xs
xsm
sm
md
lg

“มีชัย” เล็งใช้โทษประหารพวกซื้อ-ขายตำแหน่ง ทั้ง ขรก.ประจำและการเมือง เหตุเป็นการทำลายระบบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

มีชัย ฤชุพันธุ์
ประธาน กรธ.เผยรัฐบาลส่งหนังสือการแก้คำปรารภในร่าง รธน.มาแล้ว โดยมีการแก้ไข 2 จุด ก่อนส่งกลับ รอนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย 9 พ.ย.ตามกำหนด ส่วนการแก้ไขร่าง กม.พรรคการเมือง มี 4 ประเด็นมีโทษถึงยุบพรรค โดยให้ กกต.ยื่นฟ้องต่อศาล รธน. ส่วนการเซ็งลี้ตำแหน่งไม่ว่าจะ ขรก.ประจำหรือการเมือง อาจมีโทษถึงประหารหรือจำคุกตลอดชีวิต เพราะถือเป็นการทำลายทั้งระบบ

นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เปิดเผยว่า กรธ.ได้รับหนังสือเกี่ยวกับการแก้คำปรารภในร่างรัฐธรรมนูญจากรัฐบาลแล้วตั้งแต่เมื่อเย็นวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา และได้ส่งกลับไปแล้วในช่วงเช้าที่ผ่านมา และทางรัฐบาลก็ต้องให้เจ้าหน้าที่กองอารักษ์ไปดำเนินการแก้ไข จากนั้นรัฐบาลก็จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายภายในกำหนดเวลา คือ วันที่ 9 พ.ย.นี้ และคงไม่มีปัญหา ในส่วนที่แก้ไขกลับไปมี 2 จุด คือ 1. พระปรมาภิไธยกับ 2. ลำดับพระญาติที่เกี่ยวข้องกับรัชกาลที่ 7

ส่วนในเรื่องการแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ว่าการพิจารณาได้พิจารณาไปถึงเรื่องการยุบพรรคมีประเด็น เช่น 1. ใครกระทำการที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองใช้อำนาจโดยไปล้มล้างการปกครอง 2. รับเงินจากต่างด้าว 3. การไปรับเงินจากคนที่สนับสนุนให้มีการล้มล้างการปกครอง และ 4. ไปรับเงินมาเพื่อเอาตำแหน่งมาแจก โทษจะถึงขั้นยุบพรรคหรือไม่ก็ต้องไปดูว่าพรรครับเงินมาหรือไม่

นายมีชัยกล่าวต่อว่า ในเรื่องจะพิจารณายุบพรรคหรือไม่ก็ต้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ และ กรธ.กำลังคิดว่าในรัฐธรรมนูญถ้าใครไปพบว่าพรรคการเมืองกระทำการแบบนั้นก็ต้องไปร้องต่ออัยการสูงสุดเพื่อให้อัยการสูงสุดฟ้อง ที่ผ่านมาพบว่าอัยการสูงสุดไม่ฟ้อง หรือฟ้องล่าช้า คราวนี้ก็ได้เขียนว่าอัยการสูงสุดต้องฟ้องภายใน 30 วัน ถ้าไม่ฟ้องภายในเวลา แต่ต้องผ่านขั้นตอน 30 วันไม่ควรฟ้อง เจ้าตัวก็สามารถไปฟ้องเองได้เลย แต่เรื่องใหม่เกี่ยวกับการยุบพรรคไม่ใช่เป็นเรื่องของประชาชนทั่วไปแล้ว แต่เป็นเรื่องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่จะพิจารณาเบื้องต้นว่าเขากระทำการเช่นนั้นหรือไม่ และกำลังคิดว่าหากเป็นเช่นนั้น กกต.สามารถฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้เลย โดยไม่ต้องไปอัยการสูงสุด เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหา และ กกต.จะฟ้องนั้นไม่มีการกำหนดเวลา ทั้งหมดอยู่ที่ดุลพินิจ กกต.การกำหนดเวลาอาจจะเป็นปัญหาได้ และหากพรรคการเมืองจะโต้แย่งก็ไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ

ส่วนการยุบพรรคจะมีผลไปถึงกรรมการบริหารพรรคที่จะต้องถูกตัดสิทธิไปด้วยหรือไม่ ประธาน กรธ.กล่าวว่า เราไม่ได้กล่าวถึง ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนทำคนนั้นอาจจะโดน แต่คงไม่โดนทั้งพรรค เพราะพรรคเป็นนิติบุคคล คนทำถือเป็นความผิดรายบุคคล

ส่วนเรื่องโทษการซื้อขายตำแหน่งที่กล่าวไปก่อนหน้าว่ามีโทษถึงขั้นประหารชีวิตนั้น นายมีชัยกล่าวว่า ที่ กรธ.วางไว้คือจะมีโทษเหมือนการทุจริตที่มีโทษถึงประหารชีวิต และเรากำลังคิดว่าจะมีโทษที่เบากว่า อาทิ จำคุกตลอดชีวิตหรือไม่ ซึ่งไม่ใช่การประหารชีวิตทางการเมือง เพราะเป็นคดีอาญา

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพรรคการเมืองแย้งมาว่าโทษที่กำหนดมานั้นแรงเกินไป กรธ.เตรียมโทษที่เบากว่าไว้บ้างหรือไม่ นายมีชัยกล่าว่า ขึ้นอยู่กับเหตุผล และการกระทำผิด ที่กำหนดโทษประหารชีวิตก็มี อาทิ การล้มล้างการปกครอง การเอาตำแหน่งระดับสูงไปซื้อขาย ซึ่งเป็นการทำลายทุกองคาพยพ แต่ทั้งหมดยังไม่ใช่ข้อสรุป หากคิดว่าแรงไปก็อาจมีการปรับได้ ในเรื่องตำแหน่งถือว่าทุกตำแหน่งไม่เกี่ยวว่าจะเป็นตำแหน่งระดับต่ำหรือสูง และรวมทุกตำแหน่งทั้งข้าราชการประจำและการเมือง และจะส่วนหนึ่งที่จะไปเขียนไว้ในกฎหมาย ป.ป.ช.เพื่อขจัดการซื้อขายตำแหน่ง เพราะการซื้อขายตำแหน่งเป็นตัวทำลายทุกเรื่อง ทุกระบบ กระบวนการทุกอย่างจะเสียหมด ยิ่งกว่าเป็นโรคระบาด และคนที่จะถูกลงโทษเช่นนั้นต้องผ่านการพิจารณาของศาลที่ต้องผ่านการต่อสู้ และศาลตัดสินว่าผิดจริง

“ที่ประเทศจีนนั้นแค่การทุจริตธรรมดาก็ประหารแล้ว ที่ผ่านมาก็มีความเห็นว่าให้ลงโทษความผิดทางทุจริตให้แรง ผู้ที่มีส่วนสำคัญในการตัดสินส่งฟ้องเรื่องนี้ นอกเหนือจาก กกต.แล้ว กรธ.ก็กำลังจะหารือว่าจะให้ ป.ป.ช.เข้ามามีส่วนร่วมด้วย ซึ่งผู้พบเห็นความผิดก็สามารถเอาเรื่องไปฟ้องต่อ กกต.ได้ด้วย เรื่องความผิดตามโทษของการซื้อขายตำแหน่งนั้นจะไม่มีเรื่องโทษตามตำแหน่งในการซื้อขาย เพราะการซื้อขายตำแหน่งเป็นความผิด ในเรื่องการเรียกเงินจากผู้ที่อยู่ตำแหน่งล่างๆ ตรงนี้ถือว่ามีความผิดมาก เพราะเป็นการสอนให้ผู้เข้ามาดำรงตำแหน่งในระดับล่าง ทำการซื้อขายตำแหน่ง”

นายมีชัยกล่าวต่อว่า ความผิดเรื่องการซื้อขายตำแหน่งให้พรรคนั้นเป็นคนละเรื่องกับการบริจาคทุนให้พรรคการเมือง เพราะการบริจาคทุนให้พรรคการเมืองนั้นพรรคการเมืองก็จดไว้ว่ารับบริจาคมาเท่าไหร่ ใช้ไปในแต่ละปีเท่าไหร่ ในเรื่องการรับเงินบริจาคจะกำหนดให้มีการลงบัญชีและเผยแพร่ให้ประชาชนทราบโดยใช้ระบบลงอินเทอร์เน็ตเพื่อประชาชนสามารถตรวจสอบได้ว่าใครบริจาคให้พรรคเท่าไหร่ ใช้เงินในบัญชีไปเท่าไหร่ เปิดเผยให้หมด

ส่วนประเด็นองค์กรนิติบุคคลสามารถบริจาคได้ต่ำสุด-สูงสุดเท่าไหร่ ก็อยู่ระหว่างการหารือว่าควรเป็นเท่าไหร่ และการบริจาคเงินแล้วนำไปเพื่อหักภาษีเป็นค่าลดหย่อน จะมีการจำกัดว่าจำนวน เวลานี้อยู่ระหว่างหารือ

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีความผิดยุบพรรคการเมืองจากฐานความผิดรับเงินจากต่างด้าว นายมีชัยกล่าวว่า เป็นเพราะว่าไม่ต้องการให้มีคนต่างชาติมายุ่งหรือมีอิทธิพลต่อการเมืองไทย อย่างไรก็ตาม เรื่องของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ตนไม่ขอตอบ เพราะสื่อมวลชนคงเอาตนไปพาดหัวอีก อย่างไรก็ตาม การรับเงินจากคนไทยที่อยู่ในต่างประเทศนั้นก็ถือว่าคนนั้นยังเป็นคนไทย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ยกเว้นว่าจะแปลงสัญชาติไปแล้ว และหากเป็นคนไทยโดยการแปลงสัญชาติหรือได้รับสัญชาติไทยต้องมาอย่างน้อย 5 ปี และการที่ไม่ให้รับเงินจากต่างด้าวเพราะไม่ต้องการให้ต่างด้าวเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองในประเทศ


กำลังโหลดความคิดเห็น