ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -“ขอแสดงความชื่นชมกับกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงศึกษาธิการ ที่ส่งเสริมสนับสนุนงานของกรรมการอิสลามและโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ทำให้กรรมการแต่ละคนและโรงเรียนแต่ละโรง สามารถปรับปรุงพัฒนางานในหน้าที่ให้ก้าวหน้ามาเป็นลำดับ
“กรรมการอิสลามประจำจังหวัดและอิหม่ามนั้น เป็นบุคคลสำคัญและมีเกียรติ ด้วยเป็นผู้ที่ได้รับการเลือกสรรจากอิสลามิกชนให้เป็นที่พึ่งที่ปรึกษา ทั้งในด้านศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม และการดำเนินชีวิต ให้ถูกตรงตามบทบัญญัติแห่งศาสนา
“ส่วนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ก็มีความสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นรากฐานในการสร้างเสริมความดีความเจริญให้แก่เยาวชน ด้วยการให้การศึกษาที่ดีที่ครบถ้วน ทั้งด้านวิชาสามัญ และวิชาศาสนา หน้าที่ดูแลและแนะนำสั่งสอนอิสลามิกบริษัท และหน้าที่ให้การศึกษาอบรมแก่เยาวชนนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะบุคคลที่ได้รับการแนะนำสั่งสอนและการศึกษาที่ดีพร้อมทั้งหลักวิชาและหลักธรรม ย่อมสามารถดำเนินชีวิตและประกอบสัมมาชีพ สร้างสรรค์ความดีความเจริญให้แก่ตนเองและสังคมส่วนรวมได้แท้จริง
“ดังนั้น ผู้นำศาสนาก็ดี ผู้บริหารโรงเรียนก็ดี จึงควรจะได้ภูมิใจในผลงานที่ได้ปฏิบัติมา และร่วมมือสนับสนุนกันและกันให้ยิ่งใกล้ชิด งานทุกอย่างในหน้าที่จักได้ดำเนินรุดหน้า และอำนวยประโยชน์ในการสร้างคนดีมีคุณภาพ ให้บรรลุตามเป้าหมายโดยสมบูรณ์”
พระราชดำรัส สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระราชทานแก่ผู้เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาท ณ ที่ทำการองค์การองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปัตตานี ในการพระราชทานโล่เกียรติคุณ และเงินรางวัลแก่ผู้แทนคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น และอิหม่ามในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น เมื่อวันที่ 14 พ.ย.2559
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2559 เวลา 16.07 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังท่าอากาศยานทหารดอนเมือง เพื่อประทับเครื่องบินพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังท่าอากาศยานหาดใหญ่ อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา
จากนั้น ประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางพานพุ่มถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง ไปพระราชทานถ้วยรางวัลการทดสอบการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานระดับประเทศ แก่ผู้ชนะเลิศ รองชนะเลิศ และผู้ให้การสนับสนุน รวมจำนวน 27 ราย ณ มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี และทรงมีพระราชปฏิสันถารกับผู้นำศาสนา และทรงฉายพระรูปร่วมกับผู้ให้การสนับสนุนและคณะกรรมการตัดสินการทดสอบการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานระดับประเทศ ประจำปี 2558
ต่อจากนั้น ได้ประทับรถยนต์พระที่นั่งจากมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไปยังที่ทำการ อบจ.ปัตตานี ในการพระราชทานโล่เกียรติคุณ และเงินรางวัลแก่ผู้แทนคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด ที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น จำนวน 7 รางวัล และอิหม่ามในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น จำนวน 23 ราย ต่อด้วยพระราชทานรางวัลแก่ผู้แทนโรงเรียน ผู้บริหารโรงเรียน ครูและนักเรียนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามภาคใต้ ที่มีผลงานการปฏิบัติงานดีเด่น ประจำปี 2558 จำนวน 28 ราย
ในการเสด็จพระราชดำเนินไปยังจังหวัดปัตตานี ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในครั้งนี้ เป็นไปตามหมายกำหนดการที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ไว้แต่เดิม และถือเป็นพระราชกรณียกิจต่อเนื่องจากที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยมุสลิม โดยครั้งหนึ่งเมื่อปี พ.ศ.2505 ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ได้มีพระราชดำรัสให้แปลคัมภีร์อัลกุรอานเป็นภาษาไทย และวันที่ 16 มีนาคม 2511 เป็นวันแรกที่พระมหาคัมภีร์อัลกุรอานฉบับความหมายภาษาไทยได้ถูกจัดพิมพ์ขึ้นถวาย และได้พระราชทานแก่มัสยิดทั่วประเทศ
ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้มีพระราชดำรัสในงานเฉลิมฉลอง 14 ศตวรรษแห่งอัลกุรอานไว้ว่า…
“คัมภีร์อัลกุรอาน มิใช่จะเป็นคัมภีร์ที่สำคัญในศาสนาอิสลามเท่านั้น แต่ยังเป็นวรรณกรรมสำคัญของโลกเล่มหนึ่ง ซึ่งมหาชนรู้จักยกย่อง และได้แปลเป็นภาษาต่างๆ อย่างแพร่หลาย”