ผู้จัดการรายวัน 360 - “ไทยเบฟเวอเรจ” ก้าวผ่านครึ่งทาง “วิสัยทัศน์ 2020” เร่งเครื่องขยายตลาดต่างประเทศ เจาะกลุ่มสุราพรีเมียมในเวียดนาม, ฟิลิปปินส์, พม่า ก่อนเตรียมแผนตั้งโรงบรรจุสุรา หวังขยายแบรนด์สุราไทยสู่ตลาดโลก พร้อมบุกตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ในอินโดนีเซีย เผย 10 เดือนแรกปี 2559 รายได้เติบโตขึ้น 14.8% คิดเป็นยอดขายรวม 139,153 ล้านบาท
นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กลุ่มบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมขยายตลาดเครื่องดื่มในกลุ่มประเทศอาเซียนอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่นจัดตั้งบริษัทกระจายสินค้าในประเทศเวียดนาม เบื้องต้นจะเน้นทำตลาดสุราระดับพรีเมียมจากสวิตเซอร์แลนด์ จากนั้นมีแผนตั้งโรงงานบรรจุสุราเพื่อทำตลาดสุราแบรนด์ไทยเป็นลำดับต่อไป
บริษัทฯ ยังอยู่ในระหว่างการเร่งพิจารณาแผนการตลาดในประเทศฟิลิปปินส์ พร้อมกับร่วมลงทุนก่อสร้างโรงงานบรรจุสุราในประเทศพม่า ขณะที่ในอินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศมุสลิม บริษัทฯ จะเน้นตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์เป็นหลัก เพื่อให้เป็นไปตาม “วิสัยทัศน์ 2020” ซึ่งมีวัตถุประสงค์เป็นบริษัทเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดและมีผลกำไรสูงสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในปีงบประมาณ 2560 (ต.ค. 2559-ก.ย. 2560) บริษัทฯ ตั้งงบประมาณลงทุนใกล้เคียงกับปีก่อนคือประมาณ 9 พันล้านบาท แบ่งเป็นการปรับปรุงและซ่อมแซมโรงงาน รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโรงงานผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 19 แห่งทั่วโลก เฉลี่ยโรงงานละ 200-400 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนเงินประมาณ 4 พันล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาคือประมาณ 3 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นการลงทุนในด้านทรัพยากรบุคคล ปรับโครงสร้างองค์กร และอื่นๆ
“งบฯ ลงทุนดังกล่าวยังไม่รวมกับการร่วมทุนและการควบรวมกิจการซึ่งบริษัทฯ แยกไว้ต่างหาก เพื่อเป็นการเสริมพอร์ตสินค้าและบริการสร้างธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งในกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ธุรกิจกระจายสินค้าและลอจิสติกส์ และอื่นๆ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะมีรายละเอียดและขั้นตอนต่างๆ มากมาย โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้แตกไลน์ธุรกิจอาหารด้วยการร่วมทุนกับเครือแม็กซิม กรุ๊ป ผู้ประกอบการร้านอาหารใหญ่ที่สุดในฮ่องกง”
นายฐาปนกล่าวอีกว่า ตามแผนธุรกิจ 6 ปี (2557-2563) หรือ “วิสัยทัศน์ 2020” บริษัทฯ มีเป้าหมายปรับสัดส่วนยอดขายกลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ในสัดส่วนเท่ากันคือ 50:50 จากปัจจุบันรายได้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 90% และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 10% คิดเป็นยอดขายในประเทศ 96% และต่างประเทศ 4%
สำหรับผลประกอบการในช่วงเดือน ม.ค.-ก.ย. 59 มียอดขาย 13,9153 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.8% หรือ 17, 984 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปี 2558 ซึ่งทำได้ 121,169 ล้านบาท คิดเป็นกำไร 19,036 ล้านบาท ลดลง -7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 20,468 ล้านบาท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
นายฐาปนกล่าวในตอนท้ายด้วยว่า ธุรกิจทั่วโลกกำลังจับตามองการปรับตัวของบริษัทฯ ในปี 2560 เนื่องจากกำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านทางด้านสถานการณ์ต่างๆ ของประเทศไทย แต่เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถือว่าอยู่ในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับภูมิภาคตะวันออก จึงคาดว่าตลาดเครื่องดื่มและอาหารจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มั่นใจว่าจะเข้าใจและรับมือกับเทรนด์ของตลาดและความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นอย่างน้อย 3-4 ปี