xs
xsm
sm
md
lg

อเมริกันชนออกใช้สิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดี คลินตันมีโอกาสชนะมากกว่า แต่ก็ได้เปรียบแค่บางเฉียบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

<i>หนูน้อยไมลา กิบสัน วัย 3 ขวบเฝ้ารอขณะที่บิดาของเธอใช้สิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่หน่วยเลือกตั้งในโรงเรียนเจมส์ เมลดอน จอห์นสัน ย่านอีสต์ฮาร์เลม ของแมนฮัตตัน นครนิวยอร์ก ในวันนี้ (8 พ.ย.) หลังจากการรณรงค์หาเสียงอย่างขมขื่นมาเป็นเวลาเกือบ 2 ปี ก็มาถึงวันตัดสินชี้ชะตาว่า ระหว่าง ฮิลลารี คลินตัน ของพรรคเดโมแครต กับ โดนัลด์ ทรัมป์ ของพรรครีพับลิกัน ใครจะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯคนต่อไป </i>
เอเจนซีส์ - อเมริกาเลือกตั้งประธานาธิบดีคนต่อไปของตนในวันอังคาร (8 พ.ย.) ซึ่งเป็นการตัดสินว่า ฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนของพรรคเดโมแครต จะได้เป็นประมุขหญิงคนแรกของสหรัฐฯ หรือ โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครของพรรครีพับลิกัน ซึ่งการรณรงค์หาเสียงแบบประชานิยมที่อึกทึกคึกโครมของเขา พลิกผันกลับหัวกลับหางการเมืองสหรัฐฯ และก็ทำให้ทั่วโลกเกิดความวิตกกังวลใจ ทั้งนี้ผลโพลล่าสุดชี้ว่าคลินตันเป็นฝ่ายมีโอกาสชนะมากกว่า ถึงแม้เป็นความได้เปรียบที่บางเฉียบ

ผู้ชนะที่จะได้ขึ้นบริหารปกครองสหรัฐอเมริกาต่อจาก บารัค โอบามา ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมปีหน้า จะได้รับมอบประเทศชาติซึ่งอยู่ในสภาพกระวนกระวายใจ รู้สึกโกรธเกรี้ยวและไม่เชื่อใจคณะผู้นำในวอชิงตัน ขณะที่ระบบเศรษฐกิจอยู่ในอาการกระเตื้องดีขึ้นทว่ายังคงทอดทิ้งผู้คนจำนวนมากที่ขาดไร้โอกาสเอาไว้เบื้องหลัง ส่วนการทหารก็ขยายตัวแสดงบทบาทในต่างแดนน้อยกว่าเมื่อ 8 ปีก่อน ขณะที่เกิดการก้าวผงาดขึ้นมาท้าทายของจีน โดยที่ภัยคุกคามจากการก่อการร้ายทั่วโลกไม่ได้มีทีท่าลดน้อยลง

ฮิลลารี คลินตัน ซึ่งปัจจุบันอยู่ในวัย 69 ปี ก้าวเข้าสู่วันเลือกตั้งโดยที่มองเห็นเส้นทางไปสู่การคว้าชัยชนะหลายๆ เส้น ขณะที่ทรัมป์วัย 70ปีต้องชนะในมลรัฐต่างๆ ราวสิบกว่ารัฐซึ่งเป็นสมรภูมิสำคัญที่ทั้งสองฝ่ายต่อสู้ช่วงชิงกันอย่างดุเดือด จึงจะรับประกันได้ว่าเขาจะมีจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College vote) ถึง 270 เสียง นอกจากนั้นการเลือกตั้งคราวนี้ ยังมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสภา, สมาชิกวุฒิสภาราว 1 ใน 3, และผู้ว่าการมลรัฐราว 1 ใน 3 โดยเฉพาะวุฒิสภานั้น ถ้าเดโมแครตได้ที่นั่งสุทธิเพิ่มขึ้นมา 4 ที่นั่ง ก็จะกลับกลายเป็นฝ่ายครองเสียงมากข้างแทนรีพับลิกันได้เลย

การเลือกตั้งประธานาธิบดีในสหรัฐฯนั้น ไม่ใช่ตัดสินกันว่าประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงทั่วประเทศ ลงคะแนนให้ผู้สมัครคนไหนมากกว่า แต่ประชาชนออกไปใช้สิทธิเลือกเลือกคณะผู้เลือกตั้ง โดยที่แต่ละรัฐมีสภาพเป็น 1 เขตเลือกตั้ง ซึ่งมีจำนวนคณะผู้เลือกตั้งไม่เท่ากัน เช่น นิวยอร์กมี 55 แต่เวอร์มอนต์มี 3 แทบทุกรัฐใช้วิธีที่ว่าผู้สมัครซึ่งได้คะแนนโหวตจากประชาชนภายในมลรัฐของตนสูงที่สุด จะได้จำนวนคณะผู้เลือกตั้งไปทั้งหมด และเนื่องจากทั่วสหรัฐฯมีจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง 538 คนในปีนี้ ดังนั้น ผู้สมัครคนไหนได้ไป 270 เสียงก็จะเป็นผู้ชนะ

ตั้งแต่ก่อนถึงวันเลือกตั้ง ได้มีชาวอเมริกันราว 40 ล้านคนไปใช้สิทธิแล้วในมลรัฐซึ่งอนุญาตให้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าได้ โดยที่มีทั้งแบบส่งบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์และที่ไปใช้สิทธิด้วยตนเอง ขณะที่ในวันอังคาร (8) ดิกซ์วิลล์ นอตช์ หมู่บ้านเล็กๆ ในมลรัฐนิวแฮมป์เชียร์ เป็นจุดที่มีการเลือกตั้งเร็วกว่าเพื่อน นั่นคือหลังเวลาเที่ยงคืน

สำหรับหน่วยเลือกตั้งอื่นๆ เปิดให้ใช้สิทธิกันในตอนกลางวันตามปกติ แต่เนื่องจากสหรัฐฯมีโซนเวลาที่แตกต่างกัน ดังนั้น หน่วยเลือกตั้งทางแถบอีสต์โคสต์จะเปิดก่อนในเวลา 6.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับ 18.00 น.วันอังคาร เวลาเมืองไทย) ขณะที่แถบเวสต์โคสต์จะปิดหีบลงคะแนนในช่วงเที่ยงคืนตามเวลาท้องถิ่น เวลาในเมืองไทยก็จะอยู่ที่ 12.00 น.วันพุธ (9)

ผลโพลสำนักต่างๆ ในช่วงท้ายก่อนถึงวันที่ 8 พฤศจิกายน ชี้ว่าในระดับทั่วประเทศแล้ว คลินตันนำอยู่เล็กน้อย

ผลสำรวจทั้งของฟ็อกซ์ นิวส์และซีบีเอส นิวส์ที่ออกมาเมื่อวันจันทร์พบว่า คลินตันที่กำลังต่อสู้สุดแรงเพื่อให้ได้เป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของอเมริกา มีคะแนนนำทรัมป์ 4%

เรียลเคลียร์โพลิติกส์ ซึ่งเป็นสำนักที่ใช้วิธีถัวเฉลี่ยผลโพลของเจ้าอื่นๆ ให้คลินตันนำในระดับทั่วประเทศอยู่ 3.3% ทว่าทรัมป์กำลังไล่กระชั้นเข้ามาหรือกระทั่งแซงนำด้วยซ้ำในหลายมลรัฐที่เรียกกันว่า “สวิง สเตท” นั่นคือรัฐที่ไม่ชัดเจนว่าจะเลือกผู้สมัครคนไหน และจึงเป็นสมรภูมิหลักในการต่อสู้ช่วงชิง
<i>ผู้สมัครตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯของพรรคเดโมแครต  วุฒิสมาชิกทิม เคน ไปลงคะแนนตั้งแต่เช้าวันนี้ (8 พ.ย.) ที่หน่วยเลือกตั้งในเมืองริชมอนด์ มลรัฐเวอร์จิเนีย </i>
ทั้งคลินตัน และทรัมป์ ต่างวิ่งรอกหาเสียงในรัฐต่างๆ ที่เป็นสนามเลือกตั้งสำคัญตลอดวันจันทร์ (7) เพื่อโน้มน้าวให้ผู้สนับสนุนออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันรุ่งขึ้น

คลินตันนั้นพยายามระดมเสียงเพิ่มจากคนอเมริกันเชื้อสายละตินและแอฟริกัน รวมถึงหนุ่มสาว ขณะที่ทรัมป์เล็งชิงคะแนนจากผู้สนับสนุนเดโมแครตที่ไม่ภักดีต่อคลินตัน รวมทั้งชนชั้นกลางที่เขาปลุกปั่นว่า ถูกนักการเมืองรุ่นเก่ามองข้าม

ทั้งนี้ ผลสำรวจของสเตทส์ ออฟ เดอะ เนชันของรอยเตอร์/อิปซอสระบุว่า เมื่อดูจากจำนวนเสียงโหวตของประชาชนทั่วประเทศ คลินตันกำลังนำทรัมป์อยู่ราว 45% ต่อ 42% และเมื่อดูที่คะแนนคณะผู้เลือกตั้งแล้ว คลินตันมีโอกาสชนะ 90% และน่าจะกวาดคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง ได้ 303 เสียง จากที่ต้องการ 270 เสียง ส่วนทรัมป์น่าจะได้เพียง 235 เสียง

อย่างไรก็ดี ทรัมป์ยังมีโอกาสลุ้น โดยที่จะต้องชนะให้ได้ในมลรัฐเหล่านี้คือ ฟลอริดา มิชิแกน นอร์ทแคโรโลนา และโอไฮโอ ที่โพลเมื่อวันอาทิตย์ชี้ว่าคู่คี่มาก รวมทั้งที่เพนซิลเวเนียด้วย ซึ่งโพลบอกว่าคลินตันนำ 3% ขณะเดียวกัน ทรัมป์ยังต้องรักษาแอริโซนา รัฐซึ่งแต่ไหนแต่ไรมาเคยเป็นของรีพับลิกัน ทว่าปีนี้คะแนนยังสูสี รวมทั้งต้องคาดหวังว่า ผู้สมัครอิสระอย่าง อีแวน แมคมุลลิน จะไม่ชนะในยูทาห์ อีกมลรัฐหนึ่งซึ่งเคยเป็นฐานของรีพับลิกันมายาวนาน

การที่ทรัมป์จะมีชัยได้ในสนามเหล่านี้ พูดโดยรวมแล้ว จำเป็นที่ชาวผิวขาวที่สนับสนุนรีพับลิกัน ต้องออกไปใช้สิทธิ์มากกว่าเมื่อปี 2012 ขณะที่คนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันก็ต้องออกไปใช้สิทธิ์น้อยลง และผู้มีสิทธิ์ออกเสียงที่พูดภาษาสเปน (ฮิสปานิก) เข้าคูหาน้อยกว่าที่คาดหมายกันไว้

นอร์ทแคโรไลนา หนึ่งในมลรัฐที่สามารถรายงานผลเลือกตั้งได้อย่างรวดเร็วในคืนวันอังคาร (ตรงกับช่วงเช้าวันพุธที่ 9 ตามเวลาเมืองไทย) อาจเป็นตัวบ่งชี้ผลการแข่งขัน เนื่องจากหากคลินตันชนะในรัฐนี้อาจหมายความว่า คนแอฟริกัน-อเมริกันออกไปใช้สิทธิ์เนืองแน่นพอๆ กับปี 2012 โดยที่ในปีนั้น โอบามาแพ้ มิตต์ รอมนีย์ ตัวแทนจากรีพับลิกันในนอร์ทแคโรไลนา อยู่ 2% ด้วยซ้ำ แต่ในระดับทั่วประเทศแล้ว เขาชนะ 4%

ในวันจันทร์ แคนดิเดตทั้งคู่ลุยหาเสียงเต็มที่ในรัฐสมรภูมิสำคัญ โดยคลินตันปราศรัยครั้งใหญ่ที่สุดตลอดการหาเสียงที่ผ่านมาที่ฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย โดยแผนกดับเพลิงของเมืองระบุว่า มีผู้เข้าฟังการปราศรัยถึง 33,000 คน นอกจากคลินตันแล้ว ยังมีประธานาธิบดี บารัค โอบามา และภรรยาตลอดจนถึงร็อกสตาร์รุ่นใหญ่อย่าง บรูซ สปริงทีน และจอน บอง โจวี ขึ้นเวทีด้วย

คลินตันเรียกร้องให้ผู้สนับสนุนออกไปใช้สิทธิ์และเชื่อมั่นในอเมริกาที่โอบอ้อมอารีและเป็นของทุกคน

ส่วนโอบามาที่ก่อนหน้านั้นร่วมหาเสียงกับคลินตันที่เมืองแอนน์ อาร์เบอร์ รัฐมิชิแกน ย้ำจุดอ่อนของทรัมป์ว่า ขาดวุฒิภาวะในการเป็นผู้นำประเทศ และกระตุ้นให้ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกคลินตันโดยรับประกันว่า เธอจะตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ไม่ใช่ดีแต่ทวิต
<i>ชายผู้หนึ่งไปใช้สิทธิลงคะแนนในหน่วยเลือกตั้งที่หมู่บ้านดิกซ์วิลล์ นอตช์ รัฐนิวแฮมป์เชียร์ เมื่อเวลาเลยเที่ยงคืนย่างเข้าวันที่ 8 พ.ย. หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้รักษาเกียรติประวัติในการเป็นหน่วยเลือกตั้งที่เปิดให้ใช้สิทธิแห่งแรกในสหรัฐฯมาตั้งแต่ปี 1960 สำหรับปีนี้ที่หน่วยนี้มีผู้มาใช้สิทธิ 7 คน ขณะที่คนที่ 8 ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า </i>
ก่อนหน้านี้ ทีมหาเสียงของคลินตันได้กำลังใจสำคัญขณะที่เหลืออีกเพียงไม่กี่สิบชั่วโมงจะถึงวันเลือกตั้ง เมื่อเจมส์ โคมีย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) ประกาศชนิดเกินความคาดหมายเมื่อวันอาทิตย์ (6) ว่า เอฟบีไอยืนตามการตัดสินใจในเดือนกรกฎาคมไม่สั่งฟ้องคดีอาญาเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้เซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวของคลินตันขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ

ตลาดหุ้นทั่วโลก รวมทั้งค่าเงินดอลลาร์ มีแนวโน้มทำสถิติสูงสุดในรอบหลายสัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนมองว่า การประกาศของโคมีย์เมื่อวันอาทิตย์ช่วยเพิ่มโอกาสที่คลินตันจะได้ชัยชนะ

ทางด้านทรัมป์ เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ที่ไม่เคยมีตำแหน่งทางการเมืองมาก่อน เริ่มหาเสียงในวันสุดท้ายที่เมืองซาราโซตา รัฐฟลอริดา ที่มีชาวอเมริกันที่พูดภาษาสเปนอยู่จำนวนมาก

แคนดิเดตจากรีพับลิกันไม่สนใจโพลสำนักต่างๆ ที่บ่งชี้ว่า คลินตันนำอยู่บางเฉียบ แต่ประกาศว่า ตัวเองจะเป็นผู้ชนะ ซ้ำเรียกคู่แข่งจากเดโมแครตว่า “จอมตลบตะแลง” และว่า คนอเมริกันเบื่อเต็มทนที่ถูกปกครองโดยกลุ่มคนเง่าเขลา

ทรัมป์ยังเรียกร้องให้ชนชั้นแรงงานในเมืองแมนเชสเตอร์ รัฐนิวแฮมป์เชียร์ ออกไปกาบัตรเพื่อสั่งสอนนักการเมืองทุจริต

ตัวแทนจากรีพับลิกันผู้นี้ยังเดินทางไปยังนอร์ทแคโรไลนาและเพนซิลเวเนีย ก่อนปิดการหาเสียงในเมืองแกรนด์ ราปิดส์ รัฐมิชิแกน

ส่วนคลินตันนั้น นอกจากฟิลาเดลเฟียและเพนซิลเวเนียแล้ว ยังแวะมิชิแกน ก่อนปิดแคมเปญที่เมืองลารีห์ รัฐนอร์ทแคโรไลนา

กำลังโหลดความคิดเห็น