xs
xsm
sm
md
lg

‘ทรัมป์’ ปล่อยมุกเชิญ ‘อดีตชู้รักของบิลล์ คลินตัน’ นั่งแถวหน้า ‘เวทีดีเบต’ ระหว่างเขากับฮิลลารีวันจันทร์นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

<i>นักศึกษามหาวิทยาฮอฟสตรา แสดงบทเป็น 2 คู่แข่งขัน และผู้ดำเนินรายการ ระหว่างการซ้อมใหญ่รายการโต้วาทีของ 2 ตัวเก็งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯนัดแรก  ซึ่งจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยฮอฟสตรา เมืองเฮมป์สเตด รัฐนิวยอร์ก ในวันจันทร์ (25 ก.ย.) </i>
เอเอฟพี/MGRออนไลน์ - โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของพรรครีพับลิกัน “ปล่อยมุก” จะเชิญอดีตชู้รักของ “บิลล์ คลินตัน” มานั่งเกาะขอบเวทีการโต้วาทีแบบตัวต่อตัวนัดแรกระหว่างเขากับ ฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครของพรรคเดโมแครต ในวันจันทร์ (26 ก.ย.) นี้ อย่างไรก็ดี ทีมหาเสียงของเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ผู้นี้แถลงในเวลาต่อมาว่าไม่มีแผนดังกล่าว

การที่ทรัมป์ออกมาขู่เมื่อวันเสาร์ (24) ว่าจะนำเอาอดีตชู้รักของบิลล์ คลินตัน สามีของฮิลลารี มานั่งฟังติดขอบเวทีโต้วาทีด้วย ถือเป็นหนึ่งในความพยายามของเขาที่จะพูดจาพาดพิงไปถึงความไม่ซื่อสัตย์นอกใจภรรยาของอดีตประธานาธิบดีผู้นี้

สำหรับการปล่อยมุกถากถางเหน็บแนมของเขาคราวนี้มีขึ้นหลังจากอภิมหาเศรษฐีนักลงทุน มาร์ก คิวบัน ที่เป็นผู้หนุนหลังคลินตันและเป็นนักวิพากษ์วิจารณ์ตามจิกตามจี้ทรัมป์ ประกาศตอบรับที่จะนั่งอยู่แถวหน้าในการโต้วาทีระหว่างคลินตันกับทรัมป์ ถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ทั่วประเทศวันจันทร์ (26) นี้ ซึ่งคาดหมายกันว่าจะเรียกผู้ชมชาวอเมริกันได้เป็นจำนวนมากระดับทำลายสถิติ นั่นคืออาจจะถึง 90 ล้านคนทีเดียว

“ถ้า มาร์ก คิวบัน ผู้ชวนง่วงเหงาหาวนอนแห่งรายการ (เรียลิตีโชว์) “เบเนแฟกเตอร์” ที่ล้มเหลว ต้องการนั่งอยู่ตรงแถวหน้า ผมก็จะนำ เกนนิเฟอร์ ฟลาวเวอร์ส นั่งข้างเขาเลย!” ทรัมป์ทวีตบลัฟกลับ โดยที่ทรัมป์ก็เป็นนักลงทุนระดับอภิมหาเศรษฐีในด้านอสังหาริมทรัพย์ อีกทั้งยังเป็นดาราเอกในเรียลิตีโชว์ “ดิ แอปเพรนทิช” ที่ประสบความสำเร็จ และว่ากันว่ารายการ “เบเนแฟกเตอร์” พยายามเลียนแบบทว่าไม่ประสบความสำเร็จ

หลังจากนั้นยังมีข้อความจากแอกเคานต์ทวิตเตอร์ซึ่งเชื่อมโยงกับเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของฟลาวเวอร์สระบุว่า เธอจะเข้าร่วมการโต้วาทีที่ใครๆ ก็รอคอยคราวนี้ด้วย รวมทั้งบ่งบอกว่าเธอสนับสนุนทรัมป์

“ไฮ โดนัลด์ คุณรู้ดีว่าฉันอยู่ฝ่ายคุณ และแน่นอนว่าจะอยู่ที่เวทีโต้วาทีด้วย!...” นี่คือข้อความทวีตดังกล่าว แถมยังมีรูปการ์ตูนแสดงอารมณ์ (อีโมจิ) “จูบ” ลงท้ายเอาไว้ด้วย

บิลล์ คลินตันนั้นมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับฟลาวเวอร์ส ซึ่งมีอาชีพเป็นนางแบบ ระหว่างที่เขาเป็นผู้ว่าการมลรัฐอาร์คันซอส์ในช่วงทศวรรษ 1970 โดยที่ในตอนหลังเขายอมรับเรื่องนี้ระหว่างให้ปากคำที่มีการสาบานตัว นอกจากนั้นระหว่างที่เขาเป็นประธานาธิบดี เขายังมีสัมพันธ์สวาทกับ มอนิคา ลูวินสกี พนักงานฝึกหัดในทำเนียบขาว ซึ่งกลายเป็นกรณีอื้อฉาวที่ทำให้เขาถูกรัฐสภาพิจารณาถอดถอนจากตำแหน่งในปี 1998 ทว่าถอดถอนเขาไม่สำเร็จ

ทรัมป์นั้นวิพากษ์วิจารณ์ฮิลลารี คลินตัน อยู่หลายครั้ง ว่าไม่ยอมผละจากสามี ทั้งๆ ที่เขานอกใจครั้งแล้วครั้งเล่า
<i>ภาพจากแฟ้มถ่ายเมื่อวันทื่ 23 มกราคม 1998 แสดงให้เห็น เกนนิเฟอร์ ฟลาวเวอร์ส (กลาง) กำลังตอบคำถามผู้สื่อข่าว ภายหลังเธอให้สัมภาษณ์ในรายการ แลร์รี คิง ไลฟ์ ของโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น  ทั้งนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ พูดเป็นนัยว่าอาจเชิญ ฟลาวเวอร์ส อดีตชู้รักของ บิลล์ คลินตัน เข้าฟังการโต้วาทีระหว่างเขากับ ฮิลลารี คลินตัน ทว่าต่อมาทีมหาเสียงของทรัมป์บอกว่า เป็นเพียงการแสดงให้เห็นว่าฝ่ายทรัมป์สามารถทำสิ่งที่รบกวนความคิดของคลินตันได้  แต่ไม่ได้มีแผนการทำเช่นนี้จริงๆ </i>
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงวันอาทิตย์ (25) เคลลีแอนน์ คอนเวย์ ผู้จัดการทีมรณรงค์หาเสียงของทรัมป์ กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ข่าวซีเอ็นเอ็นว่า ไม่ได้มีการเชื้อเชิญฟลาวเวอร์สอย่างเป็นทางการ และก็ไม่ได้คาดหมายว่าเธอจะไปปรากฏตัว ณ สถานที่โต้วาทีในฐานะแขกผู้หนึ่งของทีมหาเสียงของทรัมป์

คอนเวย์ระบุว่า การที่ทรัมป์ทวีตโดยอ้างเรื่องของฟลาวเวอร์สนั้น มุ่งหมายที่จะเตือนและแสดงให้ทีมหาเสียงของคลินตันทราบว่า ทีมหาเสียงของทรัมป์มีวิธีการหลายอย่างที่จะ “เข้าไปอยู่ข้างในความคิดของฮิลลารี คลินตันได้”

“ทรัมป์กำลังชี้ให้พวกเขาเห็นว่าเรามีความสามารถอย่างแน่นอนที่จะเชื้อเชิญแขกหลายคนซึ่งอาจจะเข้าไปอยู่ข้างในความคิดของฮิลลารี คลินตันได้” เธอบอก พร้อมกับกล่าวด้วยว่า ทรัมป์ไม่มีแผนการใดๆ ที่จะหยิบยกเอาเรื่องความไม่ซื่อสัตย์ต่อภรรยาของบิลล์ คลินตัน ขึ้นมาโต้วาทีด้วย

สำหรับทีมหาเสียงของคลินตันนั้นแสดงปฏิกิริยาโต้ตอบ โดยระบุว่าการอ้างถึงฟลาวเวอร์สของทรัมป์นั้นเป็นการกระทำที่ไร้สาระ

“ถ้าหากนี่คือสิ่งที่โดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการให้การโต้วาทีคราวนี้เป็นไปในแบบนี้แล้ว นั่นก็แล้วแต่เขา” ร็อบบี มูค ผู้จัดการทีมรณรงค์หาเสียงของคลินตันกล่าวกับเครือข่ายโทรทัศน์เอบีซี

“เขาเป็นดาราทีวีเรียลิตีโชว์ เขามีประสบการณ์มากมายในด้านการสร้างความบันเทิงทางทีวี แต่การเป็นประธานาธิบดีนั้นไม่ใช่เรื่องการให้ความบันเทิง” มูคกล่าว
<i>บริเวณด้านนอกของกลุ่มอาคารกีฬาและนิทรรศการ มหาวิทยาลัยฮอฟสตรา เมืองเฮมป์สเตด มลรัฐนิวยอร์ก เมื่อวันเสาร์ (24 ก.ย) ภายในกลุ่มอาคารนี้คือสถานที่จัดการโต้วาทีนัดแรกระหว่าง ฮิลลารี คลินตัน กับ โดนัลด์ ทรัมป์  2 ตัวเก็งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯปีนี้ </i>
ผลโพลชี้คะแนนนิยมคู่คี่ แถมต่างมี ‘คนชัง’ เกินครึ่ง

ทางด้านผลโพลของวอชิงตันโพสต์-เอบีซีนิวส์ ซึ่งนำออกเผยแพร่ในวันอาทิตย์ (28)ระบุว่า คะแนนนำเล็กน้อยที่คลินตันเคยมีอยู่เมื่อเดือนสิงหาคม เวลานี้หดหายไปเสียแล้ว โดยขณะนี้เธอและทรัมป์ต่างได้รับเสียงสนับสนุนจากผู้ออกเสียงที่ลงทะเบียนว่าจะไปเลือกตั้ง เป็นอัตราส่วนเท่ากันคือ 41% ขณะที่ แกรี จอห์นสัน ตัวแทนของพรรคลิเบอร์เทเรียนได้ 7% ส่วน จิลล์ สไตน์แห่งพรรคกรีนได้ 2%

เมื่อเทียบเฉพาะตัวเก็งทั้ง 2 คน คลินตันกับทรัมป์ต่างได้คะแนนนิยมจากผู้ออกเสียงที่ลงทะเบียนว่าจะไปเลือกตั้งเป็นอัตราส่วนคนละ 46% เท่าๆ กัน

สำหรับผลสำรวจความคิดเห็นระดับชาติของสำนักอื่นๆ นั้น มีบางแห่งแสดงให้เห็นว่าคลินตันเป็นผู้นำ ทว่าโพลเหล่านั้นก็ระบุว่าเธอนำไม่มาก เพียงแค่เลขหลักเดียวเท่านั้น

การที่ผู้ออกเสียงตัดสินใจว่าจะเลือกตัวเก็งคนไหนใน 2 รายนี้ เห็นได้ชัดว่ามีปัจจัยในเรื่องเพศภาวะ, เชื้อชาติ, และการศึกษา

กล่าวคือ ผลสำรวจชี้ว่า ผู้ชายหนุนหลังทรัมป์ประมาณ 54% ขณะที่ผู้หญิงบอกว่าสนับสนุนคลิปตันกันราว 55% แล้วเมื่อนำเอาปัจจัยด้านสีผิวมาคำนวณ ปรากฏว่าคนผิวขาว 53% บอกว่าจะเลือกทรัมป์ และมีเพียง 37% หนุนหลังคลินตัน ขณะที่พวกผู้ออกเสียงที่ไม่ใช่คนผิวขาว 53% กล่าวว่าจะเลือกเธอ และแค่ 19% คิดว่าจะโหวตให้คู่แข่งของเธอที่มาจากพรรครีพับลิกัน

ทรัมป์นำโด่งคลินตันถึงกว่า 4 ต่อ 1 ในหมู่ชายผิวขาวที่จบการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี แต่ช่องว่างนี้หดแคบลงมามากในหมู่หญิงผิวขาวที่จบต่ำกว่าปริญญาตรี ตลอดจนชายผิวขาวที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป

ยิ่งเป็นหญิงผิวขาวสำเร็จการศึกษาปริญญาตรีขึ้นไปด้วยแล้ว โพลชี้ว่าคลินตันกลับเป็นฝ่ายนำทรัมป์ด้วยเปอร์เซ็นต์ 57 ต่อ 32
<i>ภาพขนาดใหญ่ของ ฮิลลารี คลิน ตัน และ โดนัลด์ ทรัมป์ บนยานพาหนะของโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น ณ มหาวิทยาลัยฮอฟสตรา รัฐนิวยอร์ก ในวันเสาร์ (24 ก.ย.) มหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นสถานที่จัดการโต้วาทีนัดแรกของ 2 ตัวเก็งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯปีนี้  โดยกำหนดจัดขึ้นในวันจันทร์ (26) </i>
ในอีกด้านหนึ่ง คู่แข่งขันคู่นี้ยังคงได้รับคะแนนเป็นลบจากผู้ออกเสียงเป็นอัตราส่วนที่สูงมาก

โดยในหมู่ผู้ลงทะเบียนแล้วว่าจะไปเลือกตั้งมีราว 39% เท่านั้นที่รู้สึกนิยมชมชื่นในตัวคลินตัน แต่มี 57% ทีเดียวที่กล่าวว่าไม่รู้สึกประทับใจชื่นชอบเธอ

สำหรับทรัมป์ 38% กล่าวว่ามีความประทับใจเขาในทางบวก ทว่า 57% มีความคิดต่อเขาไปในทางลบ แต่ตรงนี้เท่ากับว่าเสียงที่มองทรัมป์ในทางไม่ดีได้ลดต่ำลงมา 5% ทีเดียวเมื่อเทียบกับก่อนหน้าช่วงที่ทั้ง 2 พรรคใหญ่จัดการประชุมผู้แทนระดับชาติในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

ขณะที่พวกผู้ออกเสียงระบุว่าผู้สมัครทั้งสองโดยภาพรวมแล้วต่างขาดไร้ความซื่อสัตย์สุจริต ทว่าเรตติ้งของคลินตันก็อยู่ในสภาพแย่กว่า โดยมีผู้ออกเสียงเพียง 33% เห็นว่าเธอซื่อสัตย์และควรแก่การไว้วางใจ อีก 66% คิดว่าเธอไม่ได้สมควรแก่ความเชื่อถือไว้ใจ

สำหรับทางฝ่ายทรัมป์ ผู้ออกเสียง 42% บอกว่าเขาเป็นคนซื่อสัตย์และไว้วางใจได้ ขณะที่ 53% กล่าวว่าเขาไม่ซื่อและไม่น่าเชื่อถือ

ผู้ออกเสียงเกินกว่าครึ่ง คือ 53% ไม่คิดว่าทรัมป์มีคุณสมบัติควรแก่การเป็นประธานาธิบดี ขณะที่ 58% กล่าวว่าเขาไม่มีนิสัยใจคออารมณ์ความรู้สึกที่จะเป็นประธานาธิบดีซึ่งมีประสิทธิภาพ และ 55% เห็นว่าเขาขาดความรู้เกี่ยวกับโลกอันผู้อยู่เป็นประธานาธิบดีสมควรต้องรู้

กำลังโหลดความคิดเห็น