"ฮิลลารี คลินตัน" โทษ "เจมส์ โคมีย์" ผู้อำนวยการเอฟบีไอ ตัวการสำคัญที่ทำให้แพ้การเลือกตั้ง ขณะที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ง่วนกับการฟอร์มครม. และสรรหาบุคลากรเข้ารับตำแหน่งทางการเมือง แย้มคงอึดอัดมาก ถ้าต้องปิดบัญชีทวิตเตอร์ที่เคยใช้เป็นช่องทางโพสต์ข้อความแสบสันต์ระหว่างหาเสียง ด้าน"เลดี้กาก้า" ศิลปินดังของสหรัฐ ออกโรงชวนคนอเมริกัน ร่วมลงรายชื่อผ่านเว็บไซต์ Change.org เพื่อร้องต่อคณะผู้เลือกตั้งอเมริกา ให้เปลี่ยนใจมาเลือก "ฮิลลารี คลินตัน" เป็นผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ แทน"โดนัลด์ ทรัมป์" ที่ได้รับฉายาฉาวจากสื่ออเมริกา“ว่าที่ปธน.พุซซีแกรบเบอร์”
ก่อนเปิดคูหาเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา โพลล์จากแทบทุกสำนักต่างยกให้คลินตันเป็นเต็งหนึ่งที่จะได้เข้าสู่ทำเนียบขาว แต่เอาเข้าจริง ทรัมป์กลับคว้าชัยชนะชนิดช็อกกันทั้งโลก และนำไปสู่การประท้วงกว้างขวางทั่วอเมริกา
นับจากแถลงยอมรับความพ่ายแพ้ เมื่อเช้าวันพุธ (9พ.ย.) คลินตันก็เก็บตัวเงียบกริบ กระทั่งวันเสาร์ (12พ.ย.) อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ได้ประชุมทางโทรศัพท์ และบอกกับผู้บริจาคเงินหาเสียงรายใหญ่ว่า ทีมหาเสียงของเธอได้ร่างบันทึกความเข้าใจที่วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของผลสำรวจความคิดเห็นจนถึงการเลือกตั้ง และได้ข้อสรุปว่า จดหมายจากโคมีย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) คือจุดเปลี่ยนสำคัญ
แหล่งข่าวสามคนในการประชุมดังกล่าว เผยว่า คลินตันแจกแจงว่า การตัดสินใจของโคมีย์ ในการประกาศฟื้นการตรวจสอบเซิร์ฟเวอร์อีเมลของเธอบ่อนทำลายการสนับสนุนในแถบอัปเปอร์มิดเวสต์
ทั้งนี้ คลินตัน แพ้ในวิสคอนซิน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับจากปี 1984 ที่รัฐนี้เทคะแนนให้ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน และแม้ผลการนับคะแนนในมิชิแกนยังไม่เสร็จสิ้น แต่มีแนวโน้มว่าทรัมป์จะเป็นผู้ชนะ โดยรัฐนี้สนับสนุนแคนดิเดตจากรีพับลิกันเหนียวแน่นมาตั้งแต่ปี 1988
โคมีย์ ส่งจดหมายถึงรัฐสภาเพียงไม่กี่วันก่อนการเลือกตั้ง เพื่อประกาศว่า สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอีกครั้งว่า คลินตัน จัดการข้อมูลลับผิดพลาดจากการใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมลส่วนตัวระหว่างรับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ ปี 2009-2013 หรือไม่
อย่างไรก็ตาม หนึ่งสัปดาห์ต่อมา โคมีย์ ประกาศว่า จากการตรวจสอบอีเมลที่พบใหม่ ทำให้ยังเชื่อได้ว่าไม่มีเหตุผลในการดำเนินคดีกับคลินตัน กระนั้น ความเสียหายทางการเมืองได้เกิดขึ้นแล้ว
คลินตันบอกกับผู้บริจาคว่า ทรัมป์ฉวยโอกาสจากการประกาศของโคมีย์ โจมตีเธอ
อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศร่ายยาวว่า แม้นายใหญ่เอฟบีไอ ส่งจดหมายฉบับที่สองถึงรัฐสภาเพื่อเคลียร์ข้อสงสัยในการกระทำผิดของเธอ ทว่า ผู้สนับสนุนทรัมป์กลับได้รับการตอกย้ำว่าระบบราชการเข้าข้างเธอ จึงสมควรออกไปใช้สิทธิ์เพื่อลงโทษเธอ
บันทึกความเข้าใจดังกล่าว ที่สำนักข่าวรอยเตอร์ได้รับมายังบอกว่า ผู้ลงคะแนนที่เพิ่งตัดสินใจในช่วงสัปดาห์ที่แล้วว่าจะสนับสนุนผู้สมัครคนใดมีแนวโน้มสนับสนุนทรัมป์ มากกว่าคลินตัน และสรุปว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงโค้งสุดท้ายของการแข่งขันได้รับการพิสูจน์ว่า เป็นอุปสรรคที่คนมากมายมักไม่สามารถฝ่าฟันสำเร็จ
อนึ่ง โฆษกของเอฟบีไอยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้แต่อย่างใด
แหล่งข่าวสองคน ในการประชุมทางโทรศัพท์ยังเปิดเผยว่า เดนนิส ชาง ประธานด้านการเงินของคลินตัน ระบุว่าทีมหาเสียงของเธอและพรรคเดโมแครต ระดมทุนได้มากกว่า 900 ล้านดอลลาร์ จากผู้บริจาคกว่า 3 ล้านคน
ระหว่างที่คลินตันเปิดใจกับผู้บริจาค ทรัมป์ กำลังระดมสมองกับสมาชิกทีมผ่องถ่ายอำนาจที่ประกาศรายชื่อออกมาเมื่อวันศุกร์ (11พ.ย.) เพื่อคัดเลือกผู้เข้ารับตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี 15 ตำแหน่ง และตำแหน่งทางการเมืองอีกหลายพันตำแหน่ง
เคลลีแอนน์ คอนเวย์ ผู้จัดการแคมเปญของทรัมป์ เปิดเผยเมื่อวันเสาร์ว่า จะมีการประกาศชื่อหัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาวคนใหม่เร็วๆนี้ โดยตัวเก็งที่มีการพูดถึงมากที่สุดสองคนคือ สตีฟ แบนนอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแคมเปญหาเสียงของทรัมป์ และแรนซ์ พรีบัส ประธานคณะกรรมการแห่งชาติพรรครีพับลิกัน
คอนเวย์เสริมว่า ทรัมป์ จะแถลงแผนการดำเนินการต่อไปภายในไม่กี่วันนี้ และอาจเดินทางฉลองชัยชนะทั่วประเทศ
ทั้งนี้ ทรัมป์จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า
ขณะเดียวกัน ทรัมป์ให้สัมภาษณ์ในรายการ“60 มินิตส์”ทางเครือข่ายซีบีเอสที่มีกำหนดออกอากาศวันอาทิตย์ (13พ.ย.) ว่า ยังไม่พร้อมและคงอึดอัดมากถ้าต้องปิดบัญชีทวิตเตอร์ที่เคยใช้เป็นช่องทางโพสต์ข้อความเผ็ดร้อน ที่เรียกเสียงวิจารณ์ดุเดือดไม่แพ้กันระหว่างหาเสียง
**"เลดี้กาก้า"ล่าชื่อไล่"ทรัมป์"
ด้านเลดี้กาก้า ศิลปินสายโปรเกรสซีพที่มีชื่อเสียงของอเมริกา และประชาชนชาวอเมริกัน 3,813,759 คน ร่วมลงรายชื่อผ่านเว็บไซต์ Change.org ร้องต่อคณะผู้เลือกตั้งอเมริกา (the Electoral College)ให้ลงคะแนน ในวันที่ 19 ธ.ค สำหรับการเลือกประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปลี่ยนใจให้เลือก "ฮิลลารี คลินตัน" เป็นผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯแทน "โดนัลด์ ทรัมป์" ที่ได้รับฉายาฉาวจากสื่ออเมริกา“ว่าที่ปธน.พุซซีแกรบเบอร์”(Pussy Grabber)คนใหม่
เดลีเมล สื่ออังกฤษ และสื่ออื่นๆ ทั่วโลกรายงานเมื่อวันที่ 12 พ.ย.ว่า มีประชาชนชาวอเมริกันที่ไม่เห็นด้วยกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ผ่านมา ได้ร่วมลงนามในคำร้องเกือบ 3 ล้านรายชื่อ บนเว็บไซต์ Change.org ซึ่งถูกผลักดันโดย เลดี้กาก้า ศิลปินสายโปรเกรสซีพ ที่มีชื่อเสียงของอเมริกา ในการต้องการให้คณะผู้เลือกตั้งอเมริกา ซึ่งมีอำนาจในการกลับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตามกฎหมายสหรัฐฯ ให้เปลี่ยนการตัดสินใจ โดยการลงคะแนนให้กับ ฮิลลารี คลินตัน จากพรรคเดโมแครต ในวันที่ 19 ธ.ค ที่จะถึงนี้
ล่าสุด วันอาทิตย์ (13 พ.ย) นักข่าวผู้จัดการออนไลน์ ได้เข้าไปสำรวจจำนวนตัวเลขรายชื่อผู้ลงนาม พบว่ามีผู้สนับสนุน 3,813,759 คน และทางกลุ่มผู้จัดการรณรงค์ ประกาศขอให้ประชาชนชาวอเมริกันอีก 686,241 คน เพื่อร่วมลงนาม เพื่อให้ถึงยอดจำนวน 4,500,000 รายชื่อเป็นอย่างน้อย เพื่อทำให้คำร้องนี้สามารถบรรลุผล
และพบว่าผู้เสนอคำร้องไปยังคณะผู้เลือกตั้งอเมริกาบนเว็บไซต์นี้ ระบุว่า คือ เอลจาห์ เบิร์ก (elijah berg)จากรัฐนอร์ทแคโรไลนา
โดยสื่อสหรัฐฯ inquisitr ออกมาชี้ว่า เลดี้กากา ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้สนับสนุนตัวยงของคลินตัน ได้ส่งข้อความทางทวิตเตอร์ ในวันพฤหัสบดี (10 พ.ย) ประกาศให้ทุกคนในสหรัฐฯ ที่ไม่ต้องการให้ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไป ให้ร่วมลงรายชื่อในคำร้อง พร้อมกับลิงค์ของคำร้องหลังจากลงชื่อ #CountryOfKindness (@ladygaga)
ทั้งนี้ ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาชี้ว่า คลินตัน ได้พ่ายให้กับ โดนัลด์ ทรัมป์ 228 ต่อ 290 สำหรับคะแนนอิเลกทรอรัล โหวต (electoral vote)อ้างอิงจากหนังสิอพิมพ์วอชิงตันโพสต์ ซึ่งสื่อสหรัฐฯได้รายงานต่อว่า แต่ดูเหมือนคลินตัน ชนะในส่วนป็อปปูลาร์ โหวต (popular vote)อยู่ที่ 60.96 ล้านเสียง หรือ 47.8% ในขณะที่ทรัมป์ได้ไป 60.33 ล้านเสียง หรือ 47.3%
สื่อ inquisitrรายงานต่อว่า เลดี้กาก้า เชื่อว่า ประชาชนชาวอเมริกันทุกคนสมควรที่จะลงชื่อในคำร้องบนเว็บไซต์ Change.org เพราะเป็นเพียงหนทางเดียว ที่จะยังคงสามารถปกป้องสหรัฐฯไว้ได้จากหายนะที่จะเกิดจากการมีประธานาธิบดีชื่อ โดนัลด์ ทรัมป์
"หากว่าพวกคุณยังคงรู้สึกกลัวต่อสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันของอเมริกา และทำเนียบขาวได้โปรดลงชื่อบนคำร้องออนไลน์นี้"
ทั้งนี้ ในการรายงานของ inquisitrในวันเสาร์ (12 พ.ย) ระบุว่า รายชื่อล่าสุดอยู่ที่ 3.5 ล้านรายชื่อ ในขณะที่เดลีเมล รายงานในวันเดียวกันว่า มีรายชื่อเกือบ 3 ล้านคนแล้ว ซึ่งสื่อ inquisitorระบุว่า ทางกลุ่มผู้อยู่เบื้องหลังต้องการรายชื่ออีกไม่ต่ำกว่า 1 ล้าน เพื่อทำให้คำร้องนี้ได้รับการพิจารณา
โดยในใบคำร้อง มีข้อความว่า "คุณทรัมป์ไม่มีความเหมาะสมที่จะบริหารประเทศ ในขณะที่อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ คลินตัน ชนะคะแนนเสียงป็อปปูลาร์โหวต และเธอสมควรได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ"
และในใบคำร้องกล่าวต่อว่า "หากคณะผู้เลือกตั้งอเมริกา (the Electoral College) ออกเสียงตามที่รัฐของพวกเขาเหล่านั้นได้ลงคะแนน จะทำให้โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง แต่อย่างไรก็ตาม คนเหล่านี้ยังสามารถเปลี่ยนใจ และหันมาลงคะแนนให้กับ ฮิลลารี คลินตันได้ ซึ่งมีเหยื่อชาวอเมริกันจำนวนมากที่ถูกแฉปรากฏต่อสาธารณะ ความหุนหันพลันแล่น ความเป็นอันธพาล ความเป็นคนโกหก สับปลับรายวัน เรื่องฉาวทางการคุกคามสตรีเพศ และการไร้ซึ่งประสบการณ์อย่างสิ้นเชิง ทำให้ โดนัลด์ ทรัมป์ กลายเป็นตัวอันตรายอย่างร้ายแรง ต่อประเทศอเมริกาของพวกเรา"