xs
xsm
sm
md
lg

รับเงินต่างด้าวเจอยุบพรรค ซื้อขายตำแหน่งคุกตลอดชีวิต-ประหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (2พ.ย.) นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เปิดเผยว่า กรธ.ได้รับหนังสือเกี่ยวกับการแก้คำปรารภในร่างรธน.จากรัฐบาลแล้ว และได้ส่งกลับไปแล้ว ในช่วงเช้าที่ผ่านมา และทางรัฐบาลก็ต้องให้เจ้าที่กองอารักษ์ไปดำเนินการแก้ไข จากนั้นรัฐบาลก็จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ภายในกำหนดเวลา คือวันที่ 9 พ.ย.นี้ และคงไม่มีปัญหา ในส่วนที่แก้ไขกลับไปมี 2 จุด คือ 1. พระปรมาภิไธยกับ 2. ลำดับพระญาติที่เกี่ยวข้อง กับรัชกาลที่ 7
ส่วนเรื่องการแก้ไขร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ได้พิจารณาไปถึงเรื่องการยุบพรรค มี 2-3 ประเด็น อาทิ 1 . ใครกระทำการที่เป็นปฏิปักษ์ กับการปกครองใช้อำนาจโดยไปล้มล้างการปกครอง 2. รับเงินจากต่างด้าว 3. การไปรับเงินจากคนที่สนับสนุนให้มีการล้มล้างการปกครอง และ 4.ไปรับเงินมา เพื่อเอาตำแหน่งมาแจก โทษจะถึงขั้นยุบพรรคหรือไม่ ก็ต้องไปดูว่าพรรครับเงินมาหรือไม่
ในเรื่องจะพิจารณายุบพรรคหรือไม่ ก็ต้องไปที่ศาลรธน. เพราะ รธน.กำหนดไว้ และกรธ.กำลังคิดว่า ในรธน. ถ้าใครไปพบว่า พรรคการเมืองกระทำการแบบนั้น ก็ต้องไปร้องต่ออัยการสูงสุด เพื่อให้อัยการสูงสุดฟ้อง ที่ผ่านมาพบว่าอัยการสูงสุดไม่ฟ้อง หรือฟ้องล่าช้า คราวนี้ก็ได้เขียนว่า อัยการสูงสุดต้องฟ้องภายใน 30 วัน ถ้าไม่ฟ้องภายในเวลา แต่ต้องผ่านขั้นตอน 30 วัน ไม่ควรฟ้อง เจ้าตัวก็สามารถไปฟ้องเองได้เลย แต่เรื่องใหม่เกี่ยวกับการยุบพรรค ไม่ใช่เป็นเรื่องของประชาชนทั่วไปแล้ว แต่เป็นเรื่องของกกต. ที่จะพิจารณาเบื้องต้นว่า เขากระทำการเช่นนั้นหรือไม่ และกำลังคิดว่าหากเป็นเช่นนั้น กกต. สามารถฟ้องต่อศาลรธน.ได้เลย โดยไม่ต้องไปอัยการสูงสุด เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหา และ กกต.จะฟ้องนั้นไม่มีการกำหนดเวลา ทั้งหมดอยู่ที่ดุลพินิจกกต. การกำหนดเวลาอาจจะเป็นปัญหาได้ และหากพรรคการเมืองจะโต้แย้งก็ไปที่ศาลรธน.
เมื่อถามว่า การยุบพรรคจะมีผลไปถึงกรรมการบริหารพรรค ที่จะต้องถูกตัดสิทธิไปด้วยหรือไม่ ประธาน กรธ. กล่าวว่า เราไม่ได้กล่าวถึง ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนทำ คนนั้นอาจจะโดน แต่คงไม่โดนทั้งพรรค เพราะพรรคเป็นนิติบุคคล คนทำถือเป็นความผิดรายบุคคล
ส่วนเรื่องโทษการซื้อขายตำแหน่ง ที่กล่าวไปก่อนหน้าว่ามีโทษถึงขั้นประหารชีวิตนั้น นายมีชัย กล่าวว่า ที่กรธ.วางไว้คือ จะมีโทษเหมือนการทุจริต ที่มีโทษถึงประหารชีวิต และเรากำลังคิดว่า จะมีโทษที่เบากว่า อาทิ จำคุกตลอดชีวิต หรือไม่ ซึ่งไม่ใช่การประหารชีวิตทางการเมือง เพราะเป็นคดีอาญา
เมื่อถามว่า หากพรรคการเมืองแย้งมาว่า โทษที่กำหนดมานั้น แรงเกินไป ทางกรธ.ได้เตรียมโทษที่เบากว่าไว้บ้างหรือไม่ นายมีชัย กล่าว่า ขึ้นอยู่กับเหตุผล และการกระทำความผิด ที่กำหนดโทษประหารชีวิตก็มี อาทิ การล้มล้างการปกครอง การเอาตำแหน่งระดับสูงไปซื้อขาย ซึ่งเป็นการทำลายทุกองคาพยพ แต่ทั้งหมด ยังไม่ใช่ข้อสรุป หากคิดว่าแรงไป ก็อาจมีการปรับได้ ในเรื่องตำแหน่งถือว่าทุกตำแหน่งไม่เกี่ยวว่าจะเป็นตำแหน่งระดับต่ำ หรือสูง และรวมทุกตำแหน่ง ทั้งข้าราชการประจำและการเมือง และส่วนหนึ่งที่จะไปเขียนไว้ในกฎหมาย ป.ป.ช. เพื่อขจัดการซื้อขายตำแหน่ง เพราะการซื้อขายตำแหน่ง เป็นตัวทำลายทุกเรื่อง ทุกระบบ กระบวนการ ทุกอย่างจะเสียหมด ยิ่งกว่าเป็นโรคระบาด และคนที่จะถูกลงโทษเช่นนั้น ต้องผ่านการพิจารณาของศาล ที่ต้องผ่านการต่อสู้ และศาลตัดสินว่าผิดจริง ที่ประเทศจีนนั้นแค่การทุจริตธรรมดา ก็ประหารแล้ว ที่ผ่านมาก็มีความเห็นว่า ให้ลงโทษความผิดทางทุจริตให้แรง ซึ่งผู้ที่มีส่วนสำคัญในการตัดสินส่งฟ้องเรื่องนี้ นอกเหนือจาก กกต.แล้ว กรธ. ก็กำลังจะหารือว่า จะให้ ป.ป.ช. เข้ามามีส่วนร่วมด้วย ซึ่งผู้พบเห็นความผิด ก็สามารถเอาเรื่องไปฟ้องต่อกกต.ได้ด้วย
เรื่องความผิดตามโทษของการซื้อขายตำแหน่งนั้น จะไม่มีเรื่องโทษตามตำแหน่งในการซื้อขาย เพราะการซื้อขายตำแหน่ง เป็นความผิด ในเรื่องการเรียกเงินจากผู้ที่อยู่ตำแหน่งล่างๆ ตรงนี้ถือว่ามีความผิดมาก เพราะเป็นการสอนให้ผู้เข้ามาดำรงตำแหน่งในระดับล่าง ทำการซื้อขายตำแหน่ง
นายมีชัย กล่าวต่อว่า ความผิดเรื่องการซื้อขายตำแหน่งในพรรคนั้น เป็นคนละเรื่องกับการบริจาคทุนให้พรรคการเมือง เพราะการบริจาคทุนนั้น พรรคการเมืองก็จดไว้ ว่ารับบริจาคมาเท่าไร ใช้ไปในแต่ละปีเท่าไร ในเรื่องการรับเงินบริจาค จะกำหนดให้มีการลงบัญชี และเผยแพร่ให้ประชาชนทราบ โดยใช้ระบบลงอิ นเตอร์เน็ต เพื่อประชาชนสามารถตรวจสอบได้ ว่าใครบริจาคให้พรรคเท่าไร ใช้เงินในบัญชีไปเท่าไร เปิดเผยให้หมด ส่วนประเด็นองค์กรนิติบุคคล สามารถบริจาคได้ต่ำสุดสูงสุดเท่าไร ก็อยู่ระหว่างการหารือว่า ควรเป็นเท่าไร และการบริจาคเงินแล้วนำไปเพื่อหักภาษีเป็นค่าลดหย่อน จะมีการจำกัดว่าจำนวนเวลานี้อยู่ระหว่างหารือ
เมื่อถามถึงกรณีความผิดยุบพรรค จากฐานความผิดรับเงินจากต่างด้าว นายมีชัย กล่าวว่า ก็เป็นเพราะว่าไม่ต้องการให้มีคนต่างชาติมายุ่ง หรือมีอิทธิพลต่อการเมืองไทย อย่างไรก็ตาม เรื่องของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ตนไม่ขอตอบ เพราะสื่อมวลชนคงเอาตนไปพาดหัวอีก แต่อย่างไรก็ตาม การรับเงินจากคนไทยที่อยู่ในต่างประเทศนั้น ก็ถือว่าคนนั้นยังเป็นคนไทย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ยกเว้นว่าจะแปลงสัญชาติไปแล้ว และหากเป็นคนไทยโดยการแปลงสัญชาติ หรือได้รับสัญชาติไทย ต้องเป็นมาอย่างน้อย 5 ปี และการที่ไม่ให้รับเงินจากต่างด้าว เพราะไม่ต้องการให้ต่างด้าวเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองในประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น