ASTV ผู้จัดการรายวัน – ตลาดหุ้นร่วง 18 จุดปิดตลาดดัชนี้อยู่ที่1,520.81 จุด เหตุนักลงทุนวิตกอภิมหาโปรเจต์ 3.3 ล้านล้านบาทล้ม CK ITD ร่วง และพิษข่าวเก่า คสช.ชะลอประมูล 4G กด TRUE ADVANC และ INTUCH
ดัชนีปิดตลาดวันที่ 22 กรกฎาคม 2557 ไปที่ 1,520.81 จุด ลดลง 17.74 จุด เปลี่ยนแปลง -1.15% มูลค่าการซื้อขาย 68,572.72 ล้านบาท โดยระหว่างเทรดดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ 1,545.29 จุด และต่ำสุดที่ 1,516.93 จุด โดยนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 2,066.85 ล้านบาท บริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 579.92 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 1,716.36 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 930.40 ล้านบาท
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเชียพลัส ระบุสาเหตุที่วันนี้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงกว่า 18 จุด เนื่องจากดัชนีหลุดแนวรับจิตวิทยาลงมา ทำให้นักลงทุนรายย่อยตัดสินใจตัดขาดทุน ประกอบกับนักลงทุนสถาบันซึ่งมีต้นทุนเฉลี่ยที่ 1,370 จุดสามารถทำกำไรในพอร์ตได้เฉลี่ย 17% จึงขายทำกำไรออกมาจำนวนหนึ่ง อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้นักลงทุนต่างชาติยังคงเข้าซื้อสุทธิหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง
“ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ดัชนีจะปรับตัวลงเพราะตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ดัชนีปรับตัวขึ้นมาแล้ว 10 – 15% และปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 5 สัปดาห์รวม 6% ถ้าให้มองเฉพาะนักลงทุนสถาบันเขาสามารถทำกำไรได้แล้วประมาณ 17% จะขายช่วงนี้ก็ไม่แปลก” นายประกิต กล่าว
ส่วนกระแสข่าวลือกรณีที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. จะยกเลิกการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 3.3 ล้านล้านบาทของกระทรวงคมนาคมนั้น ถือเป็นกระแสข่าวที่เข้ามากดดันจิตวิทยาการลงทุนระดับหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากหากพิจารณาถ้อยแถลงของพลเอกประยุทธ์ตั้งแต่เข้ามาดำรงค์ตำแหน่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าจะไม่ดำเนินโครงการที่ก่อให้เกิด “งบประมาณผู้พัน” ไปถึงรัฐบาลต่อไป ดังนั้นหากมีการอนุมัติดำเนินโครงการดังกล่าวจริง คาดว่าจะเป็นโครงการย่อยเช่นรถไฟทางคู่ และรถไฟฟ้า 10 สายในกรุงเทพมหานครเท่านั้น
“อยากให้นักลงทุนพิจารณาตามความจริงแล้วรัฐบาลรักษาการจะไม่สร้างงบผูกพันไปยังรัฐบาลปกติ ที่สำคัญการที่จะลงทุนดำเนินโครงการขนาดใหญ่ขนาดนี้ต้องมีการอนุมัติเงินกู้มูลค่ามหาศาล ซึ่งผมพยายามอธิบายนักลงทุนมาตลอดว่าโครงการระดับนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ภายในรัฐบาลเดียวตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่การเก็งกำไรกระแสข่าวก็เป็นส่วนหนึ่งของนักลงทุนรายย่อย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีหุ้นเคลื่อนไหวตามกระแสข่าว” นายประกิต กล่าว
ดัชนีปิดตลาดวันที่ 22 กรกฎาคม 2557 ไปที่ 1,520.81 จุด ลดลง 17.74 จุด เปลี่ยนแปลง -1.15% มูลค่าการซื้อขาย 68,572.72 ล้านบาท โดยระหว่างเทรดดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ 1,545.29 จุด และต่ำสุดที่ 1,516.93 จุด โดยนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 2,066.85 ล้านบาท บริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 579.92 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 1,716.36 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 930.40 ล้านบาท
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเชียพลัส ระบุสาเหตุที่วันนี้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงกว่า 18 จุด เนื่องจากดัชนีหลุดแนวรับจิตวิทยาลงมา ทำให้นักลงทุนรายย่อยตัดสินใจตัดขาดทุน ประกอบกับนักลงทุนสถาบันซึ่งมีต้นทุนเฉลี่ยที่ 1,370 จุดสามารถทำกำไรในพอร์ตได้เฉลี่ย 17% จึงขายทำกำไรออกมาจำนวนหนึ่ง อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้นักลงทุนต่างชาติยังคงเข้าซื้อสุทธิหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง
“ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ดัชนีจะปรับตัวลงเพราะตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ดัชนีปรับตัวขึ้นมาแล้ว 10 – 15% และปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 5 สัปดาห์รวม 6% ถ้าให้มองเฉพาะนักลงทุนสถาบันเขาสามารถทำกำไรได้แล้วประมาณ 17% จะขายช่วงนี้ก็ไม่แปลก” นายประกิต กล่าว
ส่วนกระแสข่าวลือกรณีที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. จะยกเลิกการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 3.3 ล้านล้านบาทของกระทรวงคมนาคมนั้น ถือเป็นกระแสข่าวที่เข้ามากดดันจิตวิทยาการลงทุนระดับหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากหากพิจารณาถ้อยแถลงของพลเอกประยุทธ์ตั้งแต่เข้ามาดำรงค์ตำแหน่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าจะไม่ดำเนินโครงการที่ก่อให้เกิด “งบประมาณผู้พัน” ไปถึงรัฐบาลต่อไป ดังนั้นหากมีการอนุมัติดำเนินโครงการดังกล่าวจริง คาดว่าจะเป็นโครงการย่อยเช่นรถไฟทางคู่ และรถไฟฟ้า 10 สายในกรุงเทพมหานครเท่านั้น
“อยากให้นักลงทุนพิจารณาตามความจริงแล้วรัฐบาลรักษาการจะไม่สร้างงบผูกพันไปยังรัฐบาลปกติ ที่สำคัญการที่จะลงทุนดำเนินโครงการขนาดใหญ่ขนาดนี้ต้องมีการอนุมัติเงินกู้มูลค่ามหาศาล ซึ่งผมพยายามอธิบายนักลงทุนมาตลอดว่าโครงการระดับนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ภายในรัฐบาลเดียวตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่การเก็งกำไรกระแสข่าวก็เป็นส่วนหนึ่งของนักลงทุนรายย่อย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีหุ้นเคลื่อนไหวตามกระแสข่าว” นายประกิต กล่าว