00 วันก่อนเห็นข่าว ทนายความของครอบครัว “เสี่ยจืด”ชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ที่เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ เมื่อเดือน มิ.ย.58 เปิดเผยว่า ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว “อายัด”หุ้นของนายชูวงษ์ ที่อยู่ในบัญชีของ“น้ำตาล”กัญฐณา ศิวาธนาพล พริตตี้สาว รวมทั้งบ้าน-ที่ดิน ที่ใช้เงินจากการขายหุ้นที่ว่าไปซื้อมา คดีนี้เป็นคดีแพ่งที่ “ครอบครัวเสี่ยจืด”ใช้สิทธิตามกฎหมายเรียกคืนทรัพย์สินที่มีการโอนไปโดยมิชอบ ส่วนคดีอาญาที่ผ่านมือ“อัยการ”ทั้งเรื่อง“โอนหุ้น-ฆาตกรรม”ยังไม่ถึงไหน
00 ก็“คดีโอนหุ้น-ปลอมเอกสาร-ลักทรัพย์-รับของโจร”สำนวนยัง“ติดหล่ม”กลับไปอยู่ที่โต๊ะ“บิ๊กแป๊ะ”พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. หลังจากที่เมื่อปลายเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ทางสำนักงานอัยการสูงสุด โดยสุทธิ กิตติศุภพร อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ ผู้มีอำนาจสั่งคดีมีคำสั่ง“ไม่ฟ้อง”ตามความเห็นของ อัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ ที่รับผิดชอบสำนวน
00 ความเห็น“อธิบดีสุทธิ”ที่สั่ง“ไม่ฟ้อง”นั้นขัดกับทั้ง รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ ที่ได้เห็นแย้งว่า“ให้ฟ้อง”ทั้งยังทำให้สำนวนเอกสารหลักฐานกว่า 3,300 แผ่น ที่ทาง“ตำรวจ”ส่งมาพร้อมความเห็น“สมควรฟ้อง”แทบจะกลายเป็น“เศษกระดาษ”ไปเลย
00 ยิ่งไปกว่านั้น กว่าที่อัยการจะมีคำสั่ง“คดีโอนหุ้น”ก็ใช้เวลาร่วมปี หลังได้สำนวนจากทางตำรวจ จน“ครอบครัวเสี่ยชูวงษ์”ต้องไปทวงแล้วทวงอีก รวมทั้งกระสังคมที่เห็นว่าอาจจะมีขบวนการ “แทรกแซง–เตะถ่วง”ซึ่งก่อนหน้านี้ ก็เคยมีข่าวในทำนอง“ถุงขนม 20 ล้าน”ไปหล่นอยู่ใต้โต๊ะ“ไอ้โม่ง ฉ.”มาแล้ว ตัวเลขที่สูงปรึ๊ดนั้นก็เนื่องมาจากคดี“โอนหุ้น-ฆาตกรรม”มีความเชื่อมโยงในแง่ของ“มูลเหตุจูงใจ” หากคดีโอนหุ้นมูลค่ากว่า 300 ล้าน ถูกตีตกไป ก็ย่อมทำให้คดีฆาตกรรมอำพรางอ่อนยวบลงทันที สำนวนคดีฆาตกรรมของตำรวจกว่า 4,000 แผ่น ที่ส่งไปให้อัยการพิจารณาอยู่ตอนนี้ ก็เตรียมเข้าคิวเป็น“เศษกระดาษ”เช่นเดียวกัน
00 อันที่จริงทาง“ครอบครัวเสี่ยชูวงษ์”ก็มั่นใจในพยานหลักฐาน ที่จะเอาผิด 4 ผู้ต้องหา นำโดยพ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ และ“สาวน้ำตาล”ในคดีโอนหุ้น รวมทั้งคดีฆาตกรรมอำพรางที่“บรรยิน”เป็นผู้ต้องหาได้อยู่แล้ว ด้วยฐานะทางการเงิน-ทางสังคม ครั้นจะเดินหน้าฟ้องต่อศาลเอง ก็คงไม่เหลือบ่ากว่าแรง หากแต่ในฐานะ “ประชาชน”ก็หวังจะได้รับการอำนวยความยุติธรรมจาก“เจ้าหน้าที่รัฐ”ในกระบวนการยุติธรรม
00 เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ จึงไม่แปลกที่ทางครอบครัวโดย วันเพ็ญ ธนธรรมสิริ พี่สาว และ ศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง ภรรยาของเสี่ยชูวงษ์ ที่สู้ยิบตามาตั้งแต่ต้น เดินหน้าฟ้องร้องด้วยตัวเอง ทั้งทางแพ่ง-อาญา ไปเรียบร้อยแล้ว รวม 6 คดี ด้วยกัน ต้องนับถือใจของทั้ง“วันเพ็ญ–ศิริรัตน์” ที่ต่อสู้ท่ามกลางความเจ็บปวดจากทั้งการสูญเสีย และความรู้สึกที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจาก“เจ้าหน้าที่รัฐ”โดยเฉพาะ “อัยการ”ที่นับวันยิ่งทำภาพลักษณ์ “ทนายแผ่นดิน”เสื่อมลงๆ แทนที่จะเป็นผู้ขับเคลื่อนการอำนวยความยุติธรรม กลับทำเหมือนเป็นอุปสรรค จนติดกึก ติดกัก แทบทุกขั้นตอน
00 นี่ขนาดคดีดังระดับ ทอล์กออฟเดอะทาวน์ คนสนใจทั่วบ้านทั่วเมือง ยังกล้า“ชกไม่สมศักดิ์ศรี”จนน่าไล่ลงจากเวทีเหลือเกิน แล้วถ้าเป็นคดีขี้หมูขี้หมา ที่ฝ่าย “ผู้เสียหาย"ไม่มีกำลัง-ฐานะแบบนี้ ใครหน้าไหนจะเรียกร้องความยุติธรรมให้ เมื่อ“เจ้าหน้าที่รัฐ”ในกระบวนการยุติธรรมเป็นกันเสียแบบนี้ ประชาชนจะไปพึ่งใคร !!
00 ก็“คดีโอนหุ้น-ปลอมเอกสาร-ลักทรัพย์-รับของโจร”สำนวนยัง“ติดหล่ม”กลับไปอยู่ที่โต๊ะ“บิ๊กแป๊ะ”พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. หลังจากที่เมื่อปลายเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ทางสำนักงานอัยการสูงสุด โดยสุทธิ กิตติศุภพร อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ ผู้มีอำนาจสั่งคดีมีคำสั่ง“ไม่ฟ้อง”ตามความเห็นของ อัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ ที่รับผิดชอบสำนวน
00 ความเห็น“อธิบดีสุทธิ”ที่สั่ง“ไม่ฟ้อง”นั้นขัดกับทั้ง รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ ที่ได้เห็นแย้งว่า“ให้ฟ้อง”ทั้งยังทำให้สำนวนเอกสารหลักฐานกว่า 3,300 แผ่น ที่ทาง“ตำรวจ”ส่งมาพร้อมความเห็น“สมควรฟ้อง”แทบจะกลายเป็น“เศษกระดาษ”ไปเลย
00 ยิ่งไปกว่านั้น กว่าที่อัยการจะมีคำสั่ง“คดีโอนหุ้น”ก็ใช้เวลาร่วมปี หลังได้สำนวนจากทางตำรวจ จน“ครอบครัวเสี่ยชูวงษ์”ต้องไปทวงแล้วทวงอีก รวมทั้งกระสังคมที่เห็นว่าอาจจะมีขบวนการ “แทรกแซง–เตะถ่วง”ซึ่งก่อนหน้านี้ ก็เคยมีข่าวในทำนอง“ถุงขนม 20 ล้าน”ไปหล่นอยู่ใต้โต๊ะ“ไอ้โม่ง ฉ.”มาแล้ว ตัวเลขที่สูงปรึ๊ดนั้นก็เนื่องมาจากคดี“โอนหุ้น-ฆาตกรรม”มีความเชื่อมโยงในแง่ของ“มูลเหตุจูงใจ” หากคดีโอนหุ้นมูลค่ากว่า 300 ล้าน ถูกตีตกไป ก็ย่อมทำให้คดีฆาตกรรมอำพรางอ่อนยวบลงทันที สำนวนคดีฆาตกรรมของตำรวจกว่า 4,000 แผ่น ที่ส่งไปให้อัยการพิจารณาอยู่ตอนนี้ ก็เตรียมเข้าคิวเป็น“เศษกระดาษ”เช่นเดียวกัน
00 อันที่จริงทาง“ครอบครัวเสี่ยชูวงษ์”ก็มั่นใจในพยานหลักฐาน ที่จะเอาผิด 4 ผู้ต้องหา นำโดยพ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ และ“สาวน้ำตาล”ในคดีโอนหุ้น รวมทั้งคดีฆาตกรรมอำพรางที่“บรรยิน”เป็นผู้ต้องหาได้อยู่แล้ว ด้วยฐานะทางการเงิน-ทางสังคม ครั้นจะเดินหน้าฟ้องต่อศาลเอง ก็คงไม่เหลือบ่ากว่าแรง หากแต่ในฐานะ “ประชาชน”ก็หวังจะได้รับการอำนวยความยุติธรรมจาก“เจ้าหน้าที่รัฐ”ในกระบวนการยุติธรรม
00 เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ จึงไม่แปลกที่ทางครอบครัวโดย วันเพ็ญ ธนธรรมสิริ พี่สาว และ ศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง ภรรยาของเสี่ยชูวงษ์ ที่สู้ยิบตามาตั้งแต่ต้น เดินหน้าฟ้องร้องด้วยตัวเอง ทั้งทางแพ่ง-อาญา ไปเรียบร้อยแล้ว รวม 6 คดี ด้วยกัน ต้องนับถือใจของทั้ง“วันเพ็ญ–ศิริรัตน์” ที่ต่อสู้ท่ามกลางความเจ็บปวดจากทั้งการสูญเสีย และความรู้สึกที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจาก“เจ้าหน้าที่รัฐ”โดยเฉพาะ “อัยการ”ที่นับวันยิ่งทำภาพลักษณ์ “ทนายแผ่นดิน”เสื่อมลงๆ แทนที่จะเป็นผู้ขับเคลื่อนการอำนวยความยุติธรรม กลับทำเหมือนเป็นอุปสรรค จนติดกึก ติดกัก แทบทุกขั้นตอน
00 นี่ขนาดคดีดังระดับ ทอล์กออฟเดอะทาวน์ คนสนใจทั่วบ้านทั่วเมือง ยังกล้า“ชกไม่สมศักดิ์ศรี”จนน่าไล่ลงจากเวทีเหลือเกิน แล้วถ้าเป็นคดีขี้หมูขี้หมา ที่ฝ่าย “ผู้เสียหาย"ไม่มีกำลัง-ฐานะแบบนี้ ใครหน้าไหนจะเรียกร้องความยุติธรรมให้ เมื่อ“เจ้าหน้าที่รัฐ”ในกระบวนการยุติธรรมเป็นกันเสียแบบนี้ ประชาชนจะไปพึ่งใคร !!