นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 2 กล่าวถึงร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่กำหนดบทลงโทษถึงขั้นประหารชีวิต หากมีการทุจริต ซื้อขายตำแหน่งว่า กฎหมายของไทยที่บังคับใช้ทันสมัยอยู่แล้ว แต่ปัญหาคือ การบังคับใช้ที่ไม่เคร่งครัด ซึ่งการลงโทษประหารชีวิต ในหลายประเทศก็ยกเลิกไปหมดแล้ว ดังนั้นการกำหนดโทษต้องเหมาะสมกับความผิด และนึกถึงสังคมโลกด้วย อีกทั้งควรให้ศาลใช้ดุลยพินิจว่าผู้กระทำความผิดมีข้อเท็จจริงประกอบอะไรบ้าง และแม้ว่าการซื้อขายตำแหน่ง ถือเป็นความผิดร้ายแรง เพราะเท่ากับเป็นการทำหน้าที่ของตัวเองไม่สมบูรณ์ แต่ก็มีบทลงโทษทางปกครอง และทางวินัย ที่ไล่ออกจากราชการ ซึ่งถือว่ารุนแรงอยู่แล้ว
สำหรับเรื่องการให้รางวัลนำจับผู้ที่พบการทุจริตซื้อสิทธิ ขายเสียงนั้น น่าจะช่วยลดการทำผิดลงได้ เพราะที่ผ่านมาการซื้อเสียง เป็นการใช้เงินล่อใจให้มาใช้สิทธิ อีกทั้งถ้าอาศัยแค่ กกต.จังหวัดดำเนินการ ก็อ้างว่าไม่มีกำลัง ให้ประชาชนไปหาหลักฐานมาเอง ทำให้เกิดช่องว่าง เพราะการเลือกตั้งท้องถิ่นส่วนใหญ่ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ค่อนข้างมีอิทธิพล ซึ่งข้อมูลอาจรั่วไหลได้ ดังนั้นการให้รางวัลนำจับ ก็น่าจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง ส่วนถึงขั้นต้องยุบ กกต.จังหวัดหรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ของกรธ. ที่จะพิจารณาต่อไป แต่ส่วนตัวเห็นว่าควรจะแค่ปรับบทบาทหน้าที่
ด้านนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. กล่าวถึงกรณีโทษการประหารชีวิตจากการซื้อขายตำแหน่งทางการเมือง ที่ถูกวิจารณ์ว่าแรงเกินไป ว่า ก็แล้วแต่ สนช. ถ้าคิดว่าโทษประหารมันแรง จะเอาแค่ปรับ 5 บาท 10 บาท ก็แล้วแต่เขาจะมอง ถ้าคิดว่าไม่เป็นไร กรธ.ก็ไม่ว่าอะไร แต่กรธ.คิดว่าเรื่องนี้มันแรง และในอนาคตคงจะไปเพิ่มข้อความว่า อาจจะมีโทษจำคุกตลอดชีวิต เพื่อให้เป็นตัวเลือกอื่น นอกจากการประหารชีวิต
เมื่อถามถึงโทษทางเลือกอื่น นอกเหนือจากประหารชีวิต นายมีชัย กล่าวว่า ศาลก็คงจะเป็นผู้ตัดสินว่าจะใช้โทษอะไร กรธ.ก็คงกำหนดแล้วว่า ความผิดจะมีโทษประหารชีวิต หรือ จำคุกตลอดชีวิต
สำหรับเรื่องการให้รางวัลนำจับผู้ที่พบการทุจริตซื้อสิทธิ ขายเสียงนั้น น่าจะช่วยลดการทำผิดลงได้ เพราะที่ผ่านมาการซื้อเสียง เป็นการใช้เงินล่อใจให้มาใช้สิทธิ อีกทั้งถ้าอาศัยแค่ กกต.จังหวัดดำเนินการ ก็อ้างว่าไม่มีกำลัง ให้ประชาชนไปหาหลักฐานมาเอง ทำให้เกิดช่องว่าง เพราะการเลือกตั้งท้องถิ่นส่วนใหญ่ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ค่อนข้างมีอิทธิพล ซึ่งข้อมูลอาจรั่วไหลได้ ดังนั้นการให้รางวัลนำจับ ก็น่าจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง ส่วนถึงขั้นต้องยุบ กกต.จังหวัดหรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ของกรธ. ที่จะพิจารณาต่อไป แต่ส่วนตัวเห็นว่าควรจะแค่ปรับบทบาทหน้าที่
ด้านนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. กล่าวถึงกรณีโทษการประหารชีวิตจากการซื้อขายตำแหน่งทางการเมือง ที่ถูกวิจารณ์ว่าแรงเกินไป ว่า ก็แล้วแต่ สนช. ถ้าคิดว่าโทษประหารมันแรง จะเอาแค่ปรับ 5 บาท 10 บาท ก็แล้วแต่เขาจะมอง ถ้าคิดว่าไม่เป็นไร กรธ.ก็ไม่ว่าอะไร แต่กรธ.คิดว่าเรื่องนี้มันแรง และในอนาคตคงจะไปเพิ่มข้อความว่า อาจจะมีโทษจำคุกตลอดชีวิต เพื่อให้เป็นตัวเลือกอื่น นอกจากการประหารชีวิต
เมื่อถามถึงโทษทางเลือกอื่น นอกเหนือจากประหารชีวิต นายมีชัย กล่าวว่า ศาลก็คงจะเป็นผู้ตัดสินว่าจะใช้โทษอะไร กรธ.ก็คงกำหนดแล้วว่า ความผิดจะมีโทษประหารชีวิต หรือ จำคุกตลอดชีวิต