ผู้จัดการรายวัน360-"พลังงาน"เผยการเปิดประมูล2แหล่งก๊าซธรรมชาติที่จะสิ้นอายุสัมปทานปี 65-66 แหล่งเอราวัณ-บงกช ที่กำหนดภายในมี.ค.60 อาจต้องเลื่อนออกไป แต่ยังอยู่ในกรอบดำเนินงาน หลังกฎหมายปิโตรเลียม 2 ฉบับยังไม่ชัดเจน ยันเอกชนรับได้ หากไม่เกินสิ้นปี ส่วนที่ประชุม กมธ. มีมติแก้คำนิยาม Service Contract เป็น จ้าง บริการ พร้อมส่ง ครม. พิจารณาอีกรอบ หลังเจอ "รสนา" เตือนหากโหวตผ่าน ทั้งที่ยังไม่แก้ไขให้สอดคล้องกับผลศึกษาของ สนช. ผิดทั้งจริยธรรมและเข้าข่ายผิดมาตรา 157
พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า การเปิดประมูลแหล่งก๊าซเอราวัณและบงกชที่จะสิ้นสุดอายุสัมปทานปี 2565-66 ที่กระทรวงพลังงานกำหนดไว้ภายในเดือนมี.ค.2560 อาจต้องเลื่อนออกไปก่อน เพื่อรอให้ทุกอย่างมีความพร้อม โดยเฉพาะพ.ร.บ.ปิโตรเลียม พ.ศ. ... และพ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียมพ.ศ. ... แต่การดำเนินงานยังคงอยู่ภายใต้กรอบที่กระทรวงพลังงานกำหนดที่จะเปิดประมูลได้ไม่เกินสิ้นปี 2560
"เป้าหมายที่วางไว้ขั้นต้นมี.ค.60เป็นแผนระยะเร็ว ซึ่งอาจไม่ทัน แต่ถ้าแผนกลางๆ น่าจะทัน ซึ่งเราพยายามสื่อสารกับนักลงทุนทั้งโดยตรงและผ่านทางกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ โดยเอกชนก็ยืนยันว่าถ้าไม่เกินสิ้นปีนี้ก็รับได้" รมว.พลังงานกล่าว
สำหรับสำรองไฟฟ้าปัจจุบันตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (พีดีพี 2015) ที่สูง 30% จากปกติควรอยู่ระดับ 15% ในส่วนของภาคใต้ ไม่ได้สูงแต่อย่างใด ดังนั้น ยืนยันที่จะเดินหน้าโรงไฟฟ้ากระบี่และเทพา แต่จะเกิดได้หรือไม่ ก็คงต้องรอให้คณะกรรมการไตรภาคีเป็นผู้พิจารณา ยังไม่ใช่เป้าหมายที่จะเลื่อน แต่การเจรจากับผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่อิสระ (IPP) ซึ่งกลุ่มบริษัทร่วมทุนเครือกัลฟ์ ชนะประมูล 5,000 เมกะวัตต์จะทะยอยเข้าระบบปี 2564 ขณะนี้กำลังเจรจา ซึ่งหากชะลอการก่อสร้างออกไปได้ ก็จะดีที่จะทำให้สำรองลดลงได้ ซึ่งจะสรุปได้ภายในสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ตาม การเจรจายืนยันจะไม่ให้เสียเปรียบ ขณะเดียวกันก็จะต้องอธิบายสังคมได้ เนื่องจากได้มีการทำสัญญาไปแล้ว
พล.อ.อนันตพรกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ว่า ได้เห็นชอบตามที่บมจ.ปตท.เสนอแผนลงทุนขยายสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลวแห่งที่ 2 (LNG Receiving Terminal) จากเดิมที่เคยได้รับอนุมัติให้สร้างเพื่อให้รองรับLNG ได้ 5ล้านตันต่อปี จะขอขยายเพิ่มเป็น7.5 ล้านตันต่อปี ที่จ.ระยอง เนื่องจากเห็นว่าความต้องการใช้ก๊าซฯ ของไทยเพิ่มขึ้น ขณะที่การผลิตเริ่มชะลอตัว ประกอบกับค่าก่อสร้างต่างกันไม่มาก แต่พื้นที่ก่อสร้างก็หายากแล้ว การทำในพื้นที่เดิมในขนาดที่เพิ่มก็จะเสริมความมั่นคงด้านพลังงานได้ดีกว่า
"กบง.ได้มีการรายงานถึงการเปิดเสรีนำเข้าก๊าซปิโตรเลียมเหลวหรือแอลพีจี แต่ยังไม่ได้เห็นชอบ โดยได้มอบหมายให้ไปดูรายละเอียดในบางเรื่องก่อนที่จะนำเสนอกลับมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อที่จะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ต่อไป"
ส่วนมติบอร์ด ปตท. ที่เสนอโครงการตั้งบริษัทลูก "พีทีทีโออาร์" เพื่อทำธุรกิจน้ำมันและธุรกิจค้าปลีก แต่ ปตท. จะถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวในสัดส่วนไม่ถึงร้อยละ 50 ทำให้บริษัทดังกล่าวมีสถานะที่ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจนั้น ยืนยันว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการกำกับดูแลราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ เนื่องจากบริษัท ปตท. ใหญ่ ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจอยู่นั้น จะยังเป็นผู้กำกับดูแลบริษัทใหม่ จึงยังมีอำนาจเต็มในการบริหารจัดการธุรกิจ อย่างไรก็ตาม หากมีการรายงานมาตนจะมีการตั้งข้อสังเกตุดังกล่าวไปให้
ด้าน พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ กรรมาธการวิสามัญพิจารณาร่างกฎหมาย กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้แก้ไขหลักการร่างพ.ร.บ.ปิโตรเลียม ในประเด็นคำจำกัดความของคำว่า “service contract” ที่แปลไว้ว่า “จ้าง สำรวจ และผลิต" โดยกรรมาธิการฯ เห็นว่ายังไม่ครอบคลุมเนื้อหารายละเอียดทั้งหมด จึงแก้ไขเป็นว่า “จ้าง บริการ” ซึ่งมีเนื้อหาครบถ้วน ครอบคลุม ทั้งสำรวจ และผลิต หรือทั้งสองอย่างก็ได้ และตรงกับคำว่า “service contract” และยังเห็นชอบให้แก้ไขในร่างพ.ร.บ.ภาษีปิโตรเลียมด้วย ซึ่งหลังจากนี้ พล.อ.สกนธ์ สัจจานิตย์ ประธานกมธ. จะนำมติที่ได้ไปหารือกับวิป สนช. เพื่อประสานกลับไปยังรัฐบาล เพื่อขอแก้ไขเนื้อหาในร่างทั้ง 2 ร่าง ซึ่งเป็นการแก้ไขในหลักการ ไม่ใช่ในรายละเอียด จึงต้องให้รัฐบาลเป็นผู้พิจารณาแล้วส่งกลับมายังคณะกรรมาธิการฯ เพื่อพิจารณาอีกครั้ง ส่วนจะส่งไปเมื่อไร ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้
ขณะที่ น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กรุงเทพมหานคร และอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ด้านพลังงาน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจรสนา โตสิตระกูล ก่อนที่จะมีการประชุม กมธ. ว่า หากคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างแก้ไข พ.ร.บ ปิโตรเลียม พ.ศ. ... และ ร่างแก้ไข พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. ... ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ตัดสินใจโหวตไม่ส่งคืนร่างกฎหมายให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) นำไปแก้ไขหลักการให้เป็นไปตามรายงานผลการศึกษาจุดอ่อนของพ.ร.บ.ปิโตรเลียมทั้ง 2 ฉบับ ของ สนช. และเดินหน้าต่อเข้าสู่ขั้นตอนการโหวตใน สนช. จะเป็นการละเมิดจริยธรรมของ สนช. ใน 8, 15, 17, 18, 21 และ 25 รวมทั้งอาจเข้าข่าวเป็นเจ้าพนักงานของรัฐที่กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ซึ่งมีโทษต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท หรือประหารชีวิต และหากมีการเห็นว่ากรรมาธิการวิสามัญเข้าข่ายกระทำผิด ประชาชนก็สามารถดำเนินการร้องเรียนได้ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้
พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า การเปิดประมูลแหล่งก๊าซเอราวัณและบงกชที่จะสิ้นสุดอายุสัมปทานปี 2565-66 ที่กระทรวงพลังงานกำหนดไว้ภายในเดือนมี.ค.2560 อาจต้องเลื่อนออกไปก่อน เพื่อรอให้ทุกอย่างมีความพร้อม โดยเฉพาะพ.ร.บ.ปิโตรเลียม พ.ศ. ... และพ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียมพ.ศ. ... แต่การดำเนินงานยังคงอยู่ภายใต้กรอบที่กระทรวงพลังงานกำหนดที่จะเปิดประมูลได้ไม่เกินสิ้นปี 2560
"เป้าหมายที่วางไว้ขั้นต้นมี.ค.60เป็นแผนระยะเร็ว ซึ่งอาจไม่ทัน แต่ถ้าแผนกลางๆ น่าจะทัน ซึ่งเราพยายามสื่อสารกับนักลงทุนทั้งโดยตรงและผ่านทางกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ โดยเอกชนก็ยืนยันว่าถ้าไม่เกินสิ้นปีนี้ก็รับได้" รมว.พลังงานกล่าว
สำหรับสำรองไฟฟ้าปัจจุบันตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (พีดีพี 2015) ที่สูง 30% จากปกติควรอยู่ระดับ 15% ในส่วนของภาคใต้ ไม่ได้สูงแต่อย่างใด ดังนั้น ยืนยันที่จะเดินหน้าโรงไฟฟ้ากระบี่และเทพา แต่จะเกิดได้หรือไม่ ก็คงต้องรอให้คณะกรรมการไตรภาคีเป็นผู้พิจารณา ยังไม่ใช่เป้าหมายที่จะเลื่อน แต่การเจรจากับผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่อิสระ (IPP) ซึ่งกลุ่มบริษัทร่วมทุนเครือกัลฟ์ ชนะประมูล 5,000 เมกะวัตต์จะทะยอยเข้าระบบปี 2564 ขณะนี้กำลังเจรจา ซึ่งหากชะลอการก่อสร้างออกไปได้ ก็จะดีที่จะทำให้สำรองลดลงได้ ซึ่งจะสรุปได้ภายในสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ตาม การเจรจายืนยันจะไม่ให้เสียเปรียบ ขณะเดียวกันก็จะต้องอธิบายสังคมได้ เนื่องจากได้มีการทำสัญญาไปแล้ว
พล.อ.อนันตพรกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ว่า ได้เห็นชอบตามที่บมจ.ปตท.เสนอแผนลงทุนขยายสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลวแห่งที่ 2 (LNG Receiving Terminal) จากเดิมที่เคยได้รับอนุมัติให้สร้างเพื่อให้รองรับLNG ได้ 5ล้านตันต่อปี จะขอขยายเพิ่มเป็น7.5 ล้านตันต่อปี ที่จ.ระยอง เนื่องจากเห็นว่าความต้องการใช้ก๊าซฯ ของไทยเพิ่มขึ้น ขณะที่การผลิตเริ่มชะลอตัว ประกอบกับค่าก่อสร้างต่างกันไม่มาก แต่พื้นที่ก่อสร้างก็หายากแล้ว การทำในพื้นที่เดิมในขนาดที่เพิ่มก็จะเสริมความมั่นคงด้านพลังงานได้ดีกว่า
"กบง.ได้มีการรายงานถึงการเปิดเสรีนำเข้าก๊าซปิโตรเลียมเหลวหรือแอลพีจี แต่ยังไม่ได้เห็นชอบ โดยได้มอบหมายให้ไปดูรายละเอียดในบางเรื่องก่อนที่จะนำเสนอกลับมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อที่จะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ต่อไป"
ส่วนมติบอร์ด ปตท. ที่เสนอโครงการตั้งบริษัทลูก "พีทีทีโออาร์" เพื่อทำธุรกิจน้ำมันและธุรกิจค้าปลีก แต่ ปตท. จะถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวในสัดส่วนไม่ถึงร้อยละ 50 ทำให้บริษัทดังกล่าวมีสถานะที่ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจนั้น ยืนยันว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการกำกับดูแลราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ เนื่องจากบริษัท ปตท. ใหญ่ ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจอยู่นั้น จะยังเป็นผู้กำกับดูแลบริษัทใหม่ จึงยังมีอำนาจเต็มในการบริหารจัดการธุรกิจ อย่างไรก็ตาม หากมีการรายงานมาตนจะมีการตั้งข้อสังเกตุดังกล่าวไปให้
ด้าน พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ กรรมาธการวิสามัญพิจารณาร่างกฎหมาย กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้แก้ไขหลักการร่างพ.ร.บ.ปิโตรเลียม ในประเด็นคำจำกัดความของคำว่า “service contract” ที่แปลไว้ว่า “จ้าง สำรวจ และผลิต" โดยกรรมาธิการฯ เห็นว่ายังไม่ครอบคลุมเนื้อหารายละเอียดทั้งหมด จึงแก้ไขเป็นว่า “จ้าง บริการ” ซึ่งมีเนื้อหาครบถ้วน ครอบคลุม ทั้งสำรวจ และผลิต หรือทั้งสองอย่างก็ได้ และตรงกับคำว่า “service contract” และยังเห็นชอบให้แก้ไขในร่างพ.ร.บ.ภาษีปิโตรเลียมด้วย ซึ่งหลังจากนี้ พล.อ.สกนธ์ สัจจานิตย์ ประธานกมธ. จะนำมติที่ได้ไปหารือกับวิป สนช. เพื่อประสานกลับไปยังรัฐบาล เพื่อขอแก้ไขเนื้อหาในร่างทั้ง 2 ร่าง ซึ่งเป็นการแก้ไขในหลักการ ไม่ใช่ในรายละเอียด จึงต้องให้รัฐบาลเป็นผู้พิจารณาแล้วส่งกลับมายังคณะกรรมาธิการฯ เพื่อพิจารณาอีกครั้ง ส่วนจะส่งไปเมื่อไร ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้
ขณะที่ น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กรุงเทพมหานคร และอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ด้านพลังงาน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจรสนา โตสิตระกูล ก่อนที่จะมีการประชุม กมธ. ว่า หากคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างแก้ไข พ.ร.บ ปิโตรเลียม พ.ศ. ... และ ร่างแก้ไข พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. ... ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ตัดสินใจโหวตไม่ส่งคืนร่างกฎหมายให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) นำไปแก้ไขหลักการให้เป็นไปตามรายงานผลการศึกษาจุดอ่อนของพ.ร.บ.ปิโตรเลียมทั้ง 2 ฉบับ ของ สนช. และเดินหน้าต่อเข้าสู่ขั้นตอนการโหวตใน สนช. จะเป็นการละเมิดจริยธรรมของ สนช. ใน 8, 15, 17, 18, 21 และ 25 รวมทั้งอาจเข้าข่าวเป็นเจ้าพนักงานของรัฐที่กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ซึ่งมีโทษต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท หรือประหารชีวิต และหากมีการเห็นว่ากรรมาธิการวิสามัญเข้าข่ายกระทำผิด ประชาชนก็สามารถดำเนินการร้องเรียนได้ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้