เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (9พ.ย.) ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนบรรยายสรุป เกี่ยวกับแนวทางดำเนินงาน หลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่ และแนวทางการปฏิรูประบบราชการ และการบริหารราชการแผ่นดิน ให้สอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แก่เอกอัครราชทูต และกงสุลใหญ่ประเทศต่างๆ ที่ประจำการในประเทศไทย ว่า เป็นการอธิบาย และให้เกร็ดความรู้แก่เอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ ที่จะต้องไปตอบ และไปชี้แจงยังต่างประเทศ เรื่องการใช้รัฐธรรมนูญ การเลือกตั้ง โรดแมป และการปฏิรูปยุทธศาสตร์ 20 ปีของไทย ซึ่งคงอธิบายคร่าวๆ
นอกจากนี้ จะพูดคุยถึงการปฏิรูปกระทรวงการต่างประเทศ และงานราชการต่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องภายในไม่ต้องไปชี้แจงยังต่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลจะมีคำถามถึงกระทรวงการต่างประเทศ แต่จะเอาด้วยหรือไม่ ขึ้นกับกระทรวงการต่างประเทศจะพิจารณา
ทั้งนี้ ในการประชุมคงไม่ต้องย้ำเรื่องโรดแมปต่อเอกอัครราชทูต เพราะต่างประเทศคงรู้อะไรมากกว่าเรา เพราะไทยฟังมาหลายกระแส แต่ต่างประเทศรับข่าวที่มาจากทางราชการ และคงจะอธิบายให้ทูตประเทศต่างๆได้รับทราบคร่าวๆ ถึงขั้นตอนหลังนำร่างรธน. ทูลเกล้าฯ แล้ว รวมถึงการเลือกตั้ง แต่คงไม่ละเอียดมากนัก อธิบายเพียงให้เอกอัครราชทูตในฐานะข้าราชการกระทรวงต่างประเทศ นำไปชี้แจงยังต่างประเทศได้ และหากถามคำถามเพิ่มเติม ก็จะชี้แจงให้ฟัง
นายวิษณุ ยังกล่าวถึงการทูลเกล้าฯ ร่างรธน.ว่าได้นำขึ้นทูลเกล้าฯแล้ว โดยส่งไปยังสำนักราชเลขาธิการ ภายในกรอบเวลา 30 วัน ตามที่รธน.ชั่วคราว พ.ศ. 2557 ระบุไว้ จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการที่อยู่ในพระราชอำนาจ 90 วัน สิ้นสุดต้นเดือนก.พ. ส่วนจะโปรดเกล้าฯ เมื่อใดนั้น แล้วแต่พระราชวินิจฉัย
ส่วนเรื่องคำปรารภ ก็ไม่ได้กังวลอะไร เพราะได้ส่งให้ศาลรธน. ตีความแล้ว แต่ส่วนที่ต้องเว้นไว้เติมนั้นมี 2 เรื่อง คือ 1. เรื่องศุภมัสดุ หรือคำเริ่มต้นของเวลา โดยเรื่องนี้เว้นไว้ 2 บรรทัด 2. การเว้นสำหรับพระปรมาภิไธย หรือพระนาม ประมาณ 1 บรรทัด จะโปรดให้ใช้อย่างไร ซึ่ง 2 เรื่องที่เว้นเอาไว้ เพราะต้องรอพระราชวินิจฉัย ซึ่งเป็นเรื่องของแบบรธน.ทุกฉบับ รวมถึงพระราชบัญญัติหลังผ่านสภาฯ ซึ่งไม่ได้เป็นปัญหา และศาลรธน.วินิจฉัยแล้ว ว่าทำได้ โดยให้กรรมการร่างรัฐ ธรรมนูญ (กรธ.) นำส่วนที่เหลือไปเติมทีหลัง
**"มีชัย"เชียร์ขึ้นเงินเดือนขรก.-นักการเมือง
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึง กรณีคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ เตรียมเสนอเพิ่มเงินเดือนให้กับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่า กรธ.ไม่ได้เป็นผู้พิจารณาเรื่องนี้ แต่ยอมรับว่า เงินเดือนของผู้บริหารประเทศไทยถ้าเทียบกับต่างประเทศ ต้องถือว่าของไทยอยู่ในระดับที่ต่ำ ทำให้ข้าราชการประจำ หรือข้าราชการตุลาการไม่สามารถขึ้นเงินเดือนได้
"ผมคิดว่า จริงอยู่ว่าเราไม่ได้ร่ำรวย แต่เศรษฐกิจก็ดีขึ้นพอที่จะจ่ายเงินให้สมน้ำสมเนื้อ และจะลงโทษคนขี้โกงรุนแรงอย่างไรก็ว่าไป อย่างน้อยคนที่ตั้งใจทำงาน และไม่คิดคดโกงเขาจะได้อยู่ได้ และเป็นการรักษาคนดีเอาไว้ ถ้าจะขึ้น ก็อย่าขึ้นให้กับตัวเอง แต่ขึ้นไว้สำหรับรัฐบาลต่อไป" นายมีชัย กล่าว
เมื่อถามว่า การขึ้นเงินเดือนจะช่วยให้การทุจริตลดลงหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า คิดว่าอย่างน้อยคนที่สุจริต จะได้อยู่ได้อย่างสมฐานะ และไม่ลำบาก ส่วนคนที่ทุจริตอยู่แล้ว ต่อให้ขึ้นเงินเดือนอย่างไร ก็คงไม่พอ
"เวลาคนโกงไม่ได้โกงตามอัตราส่วนของเงินเดือน แต่คำนวณตามความอยาก" นายมีชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าข้าราชการเงินเดือนน้อย และขยับขึ้นลำบาก ที่สำคัญข้าราชการจำนวนมากเป็นคนดี แต่ถ้าเขาไม่พอใช้ ก็อาจถูกชักจูงไปได้ง่ายๆ ดังนั้น การทำให้เขาสามารถอยู่ได้ จะทำให้เขาสามารถรักษาความสุจริต และรักษาคนดีไว้ได้
นอกจากนี้ จะพูดคุยถึงการปฏิรูปกระทรวงการต่างประเทศ และงานราชการต่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องภายในไม่ต้องไปชี้แจงยังต่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลจะมีคำถามถึงกระทรวงการต่างประเทศ แต่จะเอาด้วยหรือไม่ ขึ้นกับกระทรวงการต่างประเทศจะพิจารณา
ทั้งนี้ ในการประชุมคงไม่ต้องย้ำเรื่องโรดแมปต่อเอกอัครราชทูต เพราะต่างประเทศคงรู้อะไรมากกว่าเรา เพราะไทยฟังมาหลายกระแส แต่ต่างประเทศรับข่าวที่มาจากทางราชการ และคงจะอธิบายให้ทูตประเทศต่างๆได้รับทราบคร่าวๆ ถึงขั้นตอนหลังนำร่างรธน. ทูลเกล้าฯ แล้ว รวมถึงการเลือกตั้ง แต่คงไม่ละเอียดมากนัก อธิบายเพียงให้เอกอัครราชทูตในฐานะข้าราชการกระทรวงต่างประเทศ นำไปชี้แจงยังต่างประเทศได้ และหากถามคำถามเพิ่มเติม ก็จะชี้แจงให้ฟัง
นายวิษณุ ยังกล่าวถึงการทูลเกล้าฯ ร่างรธน.ว่าได้นำขึ้นทูลเกล้าฯแล้ว โดยส่งไปยังสำนักราชเลขาธิการ ภายในกรอบเวลา 30 วัน ตามที่รธน.ชั่วคราว พ.ศ. 2557 ระบุไว้ จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการที่อยู่ในพระราชอำนาจ 90 วัน สิ้นสุดต้นเดือนก.พ. ส่วนจะโปรดเกล้าฯ เมื่อใดนั้น แล้วแต่พระราชวินิจฉัย
ส่วนเรื่องคำปรารภ ก็ไม่ได้กังวลอะไร เพราะได้ส่งให้ศาลรธน. ตีความแล้ว แต่ส่วนที่ต้องเว้นไว้เติมนั้นมี 2 เรื่อง คือ 1. เรื่องศุภมัสดุ หรือคำเริ่มต้นของเวลา โดยเรื่องนี้เว้นไว้ 2 บรรทัด 2. การเว้นสำหรับพระปรมาภิไธย หรือพระนาม ประมาณ 1 บรรทัด จะโปรดให้ใช้อย่างไร ซึ่ง 2 เรื่องที่เว้นเอาไว้ เพราะต้องรอพระราชวินิจฉัย ซึ่งเป็นเรื่องของแบบรธน.ทุกฉบับ รวมถึงพระราชบัญญัติหลังผ่านสภาฯ ซึ่งไม่ได้เป็นปัญหา และศาลรธน.วินิจฉัยแล้ว ว่าทำได้ โดยให้กรรมการร่างรัฐ ธรรมนูญ (กรธ.) นำส่วนที่เหลือไปเติมทีหลัง
**"มีชัย"เชียร์ขึ้นเงินเดือนขรก.-นักการเมือง
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึง กรณีคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ เตรียมเสนอเพิ่มเงินเดือนให้กับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่า กรธ.ไม่ได้เป็นผู้พิจารณาเรื่องนี้ แต่ยอมรับว่า เงินเดือนของผู้บริหารประเทศไทยถ้าเทียบกับต่างประเทศ ต้องถือว่าของไทยอยู่ในระดับที่ต่ำ ทำให้ข้าราชการประจำ หรือข้าราชการตุลาการไม่สามารถขึ้นเงินเดือนได้
"ผมคิดว่า จริงอยู่ว่าเราไม่ได้ร่ำรวย แต่เศรษฐกิจก็ดีขึ้นพอที่จะจ่ายเงินให้สมน้ำสมเนื้อ และจะลงโทษคนขี้โกงรุนแรงอย่างไรก็ว่าไป อย่างน้อยคนที่ตั้งใจทำงาน และไม่คิดคดโกงเขาจะได้อยู่ได้ และเป็นการรักษาคนดีเอาไว้ ถ้าจะขึ้น ก็อย่าขึ้นให้กับตัวเอง แต่ขึ้นไว้สำหรับรัฐบาลต่อไป" นายมีชัย กล่าว
เมื่อถามว่า การขึ้นเงินเดือนจะช่วยให้การทุจริตลดลงหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า คิดว่าอย่างน้อยคนที่สุจริต จะได้อยู่ได้อย่างสมฐานะ และไม่ลำบาก ส่วนคนที่ทุจริตอยู่แล้ว ต่อให้ขึ้นเงินเดือนอย่างไร ก็คงไม่พอ
"เวลาคนโกงไม่ได้โกงตามอัตราส่วนของเงินเดือน แต่คำนวณตามความอยาก" นายมีชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าข้าราชการเงินเดือนน้อย และขยับขึ้นลำบาก ที่สำคัญข้าราชการจำนวนมากเป็นคนดี แต่ถ้าเขาไม่พอใช้ ก็อาจถูกชักจูงไปได้ง่ายๆ ดังนั้น การทำให้เขาสามารถอยู่ได้ จะทำให้เขาสามารถรักษาความสุจริต และรักษาคนดีไว้ได้
