลย”
พีระยิ้ม โล่งอกขึ้นมานิดหนึ่งที่หว่านล้อมสำเร็จ
“หรือจริงๆฉันต้องขอร้องลูกศิษย์เกี๊ยง แกช่วยสั่งอาจารย์แกให้เมตตาฉันหน่อย”
ในสุสานรถยามค่ำคืน...ประตูรั้วถูกถีบเปิดออก อาจารย์เทพและเกี๊ยงคุมตัวพีระให้เดินเข้ามาภายใน
“ที่นี่เหรอที่แกอยากมาเป็นครั้งสุดท้าย”
“ใช่ ฉันตื่นขึ้นมาที่นี่ ฉันก็เลยรู้สึกผูกพันกับที่นี่มาก ขอมาที่นี่เป็นครั้งสุดท้าย แต่ อย่าเพิ่งทำอะไรนะ ขอฉันเลือกมุมโปรดก่อน”
พีระเดินนำเข้าไป อาจารย์เทพกับเกี๊ยงเดินตาม มีบางสิ่งบางอย่างวูบไหวผ่านไปมาตลอด เกี๊ยงหันมาบอกอาจารย์เทพ
“จารย์เทพ เกี๊ยงว่าบรรยากาศมันน่ากลัวเหมือนกันนะ”
“มากับอาจารย์เทพ แกยังจะกลัวอะไรอีก”
พีระหันหลังให้ปากพึมพำ เรียกหาคามิน
“ยังอยากได้วิญญาณฉันอยู่มั้ย...ถ้าอยากได้ก็ออกมาเลยไอ้ผีคามิน”
พีระลุ้น ภาวนาให้คามินออกมา หวังว่าแผนการที่คิดเอาไว้จะสำเร็จ สายตาใครบางคน จ้องมองมาที่พวกพีระ ด้วยความรู้สึกอาฆาตมาดร้าย
จบตอนที่ 2