“มีชัย” ไม่สน “สมชัย” ชี้เป็นเรื่องของบ้านเมือง จะมองแค่กระทบตัวเองไม่ได้

ประธาน กรธ.เมิน “สมชัย” กล่าวหาแรง บอกเรื่องของบ้านเมืองจะใช้อารมณ์ไม่ได้ ต้องคิดถึงส่วนรวม อย่ามองแต่เรื่องที่กระทบตัวเอง ปัดหมกเม็ดร่าง กม.กกต. แต่เพราะยังไม่ได้ข้อยุติจะนำมาเผยแพร่ไม่ได้ แจงโทษประหารพวกซื้อขายตำแหน่งเพราะเป็นเรื่องที่ร้ายแรง แต่หากคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาจะลงโทษแค่ปรับ 5 บาท 10 บาทก็แล้วแต่

นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า กรธ.จะไม่ไปตอบโต้อะไรกับนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรื่องคุณสมบัติองค์กรอิสระ เพราะเป็นเรื่องของบ้านเมืองคงจะไปใช้อารมณ์อะไรไม่ได้ ต้องคิดถึงส่วนรวมด้วย อย่าไปคิดแค่เรื่องที่จะกระทบต่อตัวเอง การที่ยังไม่รู้ว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไรแล้วไปใช้อารมณ์ตัดสินนั้นคิดว่าก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ เช่นเดียวกับข้อกล่าวหาว่า กรธ.หมกเม็ดร่างกฎหมาย กกต. ขอถามว่าหมกเม็ดตรงไหน เวลา กรธ.จะทำอะไรก็เปิดเผยตลอด เพียงแต่อะไรที่ยังไม่ยุติหรือได้ข้อสรุป กรธ.ก็ยังไม่เอามาเผยแพร่ เพราะเผยแพร่ไปแล้วก็จะโดนกล่าวหาได้ว่า กรธ.กลับไปกลับมา

“ผมต้องขอฝากข้อความไปยังคอลัมนิสต์ แม่ลูกจันทร์ ของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐด้วยว่า การที่ไปเขียนว่า กกต.จังหวัดเดิมไม่มีข้าราชการ แล้ว กรธ.ไปแก้ไขให้เอาข้าราชการไปทำหน้าที่เป็น กกต.จังหวัด ขอเรียนว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง สิ่งที่เป็นความจริงคือ แต่เดิม กกต.จังหวัดนั้นส่วนมากเป็นข้าราชการในส่วนท้องถิ่นนั้นๆ เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด, รองผู้ว่าฯ, ปลัดจังหวัด ดังนั้น กรธ.จึงได้เปลี่ยนสภาพ กกต.จังหวัดโดยให้เป็นผู้ตรวจการ 5-8 คน และห้ามข้าราชการมาเป็น ก็คงต้องฝากชี้แจงไปยังหนังสือพิมพ์ไทยรัฐด้วย”

ส่วนองค์ประกอบของ กกต.ที่เพิ่มมาอีก 2 คนซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายนั้น นายมีชัยกล่าวว่าบทบาทหน้าที่ของ กกต.ที่ กรธ.กำหนดให้นั้นจะเป็นในแง่ของการตรวจจับการทุจริตการเลือกตั้ง การใช้เงินทองทรัพย์สินซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับคดีอาญา ดังนั้นตนก็อยากจะเพิ่มคนที่มีความรู้ทางกฎหมายโดยเฉพาะคนที่มีประสบการณ์ทางด้านงานตุลาการมาช่วยเหลือตรงนี้ด้วย จะได้ไม่ต้องกังวลกับข้อกฎหมายมาก ส่วนอีก 5 คนที่เหลือก็จะให้มาจากหลากหลายที่มา คละกันไป

ผู้สื่อข่าวถามว่าหลักการการสรรหา กกต.ใหม่นั้นจะมีผลทันทีหลังจากร่างรัฐธรรมนูญถูกประกาศใช้เลยหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่า คงจะมีผลทันที แต่ทาง กรธ.คงจะกำหนดให้ กกต.ชุดเดิมนั้นอยู่ในตำแหน่งไปพลางก่อนจนกว่าทางคณะกรรมการสรรหาองค์กรอิสระจะมาชี้ว่า กกต.ผู้นั้นขาดคุณสมบัติ ตอนนี้ก็ยังไม่มีคณะกรรมการสรรหาฯ ก็ต้องสรรหาคณะกรรมการสรรหาฯกันก่อน ขอเรียนว่า กรธ.ไม่ใช่ผู้ชี้ว่าใครขาดคุณสมบัติอย่างไร แต่จะเป็นหน้าที่คณะกรรมการสรรหาฯ หากว่ามีการชี้ว่าขาดคุณสมบัติก็ต้องดูว่าแล้ว กกต.จะเหลืออยู่กี่คน ถ้าเหลืออยู่ 4-5 คน เขาก็ยังสามารถทำงานได้ แต่ถ้าหากน้อยกว่านั้น กกต.ก็คงต้องทำงานเท่าที่จำเป็น และต้องมีการเร่งสรรหาสมาชิกใหม่โดยเร็ว

ส่วนที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีข้อคิดเห็นสวนทางกับ กรธ.ที่ออกมา อาทิ หากให้ กกต.ที่ขาดคุณสมบัติออกไปแล้วดำเนินการสรรหาคนใหม่ อาจส่งผลทำให้การทำงานของ กกต.ไม่ต่อเนื่องนั้น นายมีชัยกล่าวว่า ต้องไปดูที่รัฐธรรมนูญว่าวางหลักไว้อย่างไร

สำหรับกรณีโทษประหารชีวิตจากการซื้อขายตำแหน่งทางการเมืองที่ถูกวิจารณ์ว่าแรงเกินไปและไม่เป็นไปตามหลักสากลที่เริ่มมีการลดโทษประหารชีวิต นายมีชัยกล่าวว่า แล้วแต่ สนช. ถ้าคิดว่าโทษประหารมันแรงจะเอาแค่ปรับ 5 บาท 10 บาท ก็แล้วแต่เขาจะมอง ถ้าคิดว่าไม่เป็นไร กรธ.ก็ไม่ว่าอะไร แต่ กรธ.คิดว่าเรื่องนี้นั้นแรง และในอนาคตคงจะไปเพิ่มข้อความว่าอาจจะมีโทษจำคุกตลอดชีวิต เพื่อให้เป็นตัวเลือกอื่นนอกจากการประหารชีวิต

ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้า สนช.แก้ไขร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) แล้ว มีข้อสงสัยว่าว่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญจะมีขั้นตอนในการส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่า ไม่ ตามร่างรัฐธรรมนูญนั้นระบุว่า หาก สนช.จัดทำ พ.ร.ป.เสร็จแล้วให้ส่งเจ้าขององค์กร และ กรธ.พิจารณาดู และถ้าหนึ่งในนั้นมีความเห็นว่า พ.ร.ป.ไม่ตรงต่อเจตนาของร่างรัฐธรรมนูญก็ให้แจ้งกลับมา และเมื่อแจ้งกลับมาแล้วสภาก็จะตั้งกรรมาธิการ 11 คน จากเจ้าขององค์กร 1 คน คือ ตัวประธาน จาก กรธ. 5 คน และจาก สนช. 5 คน แล้วตกลงว่าอย่างไรก็เอาไปเสนอสภา ถ้าสภาจะไม่เห็นด้วยกับกรรมาธิการดังกล่าวอีกก็ต้องได้รับเสียงไม่เห็นด้วย 2 ใน 3 ถ้าไม่ถึงก็ให้เป็นไปที่กรรมาธิการนั้นว่ามา แต่ถ้าถึง 2 ใน 3 ก็ต้องไปร่างกันใหม่ ซึ่งตนก็คาดเดาไม่ได้ว่าจะใช้เวลาเท่าไรในขั้นตอนนี้

ผู้สื่อข่าวถามถึงโทษทางเลือกอื่นนอกเหนือจากการประหารชีวิต นายมีชัยกล่าวว่า ศาลก็คงจะเป็นผู้ตัดสินว่าจะใช้โทษอะไร กรธ.ก็คงกำหนดแล้วว่าความผิดจะมีโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต

ต่อข้อถามว่าคุณสมบัติของ กกต.จะเขียนในบทเฉพาะกลางให้สามารถให้ดำรงตำแหน่งต่อไปได้หรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่าทำไม่ได้ เพราะว่าในร่างรัฐธรรมนูญนั้นระบุชัดเจนแล้วว่าถ้าขาดคุณสมบัติแล้วก็ต้องพ้นจากตำแหน่งไปโดยทันที ดังนั้นการเขียน พ.ร.ป.ที่เกี่ยวข้องก็ต้องยึดรัฐธรรมนูญ

ส่วนเหตุผลในการกำหนดคุณสมบัติกรรมการองค์กรอิสระที่มีความเข้มข้นขึ้นนั้น นายมีชัยกล่าวว่า เป็นเพราะว่าองค์กรเหล่านี้จะเป็นเสาหลักที่จะประคับประคองการเมืองไปในทางที่ดีและถูกต้อง ดังนั้นเมื่อเป็นเสาหลัก กรธ.จึงกำหนดให้เขามีอำนาจไว้เยอะ ผู้ที่จะเข้ามาใช้อำนาจนี้จึงต้องซื่อสัตย์ สุจริต มีความเป็นกลาง ความกล้าหาญ มีภูมิหลังที่สูงพอสมควร กรธ.จึงต้องกำหนดคุณสมบัติเหล่านี้เอาไว้อย่างเข้มข้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาจากการไม่ยอมรับองค์กรอิสระในช่วงเวลาที่ผ่านมาเป็นเพราะว่าคุณสมบัติองค์กรอิสระนั้นเข้มข้นไม่พอหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่า พูดแบบนั้นก็ไม่ได้ เพราะถ้าพูดแบบนี้มันก็เหมือนกับว่าจะไปตำหนิคนที่เขาเข้ามาทำงานแล้วในตอนนี้