สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนิน ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายภัตตาหารเช้า แด่พระพิธีธรรม วธ.จัดทำสมุดภาพ "ประมวลเหตุการณ์งานพระบรมศพฯ ผู้ว่าฯ กทม. จัดพิธีแสดงความอาลัยและแปรอักษรเป็นเลข ๙ เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้ นายกฯ ขอบคุณหน่วยงานรัฐ เอกชน จิตอาสา ยันให้ความสำคัญในเรื่องการรักษาความปลอดภัยพื้นที่ระดับสูงสุด ด้าน ศตส.จัดแผนรับมือคลื่นประชาชนแห่ถวายสักการะ เบื้องหน้าพระบรมโกศ เริ่ม 29 ต.ค. จัดคิววันละ 1 หมื่นคน สั่งปิดการจราจรโดยรอบ เพื่อความคล่องตัว พร้อมเปิดนักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระแก้ว เริ่ม 1 พ.ย. ขณะที่สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ แห่งญี่ปุ่น ทรงส่งพระราชโทรเลขแสดงความเสียพระราชหฤทัยถึงสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ
วานนี้ (26 ต.ค.) เวลา 07.05 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง ไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายภัตตาหารเช้า แด่พระพิธีธรรม ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย หน้าพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิอดุลยเดช ทรงกราบ ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร เป็นพระพุทธรูปประทับยืนแบบสมภังค์ แสดงปางห้ามญาติ หรืออภัยมุทราด้วยพระหัตถ์ขวาเพียงข้างเดียว ที่หน้าพระแท่นนพปฏลมหาเศวตฉัตร จากนั้นประเคนสำรับภัตตาหาร แด่พระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดอนงคารามวรวิหาร และวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร มาตั้งแต่ค่ำวันที่ 25 ต.ค.59 จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินกลับ
ต่อมาเวลา 14.55 น. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จพร้อมด้วย ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
ส่วนบรรยากาศที่ศาลาสหทัยสมาคม เมื่อเวลา 08.00 น. เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง เปิดให้ประชาชนเข้าลงนามแสดงความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บริเวณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมหาราชวัง เป็นวันที่ 12 ซึ่งมีพสกนิกรเดินทางมาไม่ขาดสาย ตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่
**** วธ.จัดทำสมุดภาพงานพระบรมศพ
พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเตรียมการและการดำเนินการเกี่ยวกับพระราชพิธี พระบรมศพฯ ว่า วธ.ได้รายงานว่าได้รับมอบหมายให้จัดทำสมุดภาพ “ประมวลเหตุการณ์งานพระบรมศพฯ” เพื่อเสนอนายกรัฐมนตรี โดยใน 1 ชุด ประกอบด้วย 3 เล่ม ได้แก่ ประมวลเหตุการณ์ในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคทั้ง 76 จังหวัด และต่างประเทศ
นอกจากนี้ ได้มีการรายงานความคืบหน้าการรวบรวมผลงานด้านวรรณกรรม เพื่อเป็นข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ซึ่งสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร ดำเนินการรวบรวมคำถวายความอาลัยของผู้นำประเทศต่างๆ บุคคลสำคัญ บทเพลง กวีนิพนธ์ ที่เกี่ยวเนื่องกับงานพระบรมศพ รวมทั้งมีการรวบรวมข้อมูลจัดทำคำราชาศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับงานพระบรมศพ
ขณะที่ กรมศิลปากรได้รายงานการดำเนินงานการจัดสร้างพระเมรุมาศ พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ ส่วนการบูรณะปฏิสังขรณ์ราชรถ พระยานมาศ ขณะนี้ได้ตรวจสภาพการใช้งานของพระมหาพิชัยราชรถ พระเวชยานตราราชรถ ราชรถน้อย 3 พระองค์ และพระยานมาศสามลำคาน 2 พระองค์ รวมทั้งพระที่นั่งราเชนทรยาน และพระวอสีวิกากาญจน์ เป็นต้น ซึ่งการดำเนินการในส่วนดังกล่าวมีความคืบหน้าไปมาก
อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานจดบันทึกเหตุการณ์เพื่อจัดทำจดหมายเหตุพระราชพิธีพระบรมศพนั้น กรมศิลปากรได้จัดเจ้าหน้าที่ลงบันทึกเหตุการณ์สำคัญๆ ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม เป็นต้นไป รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่รวบรวมข้อมูลข่าวสารจากสื่อมวลชนทุกแขนง พร้อมทั้งได้ร่วมมือกับช่างภาพจิตอาสาจากชมรมต่างๆ เพื่อบันทึกภาพเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ นำมาจัดทำจดหมายเหตุ
*** จักรพรรดิญี่ปุ่นร่วมไว้อาลัยในหลวงร.9
สำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่น รายงานว่า สำนักพระราชวังญี่ปุ่น เปิดเผยว่า สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะทรงส่งพระราชโทรเลข ลงวันที่ 24 ตุลาคม ถึงสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เพื่อแสดงความเสียพระราชหฤทัยต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ และสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ ทรงไว้ทุกข์เป็นการส่วนพระองค์เป็นเวลา 3 วัน หลังทรงทราบข่าวการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา
ราชวงศ์ไทยและญี่ปุ่นมีสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นมายาวนาน นับแต่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ เมื่อปี 2506 ในฐานะพระราชอาคันตุกะของสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ พระราชบิดาในสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ
จากนั้นในปีถัดมา สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ ซึ่งขณะนั้นทรงดำรงพระอิสริยยศมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะผู้แทนพระองค์ของสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ พร้อมสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ ซึ่งขณะนั้นทรงดำรงพระอิสริยยศมกุฎราชกุมารี และเมื่อสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ เสด็จขึ้นครองราชย์ พระองค์พร้อมด้วยสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ ทรงเลือกไทยเป็นประเทศแรกในการเสด็จเยือนต่างประเทศเป็นครั้งแรกของทั้ง 2 พระองค์ ในฐานะพระประมุขแห่งญี่ปุ่น
**ผู้ว่าฯกทม.นำขรก.แสดงความอาลัย
เมื่อเวลา 08.00 น. ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีแสดงความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมคณะผู้บริหาร และ สภากรุงเทพมหานคร ข้าราชการ และบุคลากร จำนวน 6,044 คน มีการร่วมร้องเพลงชาติไทย การถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์ และกล่าวแสดงความอาลัย จากนั้นผู้เข้าร่วมได้ยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 89 วินาที พร้อมมีการแปรอักษรเป็นตัวเลข ๙ และร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ซึ่งนำขับร้องโดย กิตตินันท์ ชินสำราญ (กริช เดอะวอยซ์) และถวายความเคารพ
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า กทม.ได้น้อมนำโครงการพระราชดำริ ตลอดจนพระบรมราชวินิจฉัยของพระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาใช้ในการแก้ปัญหา และพัฒนาเมืองในด้านต่างๆ อย่างเป็นขั้นตอน เป็นระบบ และครบวงจร อันเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนากรุงเทพฯ อย่างยั่งยืน เพื่อให้ประชาชนมีความผาสุกร่มเย็น และจะนำพระราชปณิธาน หลักการทรงงาน แนวพระราชดำริ และดำเนินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท ให้สมดังพระราชปณิธานที่จะเห็นกรุงเทพฯ เป็นเมืองสวรรค์ ที่มีความสุขอย่างยั่งยืน สืบไป
** แจงขั้นตอนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ
ทั้งนี้ ตามที่มีพระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ภายหลังพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลครบ 15 วัน ได้ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.59 เป็นต้นไป เวลา 08.00-21.00 น.ทุกวัน (ยกเว้นช่วงมีพระราชพิธีบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท) นั้น สำนักพระราชวังแจ้งว่า เส้นทางการเข้าถวายสักการะพระบรมศพ จะให้ขบวนประชาชน ซึ่งเดินมาจากมณฑลพิธีสนามหลวงเข้ามาทางประตูวิเศษไชยศรี ผ่านประตูพิมานไชยศรี จากนั้นเลี้ยวขวาไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ถึงประตูกำแพงแก้วด้านตะวันออกของพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จะมีเจ้าหน้าที่คอยจัดแถวเพื่อให้ประชาชนเข้าไปกราบพระบรมศพ จากนั้นให้เดินผ่านประตูกำแพงแก้วด้านตะวันออก เพื่อขึ้นสู่พระที่นั่งด้านมุกตะวันออกของพระที่นั่ง
ทั้งนี้ ผู้สวมรองเท้าแตะให้ถอดรองเท้าไว้ที่ฐานพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จากนั้นขึ้นไปถวายสักการะพระบรมศพ โดยเมื่อเข้าสู่ภายในพระที่นั่ง ตรงหน้าพระศพ ให้กราบพระบรมศพหนึ่งครั้ง จากนั้นให้กราบพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร ที่ประดิษฐานใต้พระมหาเศวตฉัตรของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 3 ครั้ง เสร็จแล้วให้ลงจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาททางมุขด้านเหนือ เลี้ยวซ้ายออกประตูกำแพงแก้ว ด้านตะวันตกของพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จากนั้นให้เดินออกจากพระบรมมหาราชวัง สู่ถนนมหาราช ทางประตูศรีสุนทร และประตูเทวาภิรมย์ ตามลำดับ ทั้งนี้ การเข้าไปถวายสักการะพระบรมศพ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทางสำนักพระราชวัง ได้ขอความร่วมมือกับประชาชนทุกคน ห้ามบันทึกภาพใดๆ
**ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯพระราชทานข้าวกล่อง
กองงานในพระองค์สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณอัครราชกุมารี ได้รับแจ้งจากตำหนักนักทิพย์พิมานว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณอัครราชกุมารี พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และ พระเจ้าหลานเธออทิตยาทรกิติคุณ พระราชทานเลี้ยงอาหารกล่องและน้ำแก่ประชาชนซึ่งเดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพ โดยเริ่มต้นวันนี้เป็นวันแรก และจะพระราชทานทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ ต่อเนื่องจนครบ100 วัน ณ ท้องสนามหลวง บริเวณบู๊ท 11 ตรงข้ามโรงแรมรัตนโกสินทร์ และโปรดให้จัดรถพยาบาล พร้อมแพทย์และพยาบาลจากโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เพื่อให้บริการและดูแลประชาชน สำหรับวันนี้ พระราชทานอาหารกล่อง ข้าวคั่วกลิ้งหมู ไก่ทอด พร้อมน้ำผลไม้โครงการหลวง จำนวน 500 ชุด
ขณะที่พยาบาลวิชาชีพฝ่ายการพยาบาลและกิจการพิเศษ รพ.จุฬาภรณ์ กล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี มีรับสั่งว่า "ให้ดูแลการรักษาประชาชนที่เจ็บป่วยให้ดีที่สุด" โดยทำการรักษาเบื้องต้นก็ปฐมพยาบาลจุดนี้ หากคนไข้มีอาการหนักให้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงโดยด่วน จะมาประจำจุดทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์ ตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น.
*** พระองค์โสมฯทอดไก่ประทานปชช.
เมื่อเวลา 13.05 น. พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จเป็นการส่วนพระองค์ มายังรถเคลื่อนที่ ของมูลนิธิ เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย หน้ากรมศิลปากร ถนนหน้าพระธาตุ เพื่อทรงทอดไก่ประทานให้แก่พสกนิกรที่มาลงนามแสดงความอาลัย แก่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ท่ามกลางพสกนิกรที่ต่อแถวอย่างเป็นระเบียบเพื่อรับข้าวเหนียวไก่ทอดพระราชทาน พร้อมรอชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด โดยวันนี้มีไก่ที่นำมาทอดทั้งหมด1,000 กก. พร้อมข้าวเหนียว 500 กก. อีกทั้งทางมูลนิธิฯ ยังได้ร่วมมือกับเดอะมอลล์ กรุ๊ป และมูลนิธิลูกเสือแห่งชาติ นำไอศกรีมโบราณหลากหลายรส กว่า 5,000 แท่ง มาแจกให้กับประชาชนเพื่อให้คลายร้อน รวมทั้งได้จัดบริการข้าวหมูเจ้หมวย ซึ่งเป็นร้านชื่อดังจาก จ.ราชบุรี จำนวน 2,000 จาน มาไว้บริการให้แก่ประชาชน
ในการนี้ระหว่างที่ทรงทอดไก่อยู่นั้น พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรราชาทินัดดามาตุ ทรงมีรับสั่งผ่านเจ้าหน้าที่ว่า ให้ประชาชนทุกคนที่มารับอาหารพระราชทาน ดูแลเรื่องของขยะด้วย เมื่อรับประทานเสร็จแล้วควรนำไปทิ้งที่ถังขยะให้ถูกที่
**ปิดถนนรอบสนามหลวงช่วง29-31 ต.ค.
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะฝ่ายเลขานุการศูนย์อำนวยการติดตามสถานการณ์ (ศตส.) เป็นประธานการประชุมร่วมฝ่ายเลขานุการ ศตส. เพื่อวางแนวปฏิบัติสำหรับประชาชนที่จะเข้าเฝ้าฯ กราบถวายบังคมพระบรมศพ ณ พระที่งนั่งดุสิตมหาปราสาท โดยในช่วงวันที่ 29-31 ต.ค.นี้ ประเมินว่าจะมีประชาชนเข้ามาเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจะมีการปิดถนนโดยรอบท้องสนามหลวงทั้งหมด ตั้งแต่เวลา 07.00 น. ของทุกวันเป็นต้นไป ทั้งถนนราชดำเนิน และในส่วนของฝั่งธนบุรี ตั้งแต่แยกอรุณอัมรินทร์ ไม่ให้รถยนต์ส่วนบุคคลเข้า โดยอำนวยความสะดวกจัดรถ ขสมก.ให้บริการ พร้อมปรับจุดรับส่งประชาชนให้มีระยะห่าง เพื่อให้การจราจรไหลลื่น
** เปิดให้นักท่องเที่ยวชมวัดพระแก้ว 1 พ.ย.
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระแก้ว และพระบรมมหาราชวังตามปกติ เพื่อให้การขับเคลื่อนการท่องเที่ยว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดแผนรองรับเรื่องการจราจรไว้แล้ว โดยปกติแต่ละวันจะมีรถทัวร์เข้ามายังพื้นที่ประมาณ 200 คัน โดยจะเปิดให้ท่องเที่ยวชมได้ ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. เข้าที่ประตูวิเศษชัยศรี
** แจงเพจปลอม"นายกฯ" มีตั้งแต่ปี 58
นายสุวพันธุ์ ยังกล่าวถึงสถานการณ์ด้านความมั่นคง ว่า ยังเรียบร้อยดี ไม่มีอะไร ส่วนที่มีผู้ไม่หวังดีสร้างเพจปลอมนายกรัฐมนตรีนั้น ตนไม่ทราบว่าเป็นใครดำเนินการมีการจดทะเบียนในต่างประเทศ หรือไม่นั้นต้องถามฝ่ายความมั่นคง แต่ทราบว่ามีการดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2558 โดยติดตามข้อมูลข่าวสารต่างๆ เพื่อนำเสนอโดยหวังให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด
ส่วนกรณีที่โซเชียลมีเดีย โจมตีคนที่เดินทางไปสนามหลวงและพื้นที่โดยรอบพระบรมมหาราชวัง ว่า แทนที่จะมาร่วมแสดงความอาลัย แต่กลับไปเพื่อถ่ายรูป พบปะ และรับของแจกฟรีนั้น ความจริงเป็นเรื่องที่เราก็ห้ามไม่ได้ ส่วนตัวมองว่าประเทศเราวันนี้อยู่ในความเศร้าโศก ตนเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ที่ไปไปด้วยความรักความอาลัยต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระปรมินทรภูมิพลอดุลยเดช แต่ก็มีคนมีจิตใจอีกอย่าง จึงเป็นเรื่องของการเรียนรู้ถึงความเหมาะสม ซึ่งบางอย่างที่พบว่าไม่เหมาะสม ก็ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตักเตือน
วานนี้ (26 ต.ค.) เวลา 07.05 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง ไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายภัตตาหารเช้า แด่พระพิธีธรรม ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย หน้าพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิอดุลยเดช ทรงกราบ ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร เป็นพระพุทธรูปประทับยืนแบบสมภังค์ แสดงปางห้ามญาติ หรืออภัยมุทราด้วยพระหัตถ์ขวาเพียงข้างเดียว ที่หน้าพระแท่นนพปฏลมหาเศวตฉัตร จากนั้นประเคนสำรับภัตตาหาร แด่พระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดอนงคารามวรวิหาร และวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร มาตั้งแต่ค่ำวันที่ 25 ต.ค.59 จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินกลับ
ต่อมาเวลา 14.55 น. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จพร้อมด้วย ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
ส่วนบรรยากาศที่ศาลาสหทัยสมาคม เมื่อเวลา 08.00 น. เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง เปิดให้ประชาชนเข้าลงนามแสดงความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บริเวณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมหาราชวัง เป็นวันที่ 12 ซึ่งมีพสกนิกรเดินทางมาไม่ขาดสาย ตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่
**** วธ.จัดทำสมุดภาพงานพระบรมศพ
พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเตรียมการและการดำเนินการเกี่ยวกับพระราชพิธี พระบรมศพฯ ว่า วธ.ได้รายงานว่าได้รับมอบหมายให้จัดทำสมุดภาพ “ประมวลเหตุการณ์งานพระบรมศพฯ” เพื่อเสนอนายกรัฐมนตรี โดยใน 1 ชุด ประกอบด้วย 3 เล่ม ได้แก่ ประมวลเหตุการณ์ในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคทั้ง 76 จังหวัด และต่างประเทศ
นอกจากนี้ ได้มีการรายงานความคืบหน้าการรวบรวมผลงานด้านวรรณกรรม เพื่อเป็นข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ซึ่งสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร ดำเนินการรวบรวมคำถวายความอาลัยของผู้นำประเทศต่างๆ บุคคลสำคัญ บทเพลง กวีนิพนธ์ ที่เกี่ยวเนื่องกับงานพระบรมศพ รวมทั้งมีการรวบรวมข้อมูลจัดทำคำราชาศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับงานพระบรมศพ
ขณะที่ กรมศิลปากรได้รายงานการดำเนินงานการจัดสร้างพระเมรุมาศ พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ ส่วนการบูรณะปฏิสังขรณ์ราชรถ พระยานมาศ ขณะนี้ได้ตรวจสภาพการใช้งานของพระมหาพิชัยราชรถ พระเวชยานตราราชรถ ราชรถน้อย 3 พระองค์ และพระยานมาศสามลำคาน 2 พระองค์ รวมทั้งพระที่นั่งราเชนทรยาน และพระวอสีวิกากาญจน์ เป็นต้น ซึ่งการดำเนินการในส่วนดังกล่าวมีความคืบหน้าไปมาก
อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานจดบันทึกเหตุการณ์เพื่อจัดทำจดหมายเหตุพระราชพิธีพระบรมศพนั้น กรมศิลปากรได้จัดเจ้าหน้าที่ลงบันทึกเหตุการณ์สำคัญๆ ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม เป็นต้นไป รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่รวบรวมข้อมูลข่าวสารจากสื่อมวลชนทุกแขนง พร้อมทั้งได้ร่วมมือกับช่างภาพจิตอาสาจากชมรมต่างๆ เพื่อบันทึกภาพเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ นำมาจัดทำจดหมายเหตุ
*** จักรพรรดิญี่ปุ่นร่วมไว้อาลัยในหลวงร.9
สำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่น รายงานว่า สำนักพระราชวังญี่ปุ่น เปิดเผยว่า สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะทรงส่งพระราชโทรเลข ลงวันที่ 24 ตุลาคม ถึงสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เพื่อแสดงความเสียพระราชหฤทัยต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ และสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ ทรงไว้ทุกข์เป็นการส่วนพระองค์เป็นเวลา 3 วัน หลังทรงทราบข่าวการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา
ราชวงศ์ไทยและญี่ปุ่นมีสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นมายาวนาน นับแต่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ เมื่อปี 2506 ในฐานะพระราชอาคันตุกะของสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ พระราชบิดาในสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ
จากนั้นในปีถัดมา สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ ซึ่งขณะนั้นทรงดำรงพระอิสริยยศมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะผู้แทนพระองค์ของสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ พร้อมสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ ซึ่งขณะนั้นทรงดำรงพระอิสริยยศมกุฎราชกุมารี และเมื่อสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ เสด็จขึ้นครองราชย์ พระองค์พร้อมด้วยสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ ทรงเลือกไทยเป็นประเทศแรกในการเสด็จเยือนต่างประเทศเป็นครั้งแรกของทั้ง 2 พระองค์ ในฐานะพระประมุขแห่งญี่ปุ่น
**ผู้ว่าฯกทม.นำขรก.แสดงความอาลัย
เมื่อเวลา 08.00 น. ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีแสดงความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมคณะผู้บริหาร และ สภากรุงเทพมหานคร ข้าราชการ และบุคลากร จำนวน 6,044 คน มีการร่วมร้องเพลงชาติไทย การถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์ และกล่าวแสดงความอาลัย จากนั้นผู้เข้าร่วมได้ยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 89 วินาที พร้อมมีการแปรอักษรเป็นตัวเลข ๙ และร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ซึ่งนำขับร้องโดย กิตตินันท์ ชินสำราญ (กริช เดอะวอยซ์) และถวายความเคารพ
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า กทม.ได้น้อมนำโครงการพระราชดำริ ตลอดจนพระบรมราชวินิจฉัยของพระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาใช้ในการแก้ปัญหา และพัฒนาเมืองในด้านต่างๆ อย่างเป็นขั้นตอน เป็นระบบ และครบวงจร อันเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนากรุงเทพฯ อย่างยั่งยืน เพื่อให้ประชาชนมีความผาสุกร่มเย็น และจะนำพระราชปณิธาน หลักการทรงงาน แนวพระราชดำริ และดำเนินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท ให้สมดังพระราชปณิธานที่จะเห็นกรุงเทพฯ เป็นเมืองสวรรค์ ที่มีความสุขอย่างยั่งยืน สืบไป
** แจงขั้นตอนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ
ทั้งนี้ ตามที่มีพระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ภายหลังพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลครบ 15 วัน ได้ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.59 เป็นต้นไป เวลา 08.00-21.00 น.ทุกวัน (ยกเว้นช่วงมีพระราชพิธีบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท) นั้น สำนักพระราชวังแจ้งว่า เส้นทางการเข้าถวายสักการะพระบรมศพ จะให้ขบวนประชาชน ซึ่งเดินมาจากมณฑลพิธีสนามหลวงเข้ามาทางประตูวิเศษไชยศรี ผ่านประตูพิมานไชยศรี จากนั้นเลี้ยวขวาไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ถึงประตูกำแพงแก้วด้านตะวันออกของพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จะมีเจ้าหน้าที่คอยจัดแถวเพื่อให้ประชาชนเข้าไปกราบพระบรมศพ จากนั้นให้เดินผ่านประตูกำแพงแก้วด้านตะวันออก เพื่อขึ้นสู่พระที่นั่งด้านมุกตะวันออกของพระที่นั่ง
ทั้งนี้ ผู้สวมรองเท้าแตะให้ถอดรองเท้าไว้ที่ฐานพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จากนั้นขึ้นไปถวายสักการะพระบรมศพ โดยเมื่อเข้าสู่ภายในพระที่นั่ง ตรงหน้าพระศพ ให้กราบพระบรมศพหนึ่งครั้ง จากนั้นให้กราบพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร ที่ประดิษฐานใต้พระมหาเศวตฉัตรของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 3 ครั้ง เสร็จแล้วให้ลงจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาททางมุขด้านเหนือ เลี้ยวซ้ายออกประตูกำแพงแก้ว ด้านตะวันตกของพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จากนั้นให้เดินออกจากพระบรมมหาราชวัง สู่ถนนมหาราช ทางประตูศรีสุนทร และประตูเทวาภิรมย์ ตามลำดับ ทั้งนี้ การเข้าไปถวายสักการะพระบรมศพ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทางสำนักพระราชวัง ได้ขอความร่วมมือกับประชาชนทุกคน ห้ามบันทึกภาพใดๆ
**ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯพระราชทานข้าวกล่อง
กองงานในพระองค์สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณอัครราชกุมารี ได้รับแจ้งจากตำหนักนักทิพย์พิมานว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณอัครราชกุมารี พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และ พระเจ้าหลานเธออทิตยาทรกิติคุณ พระราชทานเลี้ยงอาหารกล่องและน้ำแก่ประชาชนซึ่งเดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพ โดยเริ่มต้นวันนี้เป็นวันแรก และจะพระราชทานทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ ต่อเนื่องจนครบ100 วัน ณ ท้องสนามหลวง บริเวณบู๊ท 11 ตรงข้ามโรงแรมรัตนโกสินทร์ และโปรดให้จัดรถพยาบาล พร้อมแพทย์และพยาบาลจากโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เพื่อให้บริการและดูแลประชาชน สำหรับวันนี้ พระราชทานอาหารกล่อง ข้าวคั่วกลิ้งหมู ไก่ทอด พร้อมน้ำผลไม้โครงการหลวง จำนวน 500 ชุด
ขณะที่พยาบาลวิชาชีพฝ่ายการพยาบาลและกิจการพิเศษ รพ.จุฬาภรณ์ กล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี มีรับสั่งว่า "ให้ดูแลการรักษาประชาชนที่เจ็บป่วยให้ดีที่สุด" โดยทำการรักษาเบื้องต้นก็ปฐมพยาบาลจุดนี้ หากคนไข้มีอาการหนักให้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงโดยด่วน จะมาประจำจุดทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์ ตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น.
*** พระองค์โสมฯทอดไก่ประทานปชช.
เมื่อเวลา 13.05 น. พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จเป็นการส่วนพระองค์ มายังรถเคลื่อนที่ ของมูลนิธิ เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย หน้ากรมศิลปากร ถนนหน้าพระธาตุ เพื่อทรงทอดไก่ประทานให้แก่พสกนิกรที่มาลงนามแสดงความอาลัย แก่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ท่ามกลางพสกนิกรที่ต่อแถวอย่างเป็นระเบียบเพื่อรับข้าวเหนียวไก่ทอดพระราชทาน พร้อมรอชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด โดยวันนี้มีไก่ที่นำมาทอดทั้งหมด1,000 กก. พร้อมข้าวเหนียว 500 กก. อีกทั้งทางมูลนิธิฯ ยังได้ร่วมมือกับเดอะมอลล์ กรุ๊ป และมูลนิธิลูกเสือแห่งชาติ นำไอศกรีมโบราณหลากหลายรส กว่า 5,000 แท่ง มาแจกให้กับประชาชนเพื่อให้คลายร้อน รวมทั้งได้จัดบริการข้าวหมูเจ้หมวย ซึ่งเป็นร้านชื่อดังจาก จ.ราชบุรี จำนวน 2,000 จาน มาไว้บริการให้แก่ประชาชน
ในการนี้ระหว่างที่ทรงทอดไก่อยู่นั้น พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรราชาทินัดดามาตุ ทรงมีรับสั่งผ่านเจ้าหน้าที่ว่า ให้ประชาชนทุกคนที่มารับอาหารพระราชทาน ดูแลเรื่องของขยะด้วย เมื่อรับประทานเสร็จแล้วควรนำไปทิ้งที่ถังขยะให้ถูกที่
**ปิดถนนรอบสนามหลวงช่วง29-31 ต.ค.
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะฝ่ายเลขานุการศูนย์อำนวยการติดตามสถานการณ์ (ศตส.) เป็นประธานการประชุมร่วมฝ่ายเลขานุการ ศตส. เพื่อวางแนวปฏิบัติสำหรับประชาชนที่จะเข้าเฝ้าฯ กราบถวายบังคมพระบรมศพ ณ พระที่งนั่งดุสิตมหาปราสาท โดยในช่วงวันที่ 29-31 ต.ค.นี้ ประเมินว่าจะมีประชาชนเข้ามาเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจะมีการปิดถนนโดยรอบท้องสนามหลวงทั้งหมด ตั้งแต่เวลา 07.00 น. ของทุกวันเป็นต้นไป ทั้งถนนราชดำเนิน และในส่วนของฝั่งธนบุรี ตั้งแต่แยกอรุณอัมรินทร์ ไม่ให้รถยนต์ส่วนบุคคลเข้า โดยอำนวยความสะดวกจัดรถ ขสมก.ให้บริการ พร้อมปรับจุดรับส่งประชาชนให้มีระยะห่าง เพื่อให้การจราจรไหลลื่น
** เปิดให้นักท่องเที่ยวชมวัดพระแก้ว 1 พ.ย.
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระแก้ว และพระบรมมหาราชวังตามปกติ เพื่อให้การขับเคลื่อนการท่องเที่ยว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดแผนรองรับเรื่องการจราจรไว้แล้ว โดยปกติแต่ละวันจะมีรถทัวร์เข้ามายังพื้นที่ประมาณ 200 คัน โดยจะเปิดให้ท่องเที่ยวชมได้ ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. เข้าที่ประตูวิเศษชัยศรี
** แจงเพจปลอม"นายกฯ" มีตั้งแต่ปี 58
นายสุวพันธุ์ ยังกล่าวถึงสถานการณ์ด้านความมั่นคง ว่า ยังเรียบร้อยดี ไม่มีอะไร ส่วนที่มีผู้ไม่หวังดีสร้างเพจปลอมนายกรัฐมนตรีนั้น ตนไม่ทราบว่าเป็นใครดำเนินการมีการจดทะเบียนในต่างประเทศ หรือไม่นั้นต้องถามฝ่ายความมั่นคง แต่ทราบว่ามีการดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2558 โดยติดตามข้อมูลข่าวสารต่างๆ เพื่อนำเสนอโดยหวังให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด
ส่วนกรณีที่โซเชียลมีเดีย โจมตีคนที่เดินทางไปสนามหลวงและพื้นที่โดยรอบพระบรมมหาราชวัง ว่า แทนที่จะมาร่วมแสดงความอาลัย แต่กลับไปเพื่อถ่ายรูป พบปะ และรับของแจกฟรีนั้น ความจริงเป็นเรื่องที่เราก็ห้ามไม่ได้ ส่วนตัวมองว่าประเทศเราวันนี้อยู่ในความเศร้าโศก ตนเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ที่ไปไปด้วยความรักความอาลัยต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระปรมินทรภูมิพลอดุลยเดช แต่ก็มีคนมีจิตใจอีกอย่าง จึงเป็นเรื่องของการเรียนรู้ถึงความเหมาะสม ซึ่งบางอย่างที่พบว่าไม่เหมาะสม ก็ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตักเตือน