รอยเตอร์ - ที่ปรึกษาอาวุโสในทีมหาเสียงของ โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาส่งสัญญาณเป็นนัยๆ ว่ามหาเศรษฐีปากเปราะอาจตัดสินใจผ่อนจุดยืนต่อต้านผู้อพยพ โดยยอมรับเมื่อวานนี้ (21 ส.ค.) ว่าแผนขับไล่คนหลบหนีเข้าเมือง 11 ล้านคนออกจากสหรัฐฯ กำลังถูก “ทบทวนใหม่”
ทรัมป์ ซึ่งเป็นผู้สมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน เคยให้สัญญาว่าจะปฏิรูปนโยบายคนเข้าเมืองให้เข้มงวดยิ่งขึ้น และจะสร้างกำแพงกั้นพรมแดนสหรัฐฯ กับเม็กซิโก ซึ่งเป็นข้อเสนอที่เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าไร้มนุษยธรรม และมีค่าใช้จ่ายสูงเกินกว่าจะปฏิบัติได้จริง
เวลานี้คะแนนนิยมของมหาเศรษฐีปากเปราะเริ่มลดน้อยถอยลงจนตามหลัง ฮิลลารี คลินตัน ในโพลแทบทุกสำนัก ทำให้เจ้าตัวต้องเริ่มปรับยุทธศาสตร์เข้าหาคนเชื้อสายฮิสแปนิกและคนผิวสีมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากชาวอเมริกันผิวขาวซึ่งเป็นฐานเสียงส่วนใหญ่ของ ทรัมป์ อยู่แล้ว
เมื่อวันอาทิตย์(21) เคลล์ยานน์ คอนเวย์ ผู้จัดการแคมเปญคนใหม่ของทรัมป์ ยืนยันกับผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็นว่า ทรัมป์ ยึดมั่นในแนวทางที่ “เป็นธรรม และมีมนุษยธรรม” ต่อผู้อพยพทุกคนที่เข้ามาอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมาย
“คุณทรัมป์สนับสนุนให้เราบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ ให้เคารพความปรารถนาของชาวอเมริกันซึ่งต้องการมีงานดีๆ ที่ได้ค่าแรงสูง และให้เราปฏิบัติอย่างเป็นธรรมและมีมนุษยธรรมต่อทุกคนที่อาศัยอยู่ร่วมกับเราในประเทศนี้” คอนเวย์ ให้สัมภาษณ์ในรายงาน State of the Union
เมื่อพิธีกรถามย้ำว่า ทรัมป์ จะยังคง “บังคับเนรเทศ” ผู้อพยพผิดกฎหมายอย่างที่เขาเคยประกาศเอาไว้หรือไม่ ผู้จัดการแคมเปญหญิงรายนี้ก็ตอบว่า “คงต้องทบทวนดูก่อน”
เจฟฟ์ เซสชันส์ ส.ว.รีพับลิกันซึ่งเป็นคนสนิทของ ทรัมป์ ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ Face the Nation ทางสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสว่า มหาเศรษฐีอสังหารัมทรัพย์วัย 70 ปีผู้นี้พร้อมที่จะผลักดันแผนขับไล่ผู้อพยพผิดกฎหมาย หากได้เป็นผู้นำทำเนียบขาว
“เขาพยายามมองหาหนทางที่จะทำเช่นนั้นให้ได้ คนที่อาศัยอยู่ที่นี่อย่างผิดกฎหมาย เดินทางเข้ามาโดยผิดกฎหมาย จะต้องถูกกำจัดออกไป นี่คือหลักความจริง” ส.ว.จากรัฐแอละบามาผู้นี้กล่าว
นโยบายห้ามชาวมุสลิมเดินทางเข้าสหรัฐฯ ชั่วคราวของ ทรัมป์ ยังทำให้เขาถูกฝ่ายตรงข้ามโจมตีอย่างหนัก ซึ่งต่อมาภายหลัง ทรัมป์ ได้ก็แก้เป็นการห้ามเฉพาะชาวมุสลิมจาก “ประเทศที่มีประวัติเชื่อมโยงกับการก่อการร้าย”
คลินตัน วิจารณ์นโยบายของ ทรัมป์ ว่าเป็นการบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความแตกแยก ส่วนตัวเธอเองนั้นจะเสนอแนวทางให้ผู้อพยพผิดกฎหมายบางกลุ่มสามารถขอสัญชาติอเมริกันได้ อดีตรัฐมนตรีหญิงยังเตือนด้วยว่า กลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรง เช่น รัฐอิสลาม (ไอเอส) กำลังใช้คำพูดที่ส่อถึงความเกลียดชังมุสลิมของ ทรัมป์ เป็นสื่อโฆษณาหาแนวร่วมใหม่ๆ
ทรัมป์ เพิ่งจะปรับคณะทำงานในทีมหาเสียงชุดใหญ่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเลื่อนตำแหน่ง คอนเวย์ จากที่ปรึกษาอาวุโสมาเป็นผู้จัดการทีมหาเสียง และจ้าง สตีเฟน แบนนอน ผู้บริหารเว็บไซต์ข่าว Breitbart มาเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
ทีมหาเสียงของ ทรัมป์ ยังแถลงเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (19) ว่า พอล มานาฟอร์ต ประธานบริหารคนเก่า ได้ลาออกจากตำแหน่ง
คะแนนนิยมของ ทรัมป์ เริ่มพ่ายแพ้ คลินตัน อย่างเห็นได้ชัดในผลโพลระดับชาติช่วง 2-3 สัปดาห์มานี้ โดยเฉพาะที่รัฐสำคัญอย่างเพนซิลเวเนียและนิวแฮมป์เชียร์ ซึ่ง คลินตัน เริ่มมีคะแนนนำทิ้งห่างมากขึ้นเรื่อยๆ
ผลสำรวจโดยรอยเตอร์/อิปซอสที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (19) พบว่า คลินตัน มีคะแนนนิยมสูงกว่า ทรัมป์ ในระดับประเทศ 42 ต่อ 34 เปอร์เซ็นต์ หรือห่างกัน 8 จุด