รอยเตอร์ - “ฮิลลารี คลินตัน” โทษ “เจมส์ โคมีย์” ผู้อำนวยการเอฟบีไอ ตัวการสำคัญที่ทำให้แพ้การเลือกตั้ง ขณะที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” ง่วนกับการฟอร์ม ครม. และสรรหาบุคลากรเข้ารับตำแหน่งทางการเมือง แย้มคงอึดอัดมากถ้าต้องปิดบัญชีทวิตเตอร์ที่เคยใช้เป็นช่องทางโพสต์ข้อความแสบสันต์ระหว่างหาเสียง
ก่อนเปิดคูหาเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 8 ที่ผ่านมา โพลจากแทบทุกสำนักต่างยกให้คลินตันเป็นเต็งหนึ่งที่จะได้เข้าสู่ทำเนียบขาว แต่เอาเข้าจริง ทรัมป์กลับคว้าชัยชนะชนิดช็อคกันทั้งโลกและนำไปสู่การประท้วงกว้างขวางทั่วอเมริกา
นับจากแถลงยอมรับความพ่ายแพ้เมื่อเช้าวันพุธ (9) คลินตันก็เก็บตัวเงียบกริบ กระทั่งวันเสาร์ (12) อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งได้ประชุมทางโทรศัพท์และบอกกับผู้บริจาคเงินหาเสียงรายใหญ่ว่า ทีมหาเสียงของเธอได้ร่างบันทึกความเข้าใจที่วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของผลสำรวจความคิดเห็นจนถึงการเลือกตั้ง และได้ข้อสรุปว่า จดหมายจากโคมีย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) คือจุดเปลี่ยนสำคัญ
แหล่งข่าวสามคนในการประชุมดังกล่าวเผยว่า คลินตันแจกแจงว่า การตัดสินใจของโคมีย์ในการประกาศฟื้นการตรวจสอบเซิร์ฟเวอร์อีเมลของเธอบ่อนทำลายการสนับสนุนในแถบอัปเปอร์มิดเวสต์
ทั้งนี้ คลินตันแพ้ในวิสคอนซิน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับจากปี 1984 ที่รัฐนี้เทคะแนนให้ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน และแม้ผลการนับคะแนนในมิชิแกนยังไม่เสร็จสิ้น แต่มีแนวโน้มว่า ทรัมป์จะเป็นผู้ชนะ โดยรัฐนี้สนับสนุนแคนดิเดตจากรีพับลิกันเหนียวแน่นมาตั้งแต่ปี 1988
โคมีย์ส่งจดหมายถึงรัฐสภาเพียงไม่กี่วันก่อนการเลือกตั้งเพื่อประกาศว่า สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอีกครั้งว่า คลินตันจัดการข้อมูลลับผิดพลาดจากการใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมลส่วนตัวระหว่างรับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศปี 2009-2013 หรือไม่
อย่างไรก็ตาม หนึ่งสัปดาห์ต่อมา โคมีย์ประกาศว่า จากการตรวจสอบอีเมลที่พบใหม่ทำให้ยังเชื่อได้ว่า ไม่มีเหตุผลในการดำเนินคดีกับคลินตัน กระนั้น ความเสียหายทางการเมืองได้เกิดขึ้นแล้ว
คลินตันบอกกับผู้บริจาคว่า ทรัมป์ฉวยโอกาสจากการประกาศของโคมีย์โจมตีเธอ
อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศร่ายยาวว่า แม้นายใหญ่เอฟบีไอส่งจดหมายฉบับที่สองถึงรัฐสภาเพื่อเคลียร์ข้อสงสัยในการกระทำผิดของเธอ ทว่า ผู้สนับสนุนทรัมป์กลับได้รับการตอกย้ำว่า ระบบราชการเข้าข้างเธอ จึงสมควรออกไปใช้สิทธิเพื่อลงโทษเธอ
บันทึกความเข้าใจดังกล่าวที่สำนักข่าวรอยเตอร์ได้รับมายังบอกว่า ผู้ลงคะแนนที่เพิ่งตัดสินใจในช่วงสัปดาห์ที่แล้วว่าจะสนับสนุนผู้สมัครคนใดมีแนวโน้มสนับสนุนทรัมป์มากกว่าคลินตัน และสรุปว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงโค้งสุดท้ายของการแข่งขันได้รับการพิสูจน์ว่า เป็นอุปสรรคที่คนมากมายมักไม่สามารถฝ่าฟันสำเร็จ
อนึ่ง โฆษกของเอฟบีไอยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้แต่อย่างใด
แหล่งข่าวสองคนในการประชุมทางโทรศัพท์ยังเปิดเผยว่า เดนนิส ชาง ประธานด้านการเงินของคลินตัน ระบุว่า ทีมหาเสียงของเธอและพรรคเดโมแครตระดมทุนได้มากกว่า 900 ล้านดอลลาร์จากผู้บริจาคกว่า 3 ล้านคน
ระหว่างที่คลินตันเปิดใจกับผู้บริจาค ทรัมป์กำลังระดมสมองกับสมาชิกทีมผ่องถ่ายอำนาจที่ประกาศรายชื่อออกมาเมื่อวันศุกร์ (11) เพื่อคัดเลือกผู้เข้ารับตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี 15 ตำแหน่งและตำแหน่งทางการเมืองอีกหลายพันตำแหน่ง
เคลลีแอนน์ คอนเวย์ ผู้จัดการแคมเปญของทรัมป์ เปิดเผยเมื่อวันเสาร์ว่า จะมีการประกาศชื่อหัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาวคนใหม่เร็วๆ นี้ โดยตัวเก็งที่มีการพูดถึงมากที่สุดสองคนคือ สตีฟ แบนนอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแคมเปญหาเสียงของทรัมป์ และแรนซ์ พรีบัส ประธานคณะกรรมการแห่งชาติพรรครีพับลิกัน
คอนเวย์เสริมว่า ทรัมป์จะแถลงแผนการดำเนินการต่อไปภายในไม่กี่วันนี้ และอาจเดินทางฉลองชัยชนะทั่วประเทศ
ทั้งนี้ ทรัมป์จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 20 มกราคม ศกหน้า
ขณะเดียวกัน ทรัมป์ให้สัมภาษณ์ในรายการ “60 มินิตส์” ทางเครือข่ายซีบีเอสที่มีกำหนดออกอากาศวันอาทิตย์ (13) ว่า ยังไม่พร้อมและคงอึดอัดมากถ้าต้องปิดบัญชีทวิตเตอร์ที่เคยใช้เป็นช่องทางโพสต์ข้อความเผ็ดร้อนที่เรียกเสียงวิจารณ์ดุเดือดไม่แพ้กันระหว่างหาเสียง