xs
xsm
sm
md
lg

ปตท.ลงทุน5ปี1.2ล้านล. ลั่นรื้อธุรกิจเพื่อให้คล่องตัว กม.ปิโตรฯเข้าสนช.29พ.ย.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ปตท.ลั่นปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ ดึงธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกออกมาทำให้เกิดคล่องตัวในการตัดสินใจและขยายธุรกิจ เผยแผน 5 ปี ลงทุนทั้งกลุ่มสูงกว่า 1.2 ล้านล้านบาท คาดราคาน้ำมันดิบปีหน้า 50-55 เหรียญ/บาร์เรล ด้าน "กมธ.ปิโตรเลียม" เตรียมส่งร่าง พ.ร.บ. 2 ฉบับ เข้าที่ประชุม วิปสนช. 29 พ.ย.นี้ คาดเสร็จทันตามกรอบ เชื่อ"บิ๊กโย่ง" จัดทำบรรษัทตามรับปากกลางสภา อัด ปตท.เอาเรื่องผลกระทบมาขู่

นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึง นโยบายการปรับโครงสร้างองค์กรโดยแยกธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกออกมาอยู่ในรูปบริษัทเอกชนภายใต้ชื่อ ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (PTTOR) ว่า จะช่วยลดขั้นตอนทำให้การตัดสินใจคล่องตัวและทันเหตุการณ์ ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้การขยายสถานีบริการน้ำมันและธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (นอน ออยล์) เช่น ร้านกาแฟอเมซอน เติบโตอย่างรวดเร็วมากกว่าที่เป็นอยู่

ดังนั้น คงต้องมาทบทวนเป้าหมายในการขยายสถานีบริการน้ำมันและร้านกาแฟอเมซอนทั้งในและต่างประเทศใหม่ หลังมองว่ามีโอกาสที่จะขยายการลงทุนเพิ่มขึ้นส่งผลให้งบการลงทุนของกลุ่มปตท.ในอนาคต จะปรับเพิ่มสูงขึ้นหลังจากแยกธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกออกไป แต่คงไม่มีผลต่องบการลงทุนในปี 2560 เพราะการแยกธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกจะยังต่อผ่านการความเห็นชอบจากกระทรวงพลังงานและคณะรัฐมนตรี(ครม.) รวมทั้งได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นปตท.ก่อน

ทั้งนี้ งบการลงทุนของกลุ่มปตท. 5 ปีจะลงทุนระดับ 1.2ล้านล้านบาทนั้น ประมาณ 50% เป็นการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อความมั่นด้านพลังงานของไทย และ 30%เป็นการลงทุนในต่างประเทศทั้งธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ธุรกิจค้าปลีกน้ำมันและปิโตรเคมี

"ตอนนี้ปตท.ยังไม่ปรับเพิ่มงบการลงทุน แต่เห็นว่าการปรับโครงสร้างธุรกิจนี้ จะช่วยลดอุปสรรคจะทำให้การขยายธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกเป็นไปเร็วขึ้นก็ดีต่อทั้ง ปตท. PTTOR และบริษัทคู่ค้ารายย่อยที่เปิดร้านขายสินค้าผ่านปั๊มปตท. ก็สามารถขายสินค้าไปยังต่างประเทศได้ด้วย ทำให้มีการขยายงาน ว่าจ้างแรงงานเพิ่ม ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจประเทศในอีก 2-3ปีข้างหน้า "

นายเทวินทร์ กล่าวในการเปิดสัมมนา The Annual Petroleum Outlook Forum 2016 ซึ่งทีมนักวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันของกลุ่มปตท.(PRISM) ได้ร่วมกับกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จัดขึ้นเป็นปีที่ 7 วานนี้ (23 พ.ย.) ว่า ราคาน้ำมันดิบดูไบในปีหน้าคาดว่าจะอยู่ระดับ 50-55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในปีนี้ 40-42 เหรียญสหรัฐ โดยมีความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวและราคาน้ำมันอยู่ในระดับต่ำทำให้มีการใช้มากขึ้น แต่ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบโลกในปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 6 แสนบาร์เรล/วัน หลังกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) มีแนวโน้มที่จะมีมาตรการควบคุมกำลังการผลิตมากขึ้น คาดว่าภาวะน้ำมันจะเข้าสู่จุดสมดุลในกลางปี 2560

*** อัด ปตท.เอาเรื่องผลกระทบมาขู่

วานนี้ (23พ.ย.) พล.อ.สกนธ์ สัจจานิตย์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และ ร่าง พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... กล่าวว่า หลังจากที่ที่ประชุมกรรมาธิการฯได้มีมติเห็นชอบให้แก้ไข หลักการกฎหมายในประเด็น เปลี่ยนนิยามคำว่า “ service contract”จาก “จ้าง สำรวจ ผลิต”มา เป็น“จ้าง บริการ”

ขณะนี้ กมธ.กำลังพิจารณาปรับปรุง ร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับดังกล่าวร่วมกับกฤษฎีกา เพื่อเตรียมนำเสนอ ต่อที่ประชุม คณะกรรมาธิการวิสามัญประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) ที่จะมีการพิจารณาประเด็นนี้ ในวันที่ 29 พ.ย. จากนั้นจะส่งเรื่องให้วิปรัฐบาล เพื่อส่งต่อไปยัง ครม.ให้ดำเนินการแก้ไขหลักการของกฎหมายตามที่ กมธ.เสนอ ซึ่งตนเชื่อว่าไม่น่ามีปัญหา เพราะได้คุยในเบื้องต้นกับ พล.อ. อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน แล้ว คาดว่าจะใช้เวลา 2 สัปดาห์ ก็สามารถเสนอเข้าที่ประชุมสนช. เพื่อพิจารณาในวาระ 2 และ 3 ต่อไป

พล.อ.สกนธ์ กล่าวด้วยว่า ตนมั่นใจว่าสามารถพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับ ให้ทันเสร็จตามกำหนดเวลาเดือนธ.ค.นี้ แน่นอน เพราะมีเพียง 2 ประเด็นใหญ่ที่ติดขัด คือ เรื่องหลักการ และการจัดตั้งบรรษัท โดยประเด็นเรื่องบรรษัทได้ข้อสรุปว่า กมธ.ฯเสียงข้างมาก มีมติให้เขียนเป็นข้อสังเกตแนบท้ายในร่าง พ.ร.บ. แต่ กมธ.เสียงข้างน้อย ที่มีตนเองรวมอยู่ด้วยนั้น ได้เสนอให้บัญญัติการตั้งบรรษัทไว้ใน ร่าง พ.ร.บ. ยังคงขอสงวนคำแปรญัตติ เพื่อขออภิปรายในที่ประชุมสนช. ในการพิจารณาวาระ 2

"ในประเด็นนี้ทางรมว.พลังงาน เคยรับปากกลางที่ประชุมสนช.ในวาระหนึ่ง แล้วว่าจะศึกษาการตั้งบรรษัทพลังงานแห่งชาติ ตามข้อเสนอของประชาชน จึงไม่จำเป็นที่จะมาบัญญัติไว้ในร่างกฎหมาย ผมเชื่อว่า ท่านไม่ผิดคำพูด ถือเป็นสัญญาลูกผู้ชายชาติทหาร ไม่ทำก็เสียคน เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับรัฐบาลเท่านั้น เพราะเป็นเจ้าของเรื่อง ผมมีอำนาจแค่พิจารณาตามเนื้อหา และเสนอความเห็นไปให้เลือก แต่กลับโดนโจมตีอยู่คนเดียว หาว่าซูเอี๋ยกับฝ่ายนั้น ฝ่ายนี้ มาขอให้ถอนร่าง ทั้งที่ผมไม่มีสิทธิ์ ต้องไปเรียกร้องกับที่ประชุมสนช.เท่านั้น" พล.อ.สกนธ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี ปตท. ออกมาระบุว่า หากไม่มีความชัดเจนว่าใครจะได้สัมปทานปิโตรเลียมในครั้งต่อไป จะกระทบต่อการผลิตปิโตรเลียม เนื่องจากผู้ดำเนินการสัมปทาน จะหยุดการลงทุนเพื่อรักษาระดับการผลิตใน 3 ปี พล.อ.สกนธ์ ย้อนถามว่า ปตท. มาเกี่ยวข้องอะไรด้วย เพราะไม่ใช่เรื่องของเขา เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับกรมเชื้อเพลิง ไม่เข้าใจว่ามาขู่ทำไม
กำลังโหลดความคิดเห็น