xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

จุดพลุขึ้นเงินเดือนนักการเมือง ปฏิรูปหรือหาช่องให้โกงกิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ไม่รู้ดูทิศทางลม หรือไตร่ตรองไม่ดี หรือไปรับงานใครมาหรือเปล่า สำหรับข้อเสนอของประธานคณะอนุกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่มี “สมพงษ์ สระกวี”เป็นประธาน ที่โพล่งออกมาเสนอให้พิจารณาเพิ่มค่าตอบแทนแก่ นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ส.ส. และส.ว. โดยเทียบเคียงกับโครงสร้างเงินเดือนของผู้บริหารองค์การมหาชน ที่ได้รับเงินเดือน 2-3 แสนบาท

โดยอ้างว่าจะช่วยลดปัญหาการทุจริตลงได้ พร้อมชักแม่น้ำทั้งห้าว่า ตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่จะมีผลบังคับใช้หลังจากนี้ จะมีการตรวจสอบควบคุมนักการเมืองอย่างเข้มข้น ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวด ทั้งจากมาตรฐานทางจริยธรรมของนักการเมือง กฎหมาย 3 ชั่วโคตร การตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ไม่สามารถประกอบอาชีพอื่นใดได้ มีรายได้มาจากการเป็นนักการเมืองอย่างเดียว

แปลไทยเป็นไทยคือ สมพงษ์ กำลังจะบอกว่า ที่ผ่านมาสาเหตุที่นักการเมืองโกงกินเพราะมีเงินเดือนน้อย แล้วพอเงินเดือนน้อยไม่พอ ต้องมาเจอกฎเหล็กสารพัดที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เขียนสกัดเอาไว้ ทีนี้เป็นนักการเมืองเหมือนกับเข้าเนื้ออย่างเดียว ไม่ได้อะไรสักอย่าง

แต่ก็น่าสนใจเหมือนกันว่า ที่สมพงษ์ ดันเอานักการเมืองไปเทียงเคียบกับผู้บริหารองค์การมหาชน โดยหยิบสิ่งที่เหมือนเพียงอย่างเดียวคือ วาระการดำรงตำแหน่ง แต่กลับไม่พูดถึงลักษณะเนื้องานของสองอาชีพที่แตกต่างกันมาฟื้นฝอยหาตะเข็บแม้สักนิด

แต่ก็คงไม่ผิด เพราะจะพูดไปการเลือกเทียบเคียงกับผู้บริหารองค์การมหาชนเพราะปัจจุบันองค์การมหาชนมีค่าตอบแทนที่สูงลิ่ว ถ้าไปหยิบอาชีพอื่นมาเงินเดือนของนักการเมืองก็คงไม่ได้เพิ่มจากเดิมสักเท่าไหร่ แต่ถ้าหยิบองค์การมหาชนมา ถ้าเกิดฟลุ๊กได้ ในอนาคตจะอิ่มหนำสำราญกันถ้วนหน้า เพราะมาประชุมบ้างไม่ประชุมบ้าง อย่างน้อยๆ ก็มีเงินเดือนมหาศาลรองรับ

ทว่าข้อเสนอของอนุกมธ.ชุดนี้ มันมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย นอกจากการเอาเงินไปบำเรอนักการเมืองอย่างเดียว ส่วนประโยชน์อย่างอื่นในทางปฏิบัติแทบไม่อาจบังเกิดได้ โดยเฉพาะข้ออ้างที่ระบุว่า จะทำให้การทุจริตลดลง ที่เอาเข้าจริงยิ่งตรงกันข้าม เผลอๆ จะทำให้นักการเมืองยิ่งโกงเข้าไปใหญ่ ขึ้นชื่อว่า นักการเมืองไทย ต่อให้เงินเดือนหลายแสนก็ไม่สามารถล้างนิสัยได้
 
เงินแสนสำหรับนักการเมืองนั้นจะว่าไปขี้ปะติ๋วด้วยซ้ำ หลักฐานก็เห็นอยู่ทนโท่หลายคดีหลายกรณีเวลาทุจริตคอร์รัปชันฟาดกันเป็นสิบล้านร้อยล้าน เงินแสนมันไม่คุ้มที่จะเสี่ยงโกงหรอก ดังนั้น จะมาบอกว่าเงินเดือนเยอะแล้วจะอยู่นิ่งๆ ไม่สูบไม่ดูดงบหลวง คนที่คิดแบบนั้นไปสะกิดให้ตื่นทีเถอะ

ไปเล่าให้ชาวบ้านชาวช่องเขาฟัง เขายังขากถุยกลับมาเลย เชื่อขนมกินได้ว่า พอนักการเมืองมีเงินเดือนหลักแสนแล้วจะเปลี่ยนนิสัยทันทีหรือไม่ ข้อหนึ่งที่ลืมกันเสียมิไม่ได้เลยคือ ในสนามเลือกตั้งนักการเมืองเหล่านี้ลงทุนลงแรงกันหลายล้านบาท เพื่อให้ตัวเองเป็นส.ส. นี่ยังไม่นับรวมค่าเบิกทางในการลงสมัครแต่ละพื้นที่ต่างๆ ให้กับนายทุนของแต่ละพรรคด้วย

ถามว่านักการเมืองลงทุนขนาดนั้น เพื่อจะมารับเงินแสนอย่างนั้นหรือ มันย้อนแย้งสิ้นดี เพราะถ้าอย่างนั้นสู้ไปประกอบอาชีพที่ตัวเองทำอยู่ ไม่ว่าจะใต้ดินบนดิน สิ่งที่ได้มหาศาลกว่าเยอะ จะมายืนตรงนี้ให้เหนื่อยฟรีทำไม เงินเดือนเท่านี้ใช้ไม่กี่วันก็หมด แต่การเข้ามาก็เพื่อต้องการถอนทุนคืน จากนั้นก็แสวงหากำไรให้สาสม อย่าคิดว่าเป็นส.ส.แล้วจนพอเงินเดือนน้อย เพราะช่องทางในการเสาะแสวงหากำไรมันเยอะ 

ยิ่งเป็นรัฐมนตรียิ่งไม่ต้องพูดถึง วิ่งเต้นกันมาเพื่อเงินเดือนหลักแสนอย่างนั้นหรือ บางคนควักกระเป๋าเพื่อให้ได้เป็นเสนาบดีหมดเป็นสิบๆ ล้าน เพื่อมาลำบากคงไม่ใช่ แต่เพราะการเข้ามาอยู่ตรงนี้แล้ว มันทำให้มีทั้งอำนาจและช่องทางในการต่อยอดทรัพย์สินของตัวเอง โครงการหนึ่งฟาดเรียบกันเป็นหลักสิบล้านร้อยล้าน เป็นไม่กี่เดือน ถ้าโกยเก่งก็คุ้มแล้ว

ดังนั้น เรื่องใช้เงินเดือนหลักแสนมาล่อ พับใส่ลิ้นชักเก็บไปเลย ส่วนที่อ้างว่ากฎเหล็กเยอะเหลือเกิน จนขยับไม่ได้ ตรงนี้ยิ่งส่อเจตนาไม่ดี เพราะเหมือนกับว่าพอโกงไม่ได้ ก็เลยต้องการเงินเดือนเยอะๆ มาทดแทน ถามว่าทำไมเราต้องไปง้อด้วย ในเมื่อผู้ที่จะมาทำหน้าที่ตรงนี้ตามสเปกก็บอกอยู่แล้วว่า ต้องเป็นคนที่เสียสละ ซื่อสัตย์ สุจริต คนอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในข่ายนี้ เขาก็ไม่ได้มีการบังคับขู่เข็ญสักหน่อยว่าจะต้องมา

ต้องบอกว่า แนวคิดนี้โดนคนนินทาหมาดูถูกไม่น้อย เพราะนี่คือตรรกะของคนที่มีหน้าที่ทำเรื่องปฏิรูปประเทศ เปลี่ยนแปลงอะไรให้ดีขึ้น ต้องหาทางขจัดการทุจริต สกรีนนักการเมืองน้ำใส แต่นี่ไปๆ มาๆ ไม่ต่างกับมีหน้าที่ในการหาช่องให้นักการเมืองโกงกินเสียอย่างงั้น ไม่รู้ว่าจะมาปฏิรูปหรือปฏิลวงกันแน่

ถ้ารัฐบาล คสช. บ้าจี้เอาข้อเสนอนี้ไปสานต่อ ต้องบอกว่าอาการหนักกว่า หรือถ้าทำจริงๆ งานนี้คงมีใบสั่งมาจากผู้มากบารมีอีกแล้ว เพราะถ้าย้อนสำรวจดูอนุกมธ.ชุดนี้ ก็กำเนิดมาจากกมธ.ปฏิรูปการเมืองที่มีเสรี สุวรรณภานนท์ เป็นประธานกมธ. ก็อย่างที่รู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองว่า เสรีเป็นหนึ่งใน 2 กุมารแห่งบ้านป่ารอยต่อ คู่กับวันชัย สอนศิริ กมธ.ปฏิรูปการเมือง ที่ถูกขนานนามว่า เป็นไอ้ห้อยไอ้โหนของสภา

นี่ยังดีกว่าไหวตัวทัน เสรีรีบออกมาตัดบทว่า ยังไม่ได้พิจารณา และถ้าเสนอมาก็ควรให้ข้อเสนอเรื่องการขึ้นเงินเดือนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตกไป เพราะไม่เป็นที่ตอบรับของสังคม สวนกระแสกับความรู้สึกของประชาชน ตรงนี้ช่วยเซฟไปได้เยอะ ทำให้เสียแค่คนเดียวคือ สมพงษ์ ที่มีภาพลักษณ์ติดอยู่ว่า เป็นเสื้อแดงโดยสัญชาตญาณ

คนก็เลยแห่ไปด่าสมพงษ์ หาว่าจะช่วยเหลือเพื่อนๆ ในพรรคเพื่อไทย และกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นความคิดฟุ้งๆ ธรรมดา ไม่เป็นกระแสอะไรมาก เดี๋ยวก็หายไป
              
  ไม่รู้คิดอย่างได้อย่างไรมาเสนอแบบนี้ และมาเสนอช่วงนี้ ปัดโธ่! หรือเป็นเพราะกำลังจะหมดสภาพสมาชิกสปท.ในไม่กี่วัน ก็เลยขอทิ้งบอมบ์สักลูกใส่


กำลังโหลดความคิดเห็น