ผู้จัดการรายวัน 360 - “ไทยเบฟฯ” ปรับโครงสร้าง กำหนดงบลงทุนปี 60 ประมาณ 9 พันล้านบาท เน้นกระจายสินค้าทั่วภูมิภาคเออีซี ย้ำพร้อมควบรวมกิจการ ประมูล ซื้อหุ้นเพิ่ม เพื่อขยายพอร์ตสินค้าโดยไม่จำกัดวงเงิน
นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีการปรับโครงสร้างองค์กรและฝ่ายจัดการใหม่ครั้งใหญ่ ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 59 โดยมีการอนุมัติปรับเลื่อนตำแหน่งและแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงหลายตำแหน่ง เพื่อเตรียมความพร้อมในการนำธุรกิจสู่ความเป็นหนึ่งในอาเซียนตามแผนวิสัยทัศน์ 2020 (ปี 2563)
สำหรับตำแหน่งหลัก เช่น นายฐาปน จะเข้ามาดูแลสายพัฒนาความเป็นเลิศและการบริหารลงทุนตราสินค้า ส่วนนายอวยชัย ตันทโอภาส จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากกรรมการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เป็นกรรมการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส ควบคุมดูแลช่องทางการจำหน่ายสินค้าในฐานะผู้บริหารสูงสุดของกลุ่มบริหารช่องทางการจัดจำหน่าย (Chief Route-to-Market)
เป้าหมายต้องการมีสัดส่วนยอดขายรวมเครื่องดื่มทุกประเภทในอาเซียนมากกว่า 50% จากปัจจุบันที่มีเพียง 45% และในประเทศไทย 55% จากยอดขายรวม 6 หมื่นล้านบาททั่วอาเซียน โดยมียอดขายในประเทศไทยประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ตามวิสัยทัศน์ 2020 บุกตลาดอาเซียน เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มในภูมิภาคอาเซียน และหลังจากปี 2563 บริษัทจะเริ่มเข้าไปขยายตลาดอาเซียน+3 (จีน ญี่ปุ่น เกาหลี)
นายฐาปนกล่าวว่า บริษัทฯ ให้ความสำคัญต่อกลุ่มประเทศ CLMV เป็นพิเศษ เพราะเมื่อรวมกับตลาดประเทศไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ที่เราลงทุนอยู่แล้ว ถือเป็นตลาดใหญ่เกือบครึ่งหนึ่งของอาเซียน ด้วยจำนวนประชากร 250 ล้านคน โดยบริษัทฯ จะเน้นกลยุทธ์กระจายสินค้าให้ทั่วถึงทั้งภูมิภาคแต่ยังไม่มีแผนตั้งโรงงาน เพราะปัจจุบันมีโรงงานเพียงพอแล้วถึง 50 แห่ง แบ่งเป็นโรงงานผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 18 แห่ง และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 32 แห่ง
บริษัทฯ ยังคงเน้นการควบรวมกิจการเพื่อเป็นการเสริมพอร์ตสินค้าและบริการสร้างธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ รวมถึงธุรกิจกระจายสินค้าและลอจิสติกส์ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะมีรายละเอียดและขั้นตอนต่างๆ มากมาย เช่น กรณีการควบรวมกิจการกับ F&N ประเทศสิงคโปร์ ต้องใช้เวลาถึง 6 ปี
“การดำเนินธุรกิจในประเทศเวียดนามและพม่ามีความน่าสนใจมากเพราะถือเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดในอาเซียน ขณะเดียวกันยังเริ่มพิจารณาประเทศกัมพูชาซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งตลาดที่น่าสนใจ ส่วนประเทศลาวแม้จะมีขนาดเล็กแต่ก็จำเป็นต้องขยายธุรกิจเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แบรนด์”
นายฐาปนกล่าวว่า ปีงบประมาณ 2560 (ต.ค. 59-ก.ย. 60) บริษัทฯ ตั้งงบประมาณลงทุนใกล้เคียงกับปีก่อนคือประมาณ 9 พันล้านบาท เพื่อปรับปรุงและซ่อมแซมโรงงาน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ปรับโครงสร้างองค์กร และอื่นๆ โดยแยกงบประมาณการควบรวมกิจการอีกส่วน
สำหรับโมเดลการขยายธุรกิจไทยเบฟฯ เข้าไปซื้อกิจการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และนอนแอลกอฮอล์ในอาเซียน โดยจะเน้นที่ประเทศเวียดนามซึ่งสนใจซื้อหุ้นบริษัท ไซ่ง่อนเบียร์ แอลกอฮอล์ เบฟเวอเรจ คอร์ปอเรชั่น และบริษัท ฮานอย เบียร์ แอลกอฮอลล์ แอนด์ เบฟเวอเรจ คอร์ปอเรชั่น ที่รัฐบาลเวียดนามประกาศเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้วว่าจะให้ผู้สนใจเข้ามาประมูลบริหารกิจการซึ่งขณะนี้เป็นรัฐบาลเวียดนามถือหุ้นใหญ่ รวมทั้งการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มของ นมวีนามิลค์ ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดของเวียดนาม โดยก่อนหน้านี้มีเอฟแอนด์เอ็นถือหุ้นแล้ว 11% ขณะนี้กำลังรอความชัดเจนในการกำหนดรายละเอียดและขั้นตอนต่างๆ ของภาครัฐ
ทั้งนี้ ในเดือน ก.ย.ได้ส่งออกเบียร์ช้างไปทำตลาดที่เวียดนามผ่านช่องทางเมโทรที่เป็นไฮเปอร์มาร์เกต และกระจายสินค้าโดยไทยคอร์ป กับภูไท เวียดนาม การลงทุนด้านลอจิสติกส์ที่พม่า การศึกษาตลาดเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์และลงทุนลอจิสติกส์ที่ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย การวางแผนส่งออกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์ที่กัมพูชา
ด้าน นายประภากร ทองเทพไพโรจน์ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจสุรา กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทฯ ทำตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในภูมิภาคอาเซียนแล้วที่ประเทศสิงคโปร์ โดยบริษัท F&N ล่าสุดเมื่อปีที่ผ่านมาเริ่มทำตลาดในประเทศกัมพูชา โดยบริษัท Att World ขณะที่ในประเทศเวียดนามจะเริ่มกระจายสินค้าในช่วงเดือน ก.ย. 59 ขณะนี้กำลังศึกษาช่องทางการทำตลาดวิสกี้ระดับพรีเมียมในปี 2560 โดยจะมีทั้งในลักษณะตลาดวิสกี้สกอต เช่น Old Puttenery และสุราไทย เช่น Blend 285 เป็นต้น