ต้นธารความยุติธรรม มีสารปนเปื้อน!!?? ระบุ แม้แต่ตำรวจยังไม่เชื่อใจกันเองหากตัดสินใจ “สั่งไม่ฟ้อง” เพราะถูกมองเป็นเรื่องผลประโยชน์ ขนาด “บิ๊กนครบาล” ประกาศเป็นนโยบาย “สั่งไม่ฟ้องเป็นศูนย์” กลายเป็นผลักชะตาชีวิตผู้ถูกกล่าวหาไปตายเอา “ดาบหน้า” ด้านคนกรุงเทพฯ “บ่นพรึม” รถติดวินาศสันตะโร...ถามหาที่ปรึกษาใหญ่แก้ไขการจราจร “เจริญ ศรีศลักษณ์” อดีตผู้การ “ซารางเฮโย” กินเงินเดือน 6 หมื่น แต่ทำงานคุ้มหรือเปล่า!!??
0 เสน่ห์ของข้าราชการ อยู่ที่ฝากฝีมือให้ปรากฏ
0 คนที่สามารถครองใจคน จะไม่มีวันถูกปลุกระดม
0 กฎ 4 “ไม่” ของข้าราชการ ไม่ฉ้อราษฎร์บังหลวง ไม่หลอกลวงลูกน้อง ไม่ยกย่องคนชั่ว และไม่เมามัวอบาย
0 เหล็กกล้าต้องหลอม บารมีต้องสั่งสม
0 ถึงประสบสิ่งเย้ายวน จิตใจไม่ปั่นป่วน
0 อย่าเอากระดาษเป็นนา ปากกาเป็นไถ
0 ไม่สยบต่ออำนาจ ไม่กำหนดต่อยศศักดิ์ความมั่งมี ไม่หันเหใจ เนื่องจากความจน
0 ยอมรับเสียงปรบมือ แต่อย่าเชื่อมากนัก
0 ความภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ของเราไม่ได้อยู่ที่เคยล้ม แต่อยู่ที่สามารถลุกได้ ทุกครั้งที่ล้ม
0 กังฉินฝักใฝ่ในลาภยศ ตงฉินมุ่งสร้างคุณธรรม
0 ต่อให้มีคุณธรรมเปี่ยมล้น แต่ถ้าไปขัดผลประโยชน์ของเขา เราคือเปรต
0 ขอให้สิ่งที่ทำในวันนี้ ไม่ละอายต่อตัวเองและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็จะไม่ต้อง เกรงภัยใดๆ
0 จะเป็นใหญ่ต้องบินสูงอย่างนกอินทรีย์ ถ้าจะมัวบินอยู่แค่หลังคาก็เท่ากับ ประจานตัวเองว่าเป็นนกกระจอก
0 อยู่อย่างราชสีห์ ต้ององอาจและสง่างาม
…..ทุกคำคมลอกเขามาทั้งนั้น แต่ไม่มีอะไรเหมาะที่จะเป็นของขวัญในยุคข้าราชการเป็นใหญ่ แถมกำลังอยู่ในโหมด “ปรองดอง - สมานฉันท์” กระพ้มนาย “บิ๊กเกรียน” จึงขอยืมเขามาเพื่อให้ท่านข้าราชการทุกสังกัด กรม กองได้ทบทวน ตระหนักถึงการปฏิบติหน้าที่...ทุกข้อที่ฝากไว้นั้นมันใช่ - มันโดนหมด ใครประพฤติดี ประพฤติชอบให้รักษาไว้ ใครทำชั่วเป็นอาจิณให้ลด ละ เลิก เพราะสังคมใหม่เป็นสังคมแห่งการตรวจสอบขืนยังดันทุรังสะสม “ความเลว” ไม่ลืมหูลืมตามองโลกที่เปลี่ยนไป รับรองว่าอนาคตจบไม่สวยแน่
00000.....ขณะที่ภาพรวมของยุทธจักรสีกากี ยังสามารถกุมสถานการณ์ต่างๆ ที่รุมเร้าไว้ได้ แต่วิกฤตศรัทธา ภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือ - ไว้วางใจ “ตกต่ำ” เหมือนรถที่น้ำมันกำลังใก้ลหมดถัง..... เกิดข่าวใหญ่พร้อมกัน 2 เรื่อง ทั้ง ผกก. ไอ้หนูเล็กสั่งอุ้ม - ฆ่า ทอมปากดีจนไปถึงกรณี “ครูแพะ” นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร กลายเป็นการซ้ำภาพความจริงในหลากหลายปัญหาของตำรวจ....นาทีนี้ต้องบอกว่าตำรวจช้ำหนัก แต่คนที่ช้ำ บวก “ซวย” ต้องมาพลอยติดร่างแหไปด้วยขอยกให้ท่านประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม “อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” ที่ได้รับเกียรติร่วมเป็นผู้ต้องหาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางร่วมกับตำรวจอีกหลายพระหน่อ คือ พ.ต.อ.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พ.ต.ท.ชัยพร นิตยภัตร์ และ พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รวมทั้งหมด 7 คน ในข้อหาอมเงินของกลาง 11 ล้านบาท จากการอายัดคดีพ่อค้าขายโทรศัพท์มือถือฉ้อโกงประชาชน....ท่านประธานฯไปเกี่ยวข้องกับเขาตรงไหน....เห็นมีบทบาทพิทักษ์รับใช้ประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อความไม่ชอบธรรมแต่ทำไม จึงไปร่วมขบวนการกับตำรวจได้ เรื่องนี้โปรดติดตามตอนต่อไป เพราะไงๆ นับจากวันนี้ชีวิตของคุณพี่อัจฉริยะ คงต้องเปลี่ยน...อาจถึงขั้นสูงสุดคืนสู่สามัญเพราะอย่างที่บอกไง คือสังคมไทยกำลังเข้มเรื่องการตรวจสอบ ไหนคือของจริง...ไหนคือของเก๊ ไม่นานร็อกเดี๋ยวก็รู้!!??
00000.....ขยายความเพื่อความเข้าใจ คดีฉ้อโกงมือถือมาจากขบวนการหารับทานทางออนไลน์ หลอกว่ามีไอโฟนราคาถูกกว่าตลาด ปรากฏว่า มีลูกค้าแห่สั่งกันตรึมมูลค่าความเสียหายเฉียด 100 ล้าน เมื่อตกเป็นคดีความ ปปง. อายัดเงินสดส่วนใหญ่ไว้แต่บัญชี 11 ล้าน ที่ผิดพลาด และไม่ได้คุ้มครอง แทนที่จะคืนข้าวของแต่ตำรวจกลับเลือกเบิกมารับทานกันเอง รวมทั้งท่านประธานฯอัจฉริยะ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาด้วย....ตามทางก็น่าจะได้ในฐานะ “รู้เห็น” เป็นเรื่องเป็นราว เป็นคดีกันมาหมายปีเพราะเจ้าของเงินเขา “ไม่ยอม” .....ถึงคราวซวยไม้จิ้มฟันตำเหงือกยังเสือกตาย !!?? ...ว่าก็ว่าเหอะบทบาทของท่านในฐานะประธานเหยื่ออาชญากรรม เล่นบทอื่นไปไม่ได้เลยโดยเฉพาะ “เข้าข้าง” ตำรวจ...ยกนิทานเรื่อง “แกะ” หรือ “เด็กเลี้ยงแกะ” มาเขย่าขวัญ “แพะ” วันเดียว ผลปรากฏว่า ทั้งตำรวจ ทั้งท่านประธานฯ “ยับ” ไปทั้งแนว...ข่าวเก่า เรื่องก่อน ปี 2555 คุณพี่ประธานฯยังอุ้มลูกน้อยนั่งประท้วงหน้า สตช. แล้วมาประกาศว่า “ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม” ตั้งมา 7 - 8 ปี มันไม่น่าใช่นะ....คดีหวย 30 ล้านเป็นไง...ป่วนกันทั้งเมืองแล้วใคร “หน้าแหก”...นี่ยังมีกรณีฟอร์ด “เฟียสต้า” มีคนข้องใจอยู่เยอะ ไม่รู้ว่าคุณพี่เป็นนักข่าว เป็นทนาย หรือ เอ็นจีโอ นำขบวนอยู่ดีๆ พอเข้าไปเจรจากับผู้บริหารบริษัทรถฯก็ปล่อยมือไปเฉยๆ....เอาเถอะ...สุดท้ายจะจบกันอย่างไรอยู่ที่...บุญทำ...กรรมแต่ง.....แต่สำหรับ “ตำหนวด” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุด จะว่าไง...ให้ทำหน้าที่ต่อหรือควัก “ใบเหลือง” หยุดการปฏิบัติหน้าที่ก่อนคดีจะสิ้นสุด....ทำให้เป็นมาตรฐาน อย่าให้ตกเป็น “ขี้ปาก”...ความจริง “บิ๊กเกรียน” ก็ดักคอไปอย่างนั้น “ของจริง” ไม่มีอะไรในกอไผ่ร็อก “ตำหนวด” เขามีมาตรฐานเดียวคือ “ปกป้อง” พวกกันเองอยู่แร้ววว
00000.....มาแรงแซงทางโค้ง...ไม่มั่ว - ไม่มีแพะและแกะ กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด ยุค “บิ๊กหมาย” พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข “เจ้าพ่อ” บช.ปส. ใช้ปฏิการ “ชัยยะ สยบไพรี 60/1” ลากคอท้าวไซซะนะ “ไฮโซลาว” นักค้ายาเสพติดตัวกลั่น ซึ่งมีผลพวงมาจากการประสานกับ สปป.ลาว และ ไทย มีการสะกดรอยอย่างต่อเนื่องด้วยความอดทนนานถึง 5 ปี...เครือข่ายท้าวไซซะนะ คือ อุสมาน สะแลแมง เจ้าพ่อค้ายาเสพติด 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เคยถูกบุกจับยึดเงินของกลางยัดท่อพีวีซี 8 ท่อน ราว 74 ล้านบาท ในตอนนั้นเป็นข่าวโด่งดังและมีข่าวลือว่า “คนมีสี” ขาใหญ่ประจำถิ่น “ยัก” ท่อพีวีซี ภายในอัดด้วยเงินสดราว 30 ล้านบาท ไปเป็นที่ระลึก 1 ท่อน และต่อมา ช่วง คสช. ยึดอำนาจมีคำสั่งฉบับที่ 50/2557 เรียกบุคคลเข้ารายงานตัวยังได้ปรากฏรายชื่อของ อุสมาน สะแลแมง หัวหน้าแก๊งขบวนการค้ายาเสพติดภาคใต้ด้วย...ปัจจุบันข่าววงในปราบปรามยาเสพติดเชื่อว่า “อุสมาน สะแลแมง” เดดสมอเร่ไปแล้ว ก่อนมีชื่อของท้าวไซซะนะ โผล่ขึ้นมาแทน....”บิ๊กเกรียน” นักข่าวแก่และเก่าสังเกตชื่อปฏิบัติการ “ชัยยะ สยบไพรี 60/1” แสดงว่า ต้องเป็นซีรี่ส์ยาวต่อด้วยซีซัน 2 - 3 - 4 อย่างแน่นอน...ขอเอาใจช่วย
00000.....อื่มมมม!!??....“ส่วนหัวสีกากี” สบายกันไปแล้ว เหลือระดับปฏิบัติการระดับ “นายพัน” ที่กำลังกระโดดโลดเต้นกันอยู่....หลายคนยังพากันเสียวสันหลังกับวีรกรรมครั้งก่อน....ไม่แน่ใจ “ผู้มีอำนาจ” ยังปล่อยให้อยู่ในเงื้อมมือแก๊ง “จ - อ - ก” อยู่หรือเปล่า....ข่าวว่าน่าจะดีขึ้นแต่....“วังวน” ไม่พ้นต้องเลือกต้องเฟ้นกันอยู่ใน “จอก” เหมือนเก่า....จับตาตัวเลขมหาโชค..หน่วยงาน 3 ใช้ราคามาตรฐานถ้า “มีตั๋ว” รองศาลาวัด ขึ้นเป็นศาลาวัด 3 แสนบาท...ถ้าไม่มีตั๋วรองศาลาวัดขึ้นศาลาวัด 5 แสนบาทขาดตัว...ถ้ามีทั้งตั๋วอยากขึ้นศาลาวัดและเลือกพื้นที่เริ่มต้นที่ 7 แสน ถึง 1 ล้านบาท....ใครที่ประจำการอยู่หมายเลข 6 โปรดแซบ...เตรียมกะตังค์ไว้ให้ดีเพราะวันที่ท่านไปรับตำแหน่งข่าวว่า “ปิดเมือง” ออกคำสั่งให้ “หมาต๋า” ตั้งแต่ศาลาวัด ยัน “ผู้กินกับ” มาร่วมพิธีกันอย่างชื่นเอิกเกริก - ชื่นมื่น.... “เป็นเสือต้องเดิน เป็นปลาต้องว่าย”...ไฉนเลยเกิดมาเป็น “ตำรวจ” จะไม่วิ่ง.....ความจริง “วิถีตำรวจ” ขืนวัดกันที่ผลงานไม่มีตั๋ว ไม่มีตังค์ ไม่มีทางไปรอด.....ที่อยู่ก็ดิ้นกันไป ใครไม่ไหวให้ลงจากเวที....”ใบลา” ทยอยออกมาเรื่อยๆ...ล่าสุด ร.ต.อ.ณัฐวุฒิ จอดนอก ตำแหน่งรองสารวัตรสอบสวน สภ.ปากคลองรังสิต อัตราเงินเดือน 27,440 สังกัดกองบัญชาการตำรวจภาค 1 ขอลาออกจากราชการด้วยเหตุผลเดิมๆ คือ จะไปประกอบธุรกิจส่วนตัว และสุขภาพไม่ดี แต่เหตุผลจริงๆ คือ.....พนักงานสอบสวนในปัจจุบันเป็นงานที่ “เจ๊ง กับเจ๊า” ไม่มี “เจี๊ยะ”....เหตุผลเพราะประชาชนตื่น - รู้ มากขึ้น สอบอะไรทีต้องเถียงต้องงัดข้อกฎหมายมาสำแดง....ขณะที่เจ้านาย(บางตัว)ยังคงกดดันสั่งซ้ายหัน ขวาหัน จะเหยั่งงั้นหยั่งงี้...บรรยากาศการทำงานมันไม่อิสระจริงตามราคาคุยขืนทำต่อมีแต่ ป-ส-ด และอาจติดคุกได้ง่ายๆ ถ้ารายไหนครบอายุงานลาออกได้บำเน็จ - บำนาญ...กุไปขายเต้าหวย - ขายข้าวผัดปูดีกว่า
00000.....ตบท้ายเรื่อง “ตำตา - ตำใจ” ขอเริ่มด้วยนโยบาย “สั่งไม่ฟ้องเป็นศูนย์” ของท่าน พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. เห็นเผินๆ เหมือนดูดี แต่ “ที่นี่” เคยกระตุกเตือนมาแล้วว่ามันไม่แฟร์...ระบบกล่าวหา “สุดโต่ง” ถีบ (ผลัก) ภาระให้ผู้ถูกกล่าวหา ไม่ว่าใครก็ได้เมื่อตกที่นั่งวันซวยคืนร้ายเมื่อไหร่พนักงานสอบสวน ของท่าน “ศานิตย์” ก็จะขะมักเขม้นรวบรวมพยานหลักฐานเอามามัดตัว...เช่นเดียวกับกรณี คุณนายไก่วั นทนีย์ หยกรัตนกาญจน์ ที่ใช้บริการพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น หลายรอบ...ฟ้องแหลกทุกคดีจนกลายเป็นเรื่อง “งามหน้า” เป็นประวัติศาสตร์ต้องจารึกไว้ว่าตำรวจไทยเผลไปรับใช้โจร.....ทำไมต้อง “สั่งไม่ฟ้องเป็นศูนย์” ก็เพราะท่าน น.1 รู้ “ขี้พืด” ของตำรวจด้วยกันดี...สั่งฟ้อง - สั่งไม่ฟ้อง ก็ต้องใช้เงิน...เลยเหมารวมฟ้องมันให้หมดทุกคดี เวลา “ลูกน้อง” ใช้ดุลพินิจ ดีๆ ถูกต้องชอบธรรม “ลูกพี่” เลวๆ จะได้ไม่มีคำถามว่าเมิงรับตังค์เขาหรือเปล่า (รับแล้วอมนี่โกรธมาก)...ปัญหา “ปากคอก” เกิดจากเนื้อในเหล็กแต่เผือกโยนให้ชาวบ้านต้อง “วัดดวง” ไปตายเอาดาบหน้า...นี่ไงเขาจึงแหกปากโวยวายให้ผู้มีอำนาจ เปิดหู เปิดตา เปิดกระโหลกให้รู้ว่าปัญหางานสอบสวนตำรวจมันมีจริง
00000.....อีกเรื่องถ้าไม่พูด (เขียน) แล้วนอนไม่หลับ....ระยะหลัง “บิ๊กเกรียน” แอบไปนั่งทำงาน ตจว. บ่อยๆ ข้อดีดี๊ดี คือ ไม่ต้องเสียเงินค่าทางด่วน ไม่ต้องเสียเวลากับรถติด...”บ่องตง” ทุกวันนี้ไม่รู้ท่านผู้มีอำนาจแก้ไขปัญหาการจราจรกันแบบไหน มันยิ่งโค-ตะ-ระ ติดหนึบติดหนับ หนักกว่าเก่า ตัวอย่างแถวๆ “เลียบด่วน” ย่านรังน้อยๆ ของกระพ้ม....มัวขี้ตามาตอน 6 โมงเช้าก็ติดแล้ว...โน่นยันไปถึง 11 โมง แล้วช่วงต่อไปคือบ่ายสาม ถึงสาม - สี่ทุ่ม...ติดๆๆๆๆ....รับฟังจากพรรคพวก จากคนที่ใช้รถใช้ถนนเขาบ่นกันยิ่งกว่าหมีกินผึ้ง....“บิ๊กเกรียน” จึงอยากฝากไปถึงท่านที่ปรึกษางานจราจรใหญ่ พล.ต.ต.เจริญ ศรีศลักษณ์ อดีต ผบก.น.2 ซึ่งได้รับความไว้วางใจจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ให้เป็นที่ปรึกษาด้านงานจราจร ตามหนังสือคำสั่งที่ 863/2559 ลงวันที่ 27 ก.ย. 2559 ให้มีผลวันที่ 1 ต.ค. 2559 โดยกำหนดอำนาจหน้าที่ไว้กว้างๆ ว่า...ตำแหน่งที่ปรึกษา จร. นี้ มีหน้าที่ให้ข้อมูลและให้คำปรึกษาแก่ ผบ.ตร. เกี่ยวกับการปรับปรุง พัฒนาแก้ไขปัญหาการจราจร พร้อมกับข้อคิดที่เป็นประโยชน์....ลำพังให้เป็นที่ปรึกษาฯ เฉยๆ กระพ้ม ไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไร แต่นี่ล่อเงินเดือน งบประมาณหลวงเดือนละ 6 หมื่นบาท...กระพ้มจึงอยากถามว่า “ค่าจ้าง” วันละ 2 พันบาทขาดตัวนั้น วันๆ ท่านทำอะไรบ้าง...ถ้าท่านได้ทำแล้วไฉนรถมันจึงติดๆๆๆๆๆ...ข้อเสนอต่างๆ ที่เป็นประโชน์ไหนลองเจียระนัยมาให้ชืนนนนจายกันหน่อย.....ปัญหาการจราจรจะมาทำแอ็ก เป็นแมงโม้ต่อไปไม่ได้แล้ว...นี่มันเข้าสู่วิกฤตเกินวิกฤตวันๆ รถจอดแช่ผลาญน้ำมันกันเท่าไหร่....ท่านนายกฯลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะสั่งการอย่างไรดีครับพ้มมมม !!??