เอเจนซีส์ - มหาเศรษฐี โดนัลด์ ทรัมป์ และฮิลลารี คลินตัน ต่างประเดิมเก็บชัยชนะไปครองในมลรัฐแรกๆ เริ่มประกาศผลการนับคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ช่วงเช้าวันนี้ (9 พ.ย.) ตามเวลาในไทย โดยสื่ออเมริกันรายงานว่า ทรัมป์ มีแนวโน้มคว้าชัยได้ตามคาดที่รัฐเคนตักกี อินดีแอนา และเวสต์เวอร์จิเนีย ส่วน คลินตัน กวาดคณะผู้เลือกตั้งรัฐเวอร์มอนต์ไปครอง
อเมริกันชนราว 200 ล้านคนได้เวลาตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์ว่าจะเลือก คลินตัน เป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรก หรือจะมอบอำนาจให้แก่มหาเศรษฐีปากร้ายผู้สั่นสะเทือนการเมืองสหรัฐฯ อย่าง ทรัมป์ เข้ามากุมบังเหียนประเทศ
ชัยชนะของผู้สมัครทั้งสองใน 4 รัฐแรกนี้เป็นที่คาดหมายล่วงหน้าอยู่แล้ว และยังไม่มีนัยสำคัญต่อผลเลือกตั้งระดับประเทศ ขณะที่รัฐสำคัญอย่างเวอร์จิเนีย จอร์เจีย โอไฮโอ และนอร์ทแคโรไลนา เพิ่งจะปิดหีบเลือกตั้ง และกำลังรอผลการนับคะแนน
คณะกรรมการการเลือกตั้งรัฐนอร์ทแคโรไลนามีมติขยายเวลาลงคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งบางแห่งในเทศมณฑลเดอรัม หลังเกิดเหตุขัดข้องทางเทคนิคจนทำให้ผู้ที่มาใช้สิทธิต้องรอคิวยาวเหยียด
ขณะที่มลรัฐต่างๆ จากทั้งหมด 50 รัฐได้ทยอยปิดหีบเลือกตั้งแล้วเกินครึ่ง ล่าสุดผลการนับคะแนนในรัฐที่ฐานเสียงแกว่งไปมาไม่แน่นอน (swing states) อย่างโอไฮโอ ฟลอริดา นอร์ทแคโรไลนา นิวแฮมป์เชียร์ และเวอร์จิเนีย ยังคงยากที่จะคาดเดา ซึ่งรัฐเหล่านี้มักจะเป็นตัวตัดสินชี้ขาดว่าใครจะเป็นผู้ชนะศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ผู้สมัครทั้งสองต่างมุ่งมั่นที่จะคว้าชัยชนะในสมรภูมิสำคัญสิบกว่ามลรัฐ เพื่อรับประกันว่าจะเก็บจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ได้ถึง 270 เสียง และเนื่องจากทั่วสหรัฐฯ มีจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง 538 คนในปีนี้ ดังนั้น ผู้สมัครคนไหนได้ไป 270 เสียงก็จะเป็นผู้ชนะ
โพลหลายสำนักบ่งชี้ตรงกันว่า คลินตัน มีโอกาสและทางเลือกมากกว่าที่จะเก็บจำนวนคณะผู้เลือกตั้งได้ครบ 270 เสียง ในขณะที่ ทรัมป์ จำเป็นจะต้องชนะในรัฐใหญ่ๆ ที่มีคณะผู้เลือกตั้งจำนวนมากอย่างน้อย 6 รัฐ จึงจะมีโอกาสชนะ
ผลสำรวจของของรอยเตอร์/อิปซอส ที่สอบถามความคิดเห็นก่อนเลือกตั้งพบว่า คลินตัน มีคะแนนนำ ทรัมป์ 44% ต่อ 39% ส่วนโพล สเตทส์ ออฟ เดอะ เนชัน ของรอยเตอร์/อิปซอส ระบุว่า เมื่อดูที่สัดส่วนคณะผู้เลือกตั้งแล้ว คลินตันมีโอกาสชนะประมาณ 90% และจะได้กลายเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐฯ
รอยเตอร์/อิปซอสยังได้สำรวจความคิดเห็นชาวอเมริกันราว 10,000 คนที่ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นกลุ่มแรกๆ เมื่อวานนี้ (8 พ.ย.) ซึ่งก็พบว่าส่วนใหญ่ยังเป็นกังวลต่อทิศทางของบ้านเมือง และปรารถนาจะได้ประธานาธิบดีคนใหม่ที่ “เข้มแข็ง และสามารถนำพาประเทศให้หลุดพ้นจากการครอบงำของพวกเศรษฐีและผู้ทรงอิทธิพล”