“อนันตพร” ยอมรับการเปิดประมูล 2 แหล่งก๊าซฯ อ่าวไทย “เอราวัณ-บงกช” ที่กำหนดกรอบระยะเร็ว ภายใน มี.ค. 60 อาจต้องชะลอออกไป แต่จากการพูดคุยกับเอกชนยังยอมรับได้ที่จะอยู่ในกรอบภายในปี 2560 ขณะที่ กบง.เมื่อเร็วๆ นี้ไฟเขียว ปตท.ลงทุนคลังแอลเอ็นจี 7.5 ล้านตัน
พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าพ.ร.บ.ปิโตรเลียม พ.ศ. ... และพ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. ... ว่าอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ โดยกระทรวงพลังงานได้ตั้งเป้าหมายที่จะเปิดประมูลแหล่งก๊าซเอราวัณและบงกชที่จะสิ้นสุดอายุสัมปทานภายในเดือน มี.ค. 2560 แต่หากพิจารณาขั้นตอนต่างๆ แล้วอาจจะต้องชะลอออกไปและจากการหารือกับภาคเอกชนก็ยังรับได้หากอยู่ในกรอบปี 2560
“เราเป้าขั้นต้น มี.ค. 2560 ซึ่งแผนนี้เร็วอาจไม่ทันแต่ถ้าแผนกลางๆ น่าจะทัน เราก็พยายามสื่อสารกับนักลงทุนทั้งโดยตรงและผ่านทางกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ” รมว.พลังงานกล่าว
สำหรับการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ได้เห็นชอบตามที่ บมจ.ปตท.เสนอแผนลงทุนขยายสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลวแห่งที่ 2 (LNG Receiving Terminal) จากเดิมที่เคยได้รับอนุมัติให้สร้างเพื่อให้รองรับ LNG ได้ 5 ล้านตันต่อปี จะขอขยายเพิ่มเป็น 7.5 ล้านตันต่อปี ที่ จ.ระยอง เนื่องจากเห็นว่าความต้องการใช้ก๊าซฯ ของไทยเพิ่มขึ้น ขณะที่การผลิตเริ่มชะลอตัว ประกอบกับค่าก่อสร้างต่างกันไม่มาก แต่พื้นที่ก่อสร้างก็หายาก และการทำในพื้นที่เดิมในขนาดที่เพิ่มก็จะเสริมความมั่นคงด้านพลังงานได้ดีกว่า
ส่วนมติบอร์ด ปตท.ที่เสนอโครงการตั้งบริษัทลูก “พีทีทีโออาร์” เพื่อทำธุรกิจน้ำมันและธุรกิจค้าปลีก แต่ ปตท.จะถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวในสัดส่วนไม่ถึง 50% ทำให้บริษัทดังกล่าวมีสถานะที่ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจนั้น ยืนยันว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการกำกับดูแลราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ เนื่องจากบริษัทแม่ซึ่งยังเป็นรัฐวิสาหกิจจะยังเป็นผู้กำกับดูแลบริษัทใหม่ จึงยังมีอำนาจเต็มในการบริหารจัดการธุรกิจโดยเรื่องนี้ไม่ต้องห่วงเพราะถ้ารายงานมาจะมีการตั้งข้อสังเกตในเรื่องนี้ไปให้