เอเจนซีส์/MGR ออนไลน์ - เลดี้กาก้า ศิลปินสายโปรเกรสซีพ-ฟที่มีชื่อเสียงของอเมริกา และประชาชนชาวอเมริกัน 3,813,759 ล้านคนร่วมลงรายชื่อผ่านเว็บไซต์ Change.org ร้องต่อคณะผู้เลือกตั้งอเมริกา (the Electoral College) ให้ลงคะแนนในวันที่ 19 ธ.ค สำหรับการเลือกประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปลี่ยนใจให้เลือกฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต เป็นผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ แทน โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน ที่ได้รับฉายาฉาวจากสื่ออเมริกา “ว่าที่ ปธน.พุซซีแกรบเบอร์” (Pussy Grabber) คนใหม่ ด้านสถานการณ์ของเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์อเมริกัน ล่าสุดได้เปลี่ยนตัวให้คู่ชิง ว่าที่รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไมค์ เพนซ์ ขึ้นกุมบังเหียนทำหน้าที่จัดการเปลี่ยนผ่านอำนาจตั้งรัฐบาลแทนผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์ คริส คริสตี
เดลีเมล์ สื่ออังกฤษ และสื่ออื่นๆ ทั่วโลกรายงานเมื่อวานนี้ (12 พ.ย.) ว่า มีประชาชนชาวอเมริกันที่ไม่เห็นด้วยกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ผ่านมาในวันอังคาร (8 พ.ย.)ได้ร่วมลงนามในคำร้องเกือบ 3 ล้านรายชื่อบนเว็บไซต์ Change.org ซึ่งถูกผลักดันโดยเลดี้กาก้า ศิลปินสายโปรเกรสซีฟที่มีชื่อเสียงของอเมริกา ในการต้องการให้คณะผู้เลือกตั้งอเมริกา (the Electoral College) ซึ่งมีอำนาจในการกลับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตามกฎหมายสหรัฐฯ ให้เปลี่ยนการตัดสินใจโดยการลงคะแนนให้กับ ฮิลลารี คลินตัน จากพรรคเดโมแครตในวันที่ 19 ธ.คที่จะถึงนี้
ล่าสุดวันอาทิตย์ (13 พ.ย.) นักข่าวผู้จัดการออนไลน์ได้เข้าไปสำรวจจำนวนตัวเลขรายชื่อผู้ลงนามพบว่า มีผู้สนับสนุน 3,813,759 คน และทางกลุ่มผู้จัดการรณรงค์ประกาศขอให้ประชาชนชาวอเมริกันอีก 686,241 คนเพื่อร่วมลงนาม เพื่อให้ถึงยอดจำนวน 4,500,000 รายชื่อเป็นอย่างน้อยเพื่อทำให้คำร้องนี้สามารถบรรลุผล
และพบว่าผู้เสนอคำร้องไปยังคณะผู้เลือกตั้งอเมริกาบนเว็บไซต์นี้ระบุว่าคือ เอลจาห์ เบิร์ก (elijah berg) จากรัฐนอร์ทแคโรไลนา
โดยสื่อสหรัฐฯ inquisitr ออกมาชี้ว่า เลดี้กาก้าที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้สนับสนุนตัวยงของคลินตัน ได้ส่งข้อความทางทวิตเตอร์ในวันพฤหัสบดี (10) ประกาศให้ทุกคนในสหรัฐฯ ที่ไม่ต้องการให้ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯคนต่อไป ให้ร่วมลงรายชื่อในคำร้อง พร้อมกับลิงค์ของคำร้องหลังจากลงชื่อ #CountryOfKindness (@ladygaga)
ทั้งนี้ ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาชี้ว่า คลินตันได้พ่ายให้กับตัวแทนพรรครีพับลิกัน โดนัลด์ ทรัมป์ 228 ต่อ 290 สำหรับคะแนนอิเล็กทรอรัล โหวต(electoral vote)อ้างอิงจากหนังสิอพิมพ์วอชิงตันโพสต์ ซึ่งสื่อสหรัฐฯ ได้รายงานต่อว่า แต่ดูเหมือนคลินตันชนะในส่วนป็อปปูลาร์ โหวต (popular vote) อยู่ที่ 60.96 ล้านเสียงหรือ 47.8% ในขณะที่ทรัมป์ได้ไป 60.33 ล้านเสียงหรือ 47.3%
สื่อ inquisitr รายงานต่อว่า เลดี้กาก้าเชื่อว่า ประชาชนชาวอเมริกันทุกคนสมควรที่จะลงชื่อในคำร้องบนเว็บไซต์ Change.org เพราะเป็นเพียงหนทางเดียวที่จะยังคงสามารถปกป้องสหรัฐฯ ไว้ได้จากหายนะที่จะเกิดจากการมีประธานาธิบดีชื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ “หากว่าพวกคุณยังคงรู้สึกกลัวต่อสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันของอเมริกาและทำเนียบขาว ได้โปรดลงชื่อบนคำร้องออนไลน์นี้”
ทั้งนี้ ในการรายงานของ inquisitr ในวันเสาร์ (12 พ.ย.) ระบุว่ารายชื่อล่าสุดอยู่ที่ 3.5 ล้านรายชื่อ ในขณะที่เดลีเมลรายงานในวันเดียวกันว่า มีรายชื่อเกือบ 3 ล้านคนแล้ว ซึ่งสื่อ inquisitor ระบุว่า ทางกลุ่มผู้อยู่เบื้องหลังต้องการรายชื่ออีกไม่ต่ำกว่า 1 ล้านเพื่อทำให้คำร้องนี้ได้รับการพิจารณา
โดยในใบคำร้องมีข้อความว่า “คุณทรัมป์ไม่มีความเหมาะสมที่จะบริหารประเทศ ในขณะที่อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ คลินตัน ชนะคะแนนเสียงป็อปปูลาร์โหวต และเธอสมควรได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ “
และในใบคำร้องกล่าวต่อว่า “หากคณะผู้เลือกตั้งอเมริกา (the Electoral College)ออกเสียงตามที่รัฐของพวกเขาเหล่านั้นได้ลงคะแนน จะทำให้โดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง แต่อย่างไรก็ตาม คนเหล่านี้ยังสามารถเปลี่ยนใจ และหันมาลงคะแนนให้กับฮิลลารี คลินตันได้ ซึ่งมีเหยื่อชาวอเมริกันจำนวนมากที่ถูกแฉปรากฏต่อสาธารณะ ความหุนหันพลันแล่น ความเป็นอันธพาล ความเป็นคนโกหกสับปลับรายวัน เรื่องฉาวทางการคุกคามสตรีเพศ และการไร้ซึ่งประสบการณ์อย่างสิ้นเชิง ทำให้โดนัลด์ ทรัมป์ กลายเป็นตัวอันตรายอย่างร้ายแรงต่อประเทศอเมริกาของพวกเรา”
ด้านสถานการณ์ล่าสุดในฝั่งเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์พบว่า ฟ็อกซ์นิวส์รายงานก่อนหน้านี้ ว่า ทรัมป์ได้เปลี่ยนตัวผู้จัดการเปลี่ยนผ่านอำนาจ หรือการจัดตั้งรัฐบาล โดยในคำอธิบายของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สระบุว่า หน้าที่ของเขาคือการเลือกคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลทรัมป์ และตำแหน่งสำคัญในปีกห้องทำงานประธานาธิบดีสหรัฐฯเวสต์วิงของทำเนียบขาว ที่จงรักภัพดีต่อทรัมป์และแนบแน่นกับเอสแทบลิชเมนต์ของพรรครีพับลิกันในแคปปิตอล ฮิล ที่รู้จักในนามสภาคองเกรส จากแต่เดิมที่ได้มอบหมายให้คริส คริสตี (Chris Christie) ผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์เป็นผู้จัดการ แต่ทว่าได้ประกาศในวันศุกร์ (11 พ.ย.) แต่งตั้งให้ว่าที่รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไมค์ เพนซ์ (Mike Pence) ทำหน้าที่แทน ในขณะที่คริสตีได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยของเพนซ์ หรือรองประธานคณะกรรมการบริหารการเปลี่ยนผ่านในการสะสางงานครั้งนี้
โดยในแถลงการณ์ของทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ล่าสุดถูกสื่อสหรัฐฯตั้งฉายาล้อเลี่ยนเนื่องมาจากประเด็นฉาวด้านเพศว่า “ว่าที่ปธน.พุซซีแกรบเบอร์” (Pussy Grabber) ได้กล่าวว่า “ทีมงานที่ปรึกษาที่โดดเด่นที่อยู่ภายใต้การนำของว่าที่รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไมค์ เพนซ์ จะทำให้ภารกิจแรกเริ่มสำเร็จ ภายใต้ความร่วมมือในความเป็นผู้นำของผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์ คริส คริสตี ในการที่จะเตรียมตั้งรัฐบาลสหรัฐฯในช่วงการเปลี่ยนผ่าน”
และในแถลงการณ์ของทรัมป์ยังกล่าวต่อว่า “เป้าหมายของทีมของเรานั้นชัดเจนคือ การนำคนที่มีศักยภาพโดดเด่น และมีความเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จ เพื่อที่จะสามารถทำให้นโยบายเกิดขึ้นได้จริงได้ในวอชิงตัน”
สื่อนิวยอร์กไทม์สรายงานว่า แหล่งข่าววงใน 2 คนที่ใกล้ชิดได้เปิดเผยว่า ลูกเขยของทรัมป์ จาเรด คุชเนอร์ (Jared Kushner) ต้องการให้คริสตีซึ่งได้ออกมาสนับสนุนทรัมป์ตั้งแต่ในรอบไพรมารีโหวตของพรรครีพับลิกันหลังจากการประกาศถอนตัวของเขาในการแข่งขันแล้ว ลดบดบาทของตัวเองลงในทีมการตั้งรัฐบาลสหรัฐฯภายใต้ทรัมป์ ซึ่งสื่อสหรัฐฯ ชี้ว่า ในขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า เป็นการคำนึงถึงความสามารถของคริสตีที่อาจจะเป็นอุปสรรคทำให้เขาไม่ได้รับตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของทรัมป์หรือไม่
นอกจากนี้ในวันศุกร์(11 พ.ย)ทรัมป์ยังประกาศผ่านแถลงการณ์เปิดเผยรายชื่อบุคคลสำคัญใกล้ชิดจากทางธุรกิจและการเมืองให้ร่วมอยู่ในทีมการตั้งรัฐบาลที่มีเพนซ์เป็นหัวหน้าได้แก่ ประธานด้านการเงินของทรัมป์ สตีเวน มูกิน (Steven Mnuchin) มหาเศรษฐีพันล้านธุรกิจไฮเท ปีเตอร์ ธีล (Peter Thiel) ที่ได้เคยประกาศตัวเป็นเกย์กลางที่ประชุมประจำปีพรรครีพับลิกัน RNC ประธานพรรครีพับลิกัน RNC ไรซ์ พรีบัส (Reince Priebus) ซีอีโอทีมหาเสียงทรัมป์ สตีเฟน เค. แบนนอน (Stephen K. Bannon) รวมไปถึงลูกชายและลูกสาวของทรัมป์ เป็นต้นว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ (Donald Trump Jr.) เอริก ทรัมป์ (Eric Trump) และอีวังกา ทรัมป์ (Ivanka Trump) เป็นต้น