ASTV ผู้จัดการรายวัน - เงินบาทแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปิดตลาดหุ้นไทยดัชนีพุ่ง 20 จุด ด้าน "ณรงค์ชัย อัครเศรณี" เผย ต่างชาติหวังแก้ปัญหาคอรัปชั่น สร้างความโปร่งใส และส่งเสริมการลงทุน ยืนยัน รัฐบาลทหารไม่กระทบต่อการทำธุรกิจ โบรกเกอร์คาดพรุ่งนี้ดัชนีผันผวนแดนบวก
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน หรือ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด มหาชน กล่าวภายหลังการเสวนาเรื่อง A Public Forum on "The Macroeconomic Impact of Thailand's Military Intervention" จัดโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเชิญตัวแทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน พร้อมด้วยตัวแทนนักลงทุนต่างชาติ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
ระหว่างการเสวนา นายณรงค์ชัย ในฐานนะตัวแทนประเทศไทย ได้ชี้เเจงถึงการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของไทย ที่เกิดจากสถานการณ์ความปั่นป่วนภายในประเทศ ทำให้ต้องเปลี่ยนการปกครองเป็นรัฐบาลทหาร แทนการบริหารตามระบอบประชาธิปไตย ให้แก่ผู้เสวนาซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติได้รับทราบ ว่า ทหารได้เข้ามาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น และจัดระเบียบประเทศใหม่ จนกว่าจะสามารถจัดการเลือกตั้งได้ ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปีเศษ เบื้องต้น ผู้เข้าร่วมเสวนา จากประเทศญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นภายในประเทศไทยและยังคงยืนยันที่ลงทุนต่อไปไม่ย้ายฐานการลงทุนไปยังประเทศอื่น เพราะนักลงทุนเหล่านี้ หวังว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะนำไปสู่ความโปร่งใสในการทำธุรกิจ
สำหรับการประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว ของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ หรือ คสช.นั้น นายณรงค์ชัย ยืนยันว่า ไม่ได้กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ เพราะรับรู้ว่าประเทศไทยปกครองด้วยรัฐบาลทหาร แต่ก็อยากให้ประเทศไทยกลับเข้าสู่ระบบการปกครองที่มาจากการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้วันที่ 23 กรกฎาคม 2557 ตลาดหลักทรพัย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาดไปที่ 1,541.56 จุด เพิ่มขึ้น 20.75 จุด เปลี่ยนแปลง +1.36% มูลค่าการซื้อขาย 47,606.74 ล้านบาท โดยระหว่างเทรดดดัชนีขึ้นสูงสุดที่ 1,541.76 จุด และต่ำสุดที่ 1,526.45 จุด โดยวันนี้สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 1,741.75 ล้านบาท บริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 186.89 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 762.87 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 1,165.77 ล้านบาท
นายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย สรุปภาพความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวันนี้ สามารถรีบาวด์ขึ้นตามจิตวิทยาเชิงบวกในต่างประเทศ โดยหุ้นใหญ่ในกลุ่ม Bank Energy และ Commerce เป็นกลุ่มหลักผลักดันตลาดในช่วงเช้า ขณะที่ภาพตลาดโดยรวมนั้นค่อนข้างดี เนื่องจากหุ้นสามารถปรับตัวขึ้นได้ทุกหมวดอุตสาหกรรม
พร้อมคาดการณ์ความเคลื่อนไหวดัชนีพรุ่งนี้ ว่า ดัชนียังมีโอกาสขึ้นทดสอบ 1,550-1,560 จุดแต่ก็ยังมีความเสี่ยงอาจถอยลงมาทดสอบ 1,520 จุด หรือต่ำกว่า (ประเมินกรอบแกว่งปรับฐานที่ 1,500-1,520 จุด) จึงคงคำแนะนำ ซื้อเก็งกำไรสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ trading ในกรอบ 1,520-1,540 จุด
ขณะที่นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ลงทุน บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ประเด็นสำคัญที่วันนี้ดัชนีปรับตัวขึ้นได้อย่างดี เกิดจากตลาดหุ้นไทยเมื่อวันที่ 22 ก.ค.ปรับฐาน แต่ยังไม่หลุดแนว 1,515-1,520 จุด ประกอบกับแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เงินบาทได้แข็งค่า ซึ่งตอนนี้ก็มาอยู่ที่ 31.80 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนนักลงทุนสถาบันในประเทศที่ผ่านมา ก็ขายไปราวหมื่นล้านบาทแล้ว และยังอาจมีแรงขายเพิ่มได้อีกเนื่องจากยังมีต้นทุนที่ต่ำ ดังนั้น คาดว่าพรุ่งนี้ ดัชนีน่าจะยังปรับตัวขึ้นต่อได้แต่ไม่น่าจะร้อนแรงเท่าวันก่อน พร้อมให้แนวรับ 1,517 จุด แนวต้าน 1,535 จุด
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน หรือ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด มหาชน กล่าวภายหลังการเสวนาเรื่อง A Public Forum on "The Macroeconomic Impact of Thailand's Military Intervention" จัดโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเชิญตัวแทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน พร้อมด้วยตัวแทนนักลงทุนต่างชาติ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
ระหว่างการเสวนา นายณรงค์ชัย ในฐานนะตัวแทนประเทศไทย ได้ชี้เเจงถึงการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของไทย ที่เกิดจากสถานการณ์ความปั่นป่วนภายในประเทศ ทำให้ต้องเปลี่ยนการปกครองเป็นรัฐบาลทหาร แทนการบริหารตามระบอบประชาธิปไตย ให้แก่ผู้เสวนาซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติได้รับทราบ ว่า ทหารได้เข้ามาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น และจัดระเบียบประเทศใหม่ จนกว่าจะสามารถจัดการเลือกตั้งได้ ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปีเศษ เบื้องต้น ผู้เข้าร่วมเสวนา จากประเทศญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นภายในประเทศไทยและยังคงยืนยันที่ลงทุนต่อไปไม่ย้ายฐานการลงทุนไปยังประเทศอื่น เพราะนักลงทุนเหล่านี้ หวังว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะนำไปสู่ความโปร่งใสในการทำธุรกิจ
สำหรับการประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว ของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ หรือ คสช.นั้น นายณรงค์ชัย ยืนยันว่า ไม่ได้กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ เพราะรับรู้ว่าประเทศไทยปกครองด้วยรัฐบาลทหาร แต่ก็อยากให้ประเทศไทยกลับเข้าสู่ระบบการปกครองที่มาจากการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้วันที่ 23 กรกฎาคม 2557 ตลาดหลักทรพัย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาดไปที่ 1,541.56 จุด เพิ่มขึ้น 20.75 จุด เปลี่ยนแปลง +1.36% มูลค่าการซื้อขาย 47,606.74 ล้านบาท โดยระหว่างเทรดดดัชนีขึ้นสูงสุดที่ 1,541.76 จุด และต่ำสุดที่ 1,526.45 จุด โดยวันนี้สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 1,741.75 ล้านบาท บริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 186.89 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 762.87 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 1,165.77 ล้านบาท
นายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย สรุปภาพความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวันนี้ สามารถรีบาวด์ขึ้นตามจิตวิทยาเชิงบวกในต่างประเทศ โดยหุ้นใหญ่ในกลุ่ม Bank Energy และ Commerce เป็นกลุ่มหลักผลักดันตลาดในช่วงเช้า ขณะที่ภาพตลาดโดยรวมนั้นค่อนข้างดี เนื่องจากหุ้นสามารถปรับตัวขึ้นได้ทุกหมวดอุตสาหกรรม
พร้อมคาดการณ์ความเคลื่อนไหวดัชนีพรุ่งนี้ ว่า ดัชนียังมีโอกาสขึ้นทดสอบ 1,550-1,560 จุดแต่ก็ยังมีความเสี่ยงอาจถอยลงมาทดสอบ 1,520 จุด หรือต่ำกว่า (ประเมินกรอบแกว่งปรับฐานที่ 1,500-1,520 จุด) จึงคงคำแนะนำ ซื้อเก็งกำไรสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ trading ในกรอบ 1,520-1,540 จุด
ขณะที่นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ลงทุน บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ประเด็นสำคัญที่วันนี้ดัชนีปรับตัวขึ้นได้อย่างดี เกิดจากตลาดหุ้นไทยเมื่อวันที่ 22 ก.ค.ปรับฐาน แต่ยังไม่หลุดแนว 1,515-1,520 จุด ประกอบกับแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เงินบาทได้แข็งค่า ซึ่งตอนนี้ก็มาอยู่ที่ 31.80 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนนักลงทุนสถาบันในประเทศที่ผ่านมา ก็ขายไปราวหมื่นล้านบาทแล้ว และยังอาจมีแรงขายเพิ่มได้อีกเนื่องจากยังมีต้นทุนที่ต่ำ ดังนั้น คาดว่าพรุ่งนี้ ดัชนีน่าจะยังปรับตัวขึ้นต่อได้แต่ไม่น่าจะร้อนแรงเท่าวันก่อน พร้อมให้แนวรับ 1,517 จุด แนวต้าน 1,535 จุด
