ฟ็อกซ์นิวส์ - ผู้จัดการทีมหาเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้ทวิตเตอร์ในวันพฤหัสบดี (10 พ.ย.) เรียกร้องประธานาธิบดีบารัค โอบามา และนางฮิลลารี คลินตัน ประณามความรุนแรงทางการเมือง หลังการประท้วงต่อต้านว่าที่ผู้นำคนใหม่ตามเมืองต่างๆ ทั่วไปประเทศลุกลามบานปลายและยืดเยื้อเข้าสู่คืนที่ 2 อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดูจะอึมครึมเมื่อผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคเดโมแครตออกถ้อยแถลงไม่ยอมรับชัยชนะของนายทรัมป์
ตำรวจในพอร์ตแลนด์ มลรัฐออริกอน ประกาศสถานการณ์จลาจลในค่ำคืนวันพฤหัสบดี(10พ.ย.) อ้างถึงพฤติกรรมอาชญากรรมที่กว้างขวางและเป็นอันตราย พร้อมระบุในทวิตเตอร์มีรายงานว่าคนเหล่านั้นทำลายทรัพย์สินและก้าวร้าวหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างที่ผู้ชุมุมเดินขบวนไปทั่วเมือง
นางเคลลี คอนเวย์ ผู้จัดการทีมหาเสียงของทรัมป์ ได้โพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์ให้ประธานาธิบดีโอบามาและนางคลินตัน ว่าควรลงมาจัดการกับสถานการณ์และประณามความรุนแรงทางการเมือง พร้อมกันนั้นก็ลงคลิปประกอบ เป็นภาพระหว่างการประท้วงต่อต้านนายทรัมป์ในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งผู้หญิงคนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็น เรียกร้องหาความรุนแรงและความตาย เพื่อเป็นหนทางเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
“ถ้าเราไม่สู้ แล้วใครจะสู้เพื่อเรา คนมากมายต้องตายเพื่อเสรีภาพอย่างที่เรามีอยู่ในวันนี้ เราไม่ควรแค่เดินขบวน เราต้องตอบโต้กลับ” ลิลี ผู้หญิงชาวละตินจากลอสแองเจลิส บอกกับซีเอ็นเอ็น “จะต้องมีการสูญเสียทั้งสองฝาย นั่นเป็นเพราะคนเราจำเป็นต้องตายเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกนี้ ทรัมป์เหยียดผิวมามากพอแล้ว หยุดครอบครัวที่กำลังแตกแยกของคุณ อย่าทำให้ครอบครัวของฉันต้องแตกแยก”
นอกจากนี้แล้ว ทางสำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์ยังเผยแพร่คลิป เป็นภาพผู้สนับสนุนนายทรัมป์คนหนึ่งกำลังถูกกลุ่มม็อบเล่นงานในชิคาโก
การประท้วงต่อต้านชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีของนายทรัมป์ ตามเมืองสำคัญๆทั่วสหรัฐฯปะทุขึ้นอีกรอบในวันพฤหัสบดี (10 พ.ย.) ทั้งกลางวันและกลางคืน ไล่ตั้งแต่พอร์ตแลนด์ ชิคาโก ไปจนถึงนิวยอร์ก ซึ่งแม้ส่วนใหญ่เป็นไปอย่างสันติ แต่มีอย่างน้อยๆ 1 แห่งได้เลี้ยวเข้าสู่ความรุนแรง จนตำรวจต้องประกาศว่าสถานการณ์เข้าสู่จลาจล ในพอร์ตแลนด์
ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ ส่งสารที่ผสมผสานเกี่ยวกับมุมมองของเขาต่อเหตุความไม่สงบ แต่ในวันพฤหสบดี (10 พ.ย.) เขาประณามผู้ประท้วงมืออาชีพและกล่าวหาสื่อมวลชนโหมกระพือความไม่สงบ
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับการประท้วง จอช เออร์เนสต์ โฆษกทำเนียบขาว ระบุในวันพฤหัสบดี(10พ.ย.) เชื่อว่าสิทธิการแสดงออกของผู้ประท้วงต้องได้รับการปกป้อง
เขากล่าวว่า “มันคือสิทธิที่ควรแสดงออกโดยปราศจากความรุนแรง มีประชาชนรู้สึกผิดหวังผลเลือกตั้ง สารของประธานาธิบดีที่กล่าวในสวนกุหลาบ ทำเนียบขาว คือท่านไม่ประหลาดใจที่ผู้คนผิดหวังต่อผลที่ออกมา แต่สิ่งสำคัญที่เราต้องระลึกคือ หนึ่งหรือสองวันหลังจากการเลือกตั้ง เราเป็นเดโมแครตและรีพับลิกัน แต่จากนั้น ลำดับแรกคือ เราเป็นอเมริกันชนและผู้รักชาติ”
แม้โอบามาพบปะกับนายทรัมป์ที่ทำเนียบขาวในวันพฤหัสบดี (10 พ.ย.) และประกาศอีกครั้งว่าจะช่วยเหลือการเปลี่ยนผ่าน ส่วนนางฮิลลารี ก็กล่าวระหว่างปราศรัยยอมรับความพ่ายแพ้ว่า “เราต้องยอมรับผล และจากนั้นก็มองไปยังอนาคต โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเป็นประธานาธิบดีของเรา เราติดหนี้เขาในการเปิดใจยอมรับและให้โอกาสเขานำพาประเทศ”
ทว่า แฮร์รี รีด ผู้นำเดโมแครตในวุฒิสภา ได้ออกถ้อยแถลง 473 คำในวันศุกร์ (11 พ.ย.) แสดงความคับแค้นใจต่อชัยชนะของนายทรัมป์ ระบุมันถูกปลุกใจจากพลังแห่งความเกลียดชังและดื้อรั้น ขณะที่ประเทศถูกครอบงำไปด้วยความหวาดกลัว
“พวกชาตินิยมผิวขาว วลาดิมีร์ ปูติน และไอเอส กำลังเฉลิมฉลองชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ ส่วนชาวอเมริกาผิวขาวใสซื่อที่เคารพกฎหมาย อเมริกันชนกำลังหวาดผวา โดยเฉพาะชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกา อเมริกันละตินและอเมริกันมุสลิม กลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศอเมริกาและอเมริกันเอเชีย ขณะที่พวกชาตินิยมกำลังเฉลิมฉลอง อเมริกันชนผู้ใสซื่อกำลังน้ำตาซึมจากความกลัว รู้สึกว่าเหมือนมันไม่ใช่อเมริกา” วุฒิสมาชิกจากเนวาดากล่าว
ในท่อนท้ายๆ ของถ้อยแถลง นายรีดเรียกทรัมป์ว่าพวกนักล่าทางเพศที่แพ้ popular vote(คะแนนเสียงจากผู้มีสิทธิออกเสียง) และโหมกระพือการหาเสียงด้วยความดันทุรังและความเกลียดชัง
“ชัยชนะจากคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง ไม่ใช่การให้อภัยนายทรัมป์จากบาปที่เขาก่อกับอเมริกันหลายล้านคน โดนัลด์ ทัมป์ อาจไม่มีความสามารถในการบรรเทาความกลัวเหล่านั้น แต่เขาติดหนี้ประเทศแห่งนี้ในการพยายามลงมือทำ หากทรัมป์ต้องการถอนความเกลียดชังที่เขาปลดปล่อยออกมากลับไป เขามีงานมหึมาที่ต้องทำและต้องเริ่มต้นในทันที”